DC บทที่ 120: เหตุใดเขาจึงใหญ่โตตั้งแต่ยังเยาว์ (ฟรี)
DC บทที่ 120: เหตุใดเขาจึงใหญ่โตตั้งแต่ยังเยาว์
แม้ว่ามันจะใช้เวลานานกว่าที่ชิวเยวี่ยคาด ในการที่ซูหยางจะใจเย็นลงหลังจากที่ใช้เวลาและความพยายามไปอย่างสูญเปล่า พวกเขาก็มุ่งตรงไปยังสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
ในเวลานี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าสมบัติวิญญาณเป็นอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการที่จะต้องขุดเอาขยะไร้ค่าขึ้นมา ในเมื่อพวกเขาสามารถรับรู้ถึงพลังระดับสวรรค์ที่แผ่ออกมาไกลหลายกิโลเมตร
“มีกลุ่มอื่นเพิ่งไปถึงที่มีสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ ผู้ฝึกวิชาเขตสัมมาวิญญาณหกคน” ชิวเยวี่ยพลันกล่าวขึ้น
“อือ” ซูหยางพยักหน้ารับอย่างเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าไม่ใส่ใจที่ว่ามีผู้คนอยู่ในที่แห่งนั้น
ในใจเขานั้นไม่มีความหมายถ้าจะมีอีกกลุ่มหรืออีกหลายร้อยคนใกล้กับสมบัติวิญญาณ ถ้าไม่มีใครรู้ว่ามันมีอยู่ และถึงแม้ว่าจะมีบางทีรับรู้ว่ามันมีอยู่ พวกเขาจะสามารถนำมันออกมาได้ ก่อนที่ซูหยางและชิวเยวี่ยจะไปถึงและคว้าเอาได้หรือไม่
และภายในไม่กี่นาที พวกซูหยางก็สามารถเห็นคนกลุ่มหนึ่งในระยะห่างยืนรอบๆปลักน้ำสีดำขนาดใหญ่ ใหญ่จนเกือบเรียกได้ว่าสระน้ำ
ถ้าไม่สนใจสีของน้ำที่มีประกายของความตาย เฉพาะการมีอยู่ของมันก็แปลกเช่นกัน เหมือนกับว่าอยู่ๆก็มีขึ้น เหตุใดจึงปรากฏปลักน้ำขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ในเมื่อสถานที่แห่งนี้แห้งแล้งรกร้างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตรในทุกทิศทาง เหมือนกับการค้นหาโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย
“นี่ก็หลายอาทิตย์แล้วตั้งแต่มีการค้นพบโอเอซิสสีดำแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครหาวิธีแตะต้องน้ำนี้ที่ละลายทุกสิ่งที่มันสัมผัส”
หนึ่งในหกคนนั้นทอดถอนใจ
“มิน่าแปลกใจเลยหากจะมีสมบัติที่ทรงอำนาจซ่อนอยู่ในโอเอซิสสีดำแห่งนี้ แต่ถ้ากระทั่งสมบัติระดับวิญญาณยังละลายเมื่อสัมผัสกับน้ำนี้ จะมีโอกาสที่มีสิ่งของอยู่ภายในนั้นแค่ไหนกัน”
เมื่อโอเอซิสสีดำเพิ่งค้นพบ บางคนได้พยายามที่จะหยั่งความลึกของมันโดยแทงหอกของตนเอง ซึ่งเป็นสมบัติระดับวิญญาณลงไปในน้ำ แต่อนิจจา น้ำสีดำได้ละลายหอกจนเกือบหมดกว่าเจ้าของจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากอุบัติการณ์ครั้งนั้น ไม่มีใครกล้าแตะน้ำนั้นด้วยสิ่งของมีค่าอีก ด้วยกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหอกระดับวิญญาณจะเกิดขึ้นกับสมบัติมีค่าของตนเอง
“ไปเถอะ ที่นี่มิมีอะไรที่เราสามารถทำได้”
คนทั้งหกที่ได้มาถึงโอเอซิสสีดำตัดสินใจจากไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มก้าวขาเดินไป คนสองคนก็นปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาราวกับภูติผี
การปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันเป็นเหตุให้คนทั้งหกกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ
“อา เชี่ย นั่นทำให้ข้าตกใจจนขวัญดีฝ่อ”
หนึ่งในหกคนร้องอุทานลั่นเมื่อเขาพบว่าผู้ที่มาไม่ได้เป็นซอมบี้
อย่างไรก็ตามผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง ซูหยางและชิวเยวี่ย ไม่ได้มีปฏิกิริยากับคำของเขา เพียงจ้องมองไปยังน้ำสีดำด้วยท่าทางครุ่นคิด
“อยู่อยู่ก็กระโดดมาแบบนั้นที่นี่ เจ้าหาเรื่องต่อยตีหรืออย่างไร”
“เฮ้ พวกเจ้าหูหนวกรึ หัดมองพวกเราเหล่าผู้อาวุโสด้วยขณะกำลังพูดกับเจ้า” หนึ่งในหกคนนั้น ชายวัยกลางคนศีรษะล้าน กล่าวด้วยท่าทางรำคาญใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ทันใดนั้นเองซูหยางก็หัวเราะเสียงดังลั่น สร้างความมึนงงให้คนทั้งหก
“เจ้าสุนัขนี่ชอบล้อเล่นกับชาวบ้านเสียจริง”
โดยไม่ให้คำอธิบายหรือลังเลใจ ซูหยางก้าวไปยังโอเอซิสสีดำ ก้าวตรงไปสู่น้ำสีดำ
"?!?!?!"
เมื่อคนทั้งหกเห็นเช่นนี้ ตาพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกไม่ต้องการจะเชื่อ
“อะไรกันว-นั่นบ้าไปแล้ว น้ำนั่นสามารถละลายกระทั่งสมบัติระดับวิญญาณ แต่เจ้านั่นกล้าแตะมันด้วยเลือดเนื้อ”
ผู้คนที่นั่นต่างคาดคิดว่าซูหยางต้องละลายเหมือนน้ำแข็งจุ่มลงไปในน้ำเดือดในโอเอซิสดำ แต่ดวงตาของพวกเขากลับยิ่งเบิกถลนเมื่อเวลาผ่านไปหลายนาทีแต่ซูหยางยังคงอยู่สบายดี กระทั่งเดินไปจนถึงใจกลางของโอเอซิสดำ
“เป็นไปไม่ได้ เหตุใดเขาไม่ละลายสลายหายไปจนกระทั่งบัดนี้”
“ห-หรือว่าเป็นเพราะว่าวิชาฝีมือที่เขาฝึกฝนมา”
“เป็นวิชาฝีมือแบบไหนกันที่สามารถทำให้เลือดเนื้อของเจ้าทนทานกว่าอาวุธระดับวิญญาณ นั่นมันไร้สาระ”
“เช่นนั้นเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร”
ซูหยางตอนนี้ยืนอยู่ยังใจกลางโอเอซิสดำ แต่น้ำสีดำนั้นท่วมถึงเพียงระดับหน้าท้องของเขาเท่านั้น
นี่ยิ่งสร้างความมึนงงให้กับคนทั้งหกที่นั่น เพราะว่าพวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าโอเอซิสดำจะช่างตื้นเขิน
ในเวลานั้นซูหยางยื่นมือลงไปในน้ำสีดำเหมือนกับตอนที่เขายื่นมือลงไปล้วงขวดยา
เขาดึงมือกลับภายในวินาทีถัดไป และที่กุมอยู่ในมือของเขาคือกริชเล่มหนึ่ง
กริชทั้งเล่มล้วนเป็นสีดำแม้กระทั่งตัวใบมีดที่ดูเหมือนจัดสร้างจากแก้วผลึก อย่างไรก็ตามถ้ามองดูให้ใกล้ชิดเข้าไปในใบมีด จะเห็นเส้นสีแดงจางแยกย้ายกันไปทั่วใบมีดดุจเส้นเลือด
ซูหยางตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ทั้งใบมีดชั่วขณะก่อนที่จะหมดความสนใจและเก็บมันไว้ในแหวนมิติ ตั้งแต่แรกเขาไม่รู้สึกว่ากริชนี้น่าสนใจ เพราะว่าเขาไม่ชอบอาวุธที่มีส่วนคมสั้น เพราะพวกมันสร้างความรำคาญใจให้เขาโดยไม่มีเหตุผล
อย่างไรก็ตามเมื่อคนทั้งหกที่นั่นมองเห็นกริชดำเป็นครั้งแรก ดวงตาของพวกเขามีประกายความสงสัย มองดูราวกับว่าพวกเขาพบกับรักครั้งแรกในชีวิต และแม้ว่าพวกเขาไม่รู้คุณสมบัติของกริชดำ แต่กลิ่นอายอันเกรี้ยวกราดนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าแข็งแกร่งกว่าสมบัติระดับวิญญาณใดๆที่พวกเขาเคยพบเห็นมาตลอดชั่วชีวิตนี้
นอกจากนี้กริชยังสามารถอาศัยอยู่ในโอเอซิสดำที่มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่านานแค่ไหนโดยไม่ละลาย เป็นสิ่งที่แม้กระทั่งสมบัติระดับวิญญาณก็ยังไม่สามารถ เกินความคาดหมายและจินตนาการของพวกเขา
ในใจของคนทั้งหกเต็มไปด้วยความกระหายอยาก รอยยิ้มชั่วร้ายเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อพวกเขารู้ว่า ที่นั่นมีเพียงซูหยางและชิวเยวี่ยในขณะที่พวกเขามีถึงหกคน ยิ่งไปกว่านั้นสองคนนั้นยังดูเยาว์วัยและแบบบาง แน่นอนว่าต้องขาดประสบการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาชายฉกรรจ์ทั้งหก โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูหยางที่ผิวผ่องประดุจหยกดูอ่อนแอยากต้านลม ราวกับว่าเขาไม่เคยหยิบจับกระบี่มาก่อนในชีวิต
“ต่อให้เขาฝึกฝนวิชาที่มีความลึกล้ำอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็มีเพียงสองคน ถ้าพวกเรารุม แม้นรกก็มิมีทางต้านพวกเราได้” หนึ่งในคนทั้งหกกระซิบให้กับคู่หู
“พวกเราค่อยกล่าวถึงส่วนแบ่งหลังจากได้รับกริช”
คนทั้งหกต่างพากันตกลงใจที่จะเอากริชมาเป็นของพวกเขา
อย่างไรก็ตามขณะที่ทั้งหกกำลังพูดคุยกัน ชิวเยวี่ยที่ยืนอยู่ห่างไปไม่กี่เมตรก็มองดูพวกเขาด้วยใบหน้าเย็นชา เธอหรี่ตาเล็กน้อย
เธอได้ยินชัดเจนกับการกระซิบกระซาบของพวกเขารวมไปถึงแผนการที่พวกเขาคิดปล้น แต่คนทั้งหกไม่รู้เรื่องราวและยังคงกระซิบคุยกันอยู่
เวลานั้นเองที่ซูหยางเดินกลับเข้าสู่ฝั่ง คนทั้งหกรีบหันไปมองเขาด้วยท่าทางคาดหวัง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายกระหายเลือด
ซูหยางย่อมรู้ชัดเจนดีถึงเจตนาของพวกเขาก่อนที่จะรับรู้ถึงความมุ่งร้ายเสียด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่มีแม้กระทั่งปฏิกิริยาใดบนใบหน้าเขาแม้แต่น้อย ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งหกเชื่อว่าเขาไม่รู้ถึงความตายที่กรายเข้ามาหา
อย่างไรก็ตามทันทีที่ซูหยางเดินเข้าสู่ฝั่ง ไม่เพียงแต่คนทั้งหก กระทั่งดวงตาชิวเยวี่ยเองก็เหลือกลานไปด้วยความตื่นตระหนก
“อ-อะ-อะไรกัน…”
กรามชิวเยวี่ยพลันตกถึงพื้น ใบหน้าแดงก่ำในทันทีหลังจากนั้น
“ดูตัวท่านเสียก่อน”
ชิวเยวี่ยตะโกนขณะที่เธอชี้นิ้วไปยังบริเวณเป้าของซูหยางด้วยมือข้างหนึ่ง และปิดตาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
“หืมม”
ซูหยางมองลงไปข้างล่างก็พบว่าน้องชายของเขาแกว่งไกวแสดงตัวอยู่กลางอากาศ
แม้ว่าเลือดเนื้อของเขาจะเป็นปกติหลังจากสัมผัสน้ำสีดำ แต่ไม่อาจกล่าวเช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าที่ละลายไปเห็นได้ชัดเมื่อลงไปในโอเอซิสดำ
อย่างไรก็ตามซูหยางรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปฏิกิริยาใดเมื่อเขาเห็นบริเวณเป้าถูกเปิดเผย
“เจ้าควรจะอยู่ในวัยที่ไม่รู้สึกอายจากเรื่องเหล่านี้แล้ว” ซูหยางกล่าวขณะส่ายหน้า “และนี่ก็หาใช่ครั้งแรกที่เจ้าเห็นมันเสียหน่อย”
“อะไรนะ ข้าจำไม่ได้ว่าเคย--”
แต่ก่อนที่ชิวเยวี่ยจะได้ปฏิเสธ ความทรงจำเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก ยังไร้เดียงสาเดินตามซูหยางเข้าไปในอ่างอาบน้ำพลันผุดขึ้นมาในใจ เป็นเหตุให้ร่างเธอถึงกับแข็งทื่อ
“เจ้าคงจำได้แล้วสินะ ส่วนใหญ่ที่เจ้าถูกตำหนิจากเยวี่ยไฮก็เพราะเป็นเรื่องนั้น” ซูหยางหัวเราะเบาๆ ทำให้ชิวเยวี่ยรู้สึกอายจนเกิดไอน้ำพวยพุ่งจากความรุ่มร้อนบนศีรษะ
เมื่อซูหยางมาถึงขอบของโอเอซิสดำ เวลานั้นก็เกิดหมอกเมฆขึ้นเหนือศีรษะของชิวเยวี่ยไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนหกชายฉกรรจ์ พวกเขาล้วนตกตะลึงกับขนาดของซูหยางจนพวกเขาเกือบลืมเกี่ยวกับการปล้นไปเสียสนิท
“เช็ดแม่ม เหตุใดเขาจึงใหญ่โตตั้งแต่ยังเยาว์”
“นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ข้าต้อง สัส ฆ่าเขาให้ได้”
พวกเขาต่างพากันอิจฉา “ขนาด” ของซูหยางอย่างง่ายๆ
เมื่อซูหยางขึ้นถึงฝั่ง เขานำเสื้อผ้าชุดที่แตกต่างออกไปมาเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และทำลายชุดเขียวเดิมทิ้งในทันใด และด้วยชุดใหม่สีขาวล้วนทำให้เขาดูไม่เป็นศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอีกต่อไป
“ตอนนี้แหละ”
อย่างไรก็ตามขณะที่ซูหยางเปลี่ยนเสื้อผ้า ชายฉกรรจ์ทั้งหกกระโดดเข้ามาหาเขาพร้อมทั้งอาวุธกำแน่นอยู่ในมือ
“ส่งกริชดำนั่นมา ถ้าเจ้ามิอยากตาย”
และเพราะว่าชิวเยวี่ยอายเกินไปแม้ว่าจะรับรู้ถึงสิ่งรอบข้าง เธอจึงไม่ได้ตอบสนองกับผู้ที่อยู่ในเขตสัมมาวิญญาณทั้งหก ที่ตรงเข้ามาทางพวกเขา
ส่วนสำหรับซูหยาง เขาเพียงแค่ชายตามองพวกเขาด้วยความไม่ใส่ใจ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“แม้ว่าข้ามิได้หลงไหลที่จะใช้กริช ข้าก็ยังอยากเห็นประสิทธิภาพของสิ่งนี้อยู่…”
ซูหยางนำเอากริชสีดำออกมาจากแหวนมิติและถ่ายเทปราณไร้ลักษณ์ลงไปเล็กน้อย
ทันทีที่ปราณไร้ลักษณ์เข้าไปสู่กริชสีดำ ชื่อของมันก็ปรากฏขึ้นในใจซูหยาง
“แมงป่องดำ”
นั่นเป็นชื่อของกริช และมันก็ยังถ่ายทอดความสามารถของมันเข้าไปในใจซูหยางด้วย
“หืมม… ไม่เลวสำหรับแค่ระดับสวรรค์”
เมื่อซูหยางชมแมงป่องดำ เส้นสีแดงภายในใบมีดดูเหมือนมีปฏิกิริยาด้วยการสว่างไสวขึ้น ราวกับว่ามันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“มาดูกันว่าเจ้ามีดีสมที่คุย…”
ซูหยางเปิดใช้งานก้าวเก้าดาราและหายไปจากตรงที่เขายืนอยู่ในพริบตา
เขาพลันปรากฏตัวด้านหลังชายฉกรรจ์คนที่อยู่ด้านหลังอีกห้าคนราวกับปีศาจ
วูชชชชช
เส้นแสงสีดำตวัดเป็นแนวโค้ง ขณะที่แมงป่องดำเฉือนลงไปบนผิวหนังด้านหลังของชายวัยกลางคนเพียงหนึ่งนิ้ว
“อาาาาาาาาาาาาา”
ชายคนนั้นพลันล้มลงไปบนพื้นและเริ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และเกือบในทันทีหลังจากถูกข่วนโดยแมงป่องดำ เส้นสีดำก็ปรากฏให้เห็นบนทุกสัดส่วนบนร่างกายของเขา ราวกับว่าเขาถูกปีศาจครอบงำ
เส้นสีดำครอบคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวของเขากลายเป็นสีดำ ราวกับศพที่ถูกเผา
นี่เป็นผลลัพธ์จากแมงป่องดำ
ไม่ว่าจะเป็นรอยบาดเล็กเพียงไหน ถ้าคมมีดสัมผัสแม้เพียงเซนต์เดียวบนผิวเหยื่อ พิษร้ายแรงที่อยู่ภายในใบมีดจะรุกล้ำเข้าไปในเส้นเลือดและฆ่าคนคนนั้นโดยการทำลายเม็ดเลือดทุกเซลล์ในร่าง
เมื่อชายฉกรรจ์ที่เหลือทั้งห้าเห็นผลลัพธ์ที่น่าหวาดหวั่นของแมงป่องดำ ใบหน้าของพวกเขาพลันบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดไปด้วยความกลัว ผิวกายซีดเผือดราวกับถูกดูดเลือดไป แม้ว่าจะเคยเห็นการตายที่น่าสยดสยองมามากมายในชีวิต พวกเขาก็ยังคงกลัวจนแทบบ้ากับสิ่งที่พวกเขาเห็น