ตอนที่แล้วตอนที่ 294 หลอกลวงจากสมบัติอันมีค่าของเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 296 อย่ามองว่าตัวเองเป็นคนนอก

ตอนที่ 295 องค์หญิง ท่านโง่หรือไม่ ?


เฟิงเฉินหยูมองด้วยความตกใจ และถามด้วยเสียงสั่น “มันคืออะไร? ไฝของหม่อมฉันมีปัญหาหรือ ?”

ไฝของนางนั้นหากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็น หากมองอย่างใกล้ชิดจะเห็นได้ นางจะใช้ผงทาหน้าปกปิดเป็นบางครั้งเพื่อซ่อนมันและนางก็สามารถทำได้ แต่วันนี้นางไม่ได้ทำ ดังนั้นแม้ว่านางจะแต่งหน้าบาง ๆ นางจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร นางไม่คิดว่าจะมีคนเห็น

นอกจากองค์หญิงคังอี้จะประหลาดใจ นางยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ข้าผู้นี้ไม่รู้กฎของราชวงศ์ต้าชุนและไม่ต้องการพูดออกมา แต่ในอาณาจักรทางตอนเหนือของเรา ไฝในบริเวณนั้นเป็นสัญลักษณ์ของขุนนางและอำนาจ ก่อนหน้านี้มีผู้ปกครองสามชั่วอายุคนที่มีไฝในบริเวณนั้นตั้งแต่แรกเกิด แต่ไฝเหล่านี้มีแต่ผู้ชาย และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นบนผู้หญิง”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้เฟิงจินหยวนและฮูหยินผู้เฒ่านิ่งเงียบ ขณะที่พวกเขามองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว จากนั้นพวกเขาได้ยินเฟิงจินหยวนพูดว่า “นางเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลเฟิง การที่นางจะเป็นขุนนางนั้นไม่จำเป็นที่จะพูด”

อย่างไรก็ตามคังอี้ก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ขุนนางผู้หญิงไม่ได้ขึ้นอยู่กับครอบครัวของนาง มันขึ้นอยู่กับครอบครัวของสามีนาง ความเป็นขุนนางของคุณหนูตระกูลเฟิงไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้ ในอนาคตนางจะมีความมั่งคั่ง”

คำพูดเกี่ยวกับโชคชะตาของนางที่มั่งคั่งในอนาคตทำให้คนของตระกูลเฟิงจมดิ่งลงไปในความคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่งพวกเขาได้ยินเฟิงจินหยวนพูดกับบ่าวรับใช้ “พรุ่งนี้เอาตราประทับของเสนาบดีเฟิง และเชิญหลิวปิง หมอหลวงหลิวมาดูอาการบาดเจ็บของคุณหนูใหญ่”

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเฟิงเฉินหยูทันที เฟิงจินหยวนจะเชิญแพทย์มารักษาอาการบาดเจ็บของนาง นั่นหมายความว่านางจะไม่ถูกส่งไปที่อารามแม่ชีอย่างแน่นอน ตอนแรกนางคิดว่านางอยู่สุดปลายเชือกแล้ว อย่างไรก็ตามนางไม่คิดว่าในพริบตานางจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นางอดไม่ได้ที่จะมองคังอี้อย่างแปลกประหลาด นางรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินนางเรียกตัวเองว่าข้าผู้นี้

เฟิงจินหยวนแนะนำตัวนางอย่างรวดเร็ว “นี่คือ องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจว องค์หญิงคังอี้ ข้าง ๆ พระองค์คือองค์หญิงรุ่ยเจียเป็นพระธิดาขององค์หญิงใหญ่”

เฟิงเฉินหยูตกใจเล็กน้อย นางเคยได้ยินว่าราชทูตจากเฉียนโจวมาถึงราชวงศ์ต้าชุนแล้ว แต่นางไม่คิดว่าจะเป็นองค์หญิง 2 พระองค์นี้ แต่ทำไมองค์หญิงทั้งสองพระองค์จึงมาที่คฤหาสน์เฟิง ?

นางลุกขึ้นและคุกเข่าอย่างรวดเร็ว “เฉินหยูคารวะองค์หญิงทั้งสองพระองค์เพคะ และขออภัยที่เฉินหยูหยาบคายอย่างมากในตอนแรก หม่อมฉันหวังว่าองค์หญิงจะไม่ถือโทษ” หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดแทนนาง และมอบผ้าไหมตำหนักจันทราให้นาง การทักทายครั้งนี้จริงใจมาก

คังอี้กล่าวอย่างรวดเร็ว “คุณหนูใหญ่ เจ้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี ข้ามาคฤหาสน์ในวันนี้ในฐานะแขก ดังนั้นอย่ามาพูดถึงพิธีรีตองในตอนนี้”

ทัศนคติของคังอี้นั้นดี แต่รุ่ยเจียผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ นางรู้สึกว่าเฟิงเฉินหยูน่ารังเกียจเมื่อมองเห็นชิ้นเนื้อที่หายไปจากหน้าผากของนาง นางอดไม่ได้ที่จะมองและพูดด้วยความไม่พอใจ “บาดแผลร้ายแรงเช่นนี้ เจ้าทำไมไม่หาอะไรมาปิดไว้ เจ้าต้องการให้คนที่เห็นตกใจหรือ ?”

เฟิงเฉินหยูรู้สึกอับอายอย่างแท้จริง นางยกมือขึ้นปิดหน้าผาก เซียงเอ๋อรู้สึกผิดและตอบในนามของนางว่า “ก่อนหน้านี้คุณหนูคลุมไว้เพคะ แต่ยิ่งมันถูกปกคลุมมากเท่าไหร่แผลก็ยิ่งหายช้าเพคะ ดังนั้นเราจึงเปิดออกเพคะ”

มันจะดีกว่าถ้านางไม่พูดอะไรเลย ขณะที่รุ่ยเจียเริ่มเบื่อมากขึ้น คังอี้เห็นว่านางกำลังจะเริ่มพูดอีกครั้ง นางจึงรีบจับมือบุตรสาวของนางอย่างรวดเร็วและพูดด้วยท่าทางที่ใจดี “ผู้ที่ไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน เหมือนตอนที่เจ้ายังเด็ก เจ้าซนมากวิ่งหกล้มมีแผลที่ขนาดใหญ่ที่ขา มีใครเคยพูดคำที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือไม่? รุ่ยเจีย เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเคารพผู้อื่นแบบเดียวกับที่คนอื่นจะเคารพเจ้า”

ต้องบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงนั้นไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่คังอี้เพราะผ้าไหมตำหนักจันทรา แต่การแสดงออกที่สง่างามของนางและความแตกต่างที่ชัดเจนของนางในเรื่องของความถูกต้องและความผิด ไม่ต้องพูดถึงฮูหยินผู้เฒ่า แต่แม้แต่อันชิ, ฮันชิ และจินเฉินก็เชื่อว่าพวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน พวกเขารู้สึกว่าแม้แต่ฮองเฮาก็ยังไม่เป็นแบบนี้

แต่ท่าทีของเฟิงหยูเฮงยังคงเหมือนเดิมขณะที่นางมองฉากตรงหน้านางราวกับว่ามันเป็นฉากละครเวที นอกเหนือจากความรัก นางไม่เคยเชื่อว่าใครบางคนจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดีโดยไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นเป็นองค์หญิงต่างแคว้น การมาที่ตระกูลเฟิงเพื่อทำหน้าที่อย่างไม่เห็นแก่ตัวจะทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

รุ่ยเจี่ยรู้สึกละอายจากสิ่งที่นางพูด เมื่อนางมองที่เฟิงเฉินหยูอีกครั้งนางรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เฟิงจินหยวนใช้ประโยชน์จากความรู้สึกที่อึดอัดใจของนางและพูดเสริมว่า “นี่เป็นนิสัยขององค์หญิงรุ่ยเจีย องค์หญิงใหญ่อย่าตำหนิองค์หญิงเลยพะยะค่ะ”

ด้วยเหตุผลบางอย่างรุ่ยเจียจึงตอบสนองต่อสิ่งที่เฟิงจินหยวนพูด โดยเฉพาะนางดูถูกบุตรสาวของเขา แต่เขาไม่ว่าอะไรและยกย่องนาง ทำให้นางรู้สึกเสียใจมาก นางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและพูดกับเฟิงเฉินหยูด้วยความจริงใจ “คุณหนูใหญ่ รุ่ยเจียไม่ได้ตั้งใจ ได้โปรดอย่าโกรธข้าเลย”

ใจของเฟิงเฉินหยูสั่นไหว แม้ว่านางจะยังคงถูกโจมตี แต่นางก็พบว่าองค์หญิงทั้งสองดูเหมือนจะปฏิบัติต่อตระกูลเฟิงอย่างดี นางมีความสงสัยในใจ แต่นางยังคงติดตามและพูดว่า “องค์หญิงอย่าพูดแบบนั้นเลยเพคะ เฟิงเฉินหยูไม่ได้โกรธเลยเพคะ”

ในเวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้เข้าร่วมการสนทนา “เฉินหยู ! แม้ว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เจ้าต้องขอบคุณน้องรองของเจ้าที่พาเจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย”

รอยยิ้มของเฟิงเฉินหยูนั้นแทบจะหายวับไปกับตา ดวงตาของนางเหมือนมีดสั้น และนางเกลียดที่นางไม่สามารถฆ่าเฟิงหยูเฮงได้

เฟิงหยูเฮงหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าของเฟินเฉินหยู “พี่ใหญ่ทำไมทำหน้าแบบนั้น? แม้ว่าข้าจะช่วยพูดกับพระสนมเซียนให้ท่าน แต่ข้าก็ยังไม่ได้รับคำขอบคุณของพี่ใหญ่ แถมท่านยังมองข้าด้วยสายตาแบบนี้”

ใบหน้าของของฮูหยินผู้เฒ่ามืดครึ้มเมื่อนางดุเฟิงเฉินหยู “เจ้าไม่รู้จักทำสิ่งที่ดีสำหรับตัวเจ้าเอง ? เจ้าก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ หากไม่ได้น้องรองของเจ้า ด้วยสถานะของพระสนมเซียนในพระราชวัง ถึงแม้ว่าเจ้าจะถูกตีจนตาย ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฟิงของเรา ตอนนี้เจ้ารอดชีวิตมาได้เจ้าก็ยังไม่ขอบคุณ แถมเจ้ามองน้องสาวของเจ้าด้วยสายตาแบบนั้นอีกหรือ ?”

เฟิงจินหยวนเตือนนางด้วย “คราวนี้มันเป็นความผิดของเจ้าจริง ๆ ขอบคุณอาเฮงเร็ว”

เฟิงเฉินหยูรู้สึกว่านางทำผิดโดยเฉพาะเมื่อนางเห็นรอยยิ้มของเฟิงหยูเฮง นางต้องการที่จะตะกุยหน้าของเฟิงหยูเฮงออกมา นางต้องการที่จะคัดค้านโดยไม่รู้ตัว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกขุ่นเคืองจนไม่สามารถเก็บอาการไว้ได้ ทันใดนั้นเมื่อนางมองหน้าคังอี้ นางก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา ความรู้สึกแบบนี้ปรากฏขึ้นทันทีและดึงดูดนางโดยไม่มีเหตุผลจริง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ดูเหมือนว่าคังอี้รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นเฟิงเฉินหยูมองไปที่นาง นางก็ยิ้มให้พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ความเกลียดชัง ความชั่วร้ายเป็นเรื่องตามธรรมชาติ ขณะที่ความเมตตา การรับรู้ถึงพระคุณและการตอบแทนนั้นเป็นเรื่องของชนชั้นสูง ข้าเชื่อมั่นว่าคุณหนูใหญ่อยู่ระดับนี้”

เสียงของนางไม่ดังมาก มันฟังดูสบายมากทำให้เฟิงเฉินหยูสงบลงในทันที จากนั้นโค้งคำนับต่อเฟิงหยูเฮงอย่างสงบพูดว่า “ขอบคุณน้องรองที่ช่วยพูดกับพระสนมเซียนให้ยกโทษให้ข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่สาว ขอบคุณน้องรองที่ปกป้องชีวิตข้า”

เฟิงหยูเฮงทำได้เพียงชื่นชมคังอี้ เป็นไปได้ไหมที่ภาคเหนือนั้นหนาวเกินไปและทำให้สมองของพวกเขาถูกแช่แข็ง ราชวงศ์ต้าชุนมีสี่ฤดูกาลที่แตกต่างกัน แต่มันเปลี่ยนสมองของผู้คน

“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ท่านพี่” นางยิ้มแล้วส่วนตัวก็เดินไปข้างหน้าเพื่อช่วยเฟิงเฉินหยูลุงขึ้น นางมองรอยแผลเป็นบนหน้าผากของนาง หลังจากมองไปครู่หนึ่งนางพูดว่า “ข้าจะให้ยาทากับพี่ใหญ่ใช้ภายหลัง”

เมื่อได้ยินมาว่านางก็จะช่วยรักษาบาดแผลของเฟิงเฉินหยู เฟิงจินหยวนก็มีความสุข เป็นที่รู้กันว่าตราบใดที่เฟิงหยูเฮงได้ลงมือรักษาก็จะดีกว่าการให้หมอหลวงรักษา

เฟิงเฉินหยูยิ่งชื่นชมและรู้สึกถึงบุญคุณยิ่งขึ้นไปอีก แต่ความรู้สึกนี้ไม่ได้มีต่อเฟิงหยูเฮง แต่กลับกลายเป็นองค์หญิงคังอี้ ใครจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่อ่อนโยนและนุ่มนวลเบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงจินหยวนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงว่านางจะได้รับยาจากเฟิงหยูเฮงด้วย นางดูถูกเฟิงหยูเฮงในทุกด้าน ยกเว้นความสามารถทางการแพทย์ของนางเท่านั้น ที่แม้แต่เฟิงเฉินหยูเองยังต้องปรบมือให้

“ขอบคุณน้องรอง” นางกล่าวขอบคุณนี้เต็มไปด้วยความสุข

เฟิงหยูเฮงยิ้มแล้วกลับไปที่ที่นั่งของนางโดยไม่พูดอะไร

เฟิงจื่อหรูนั่งข้างนาง แต่ไม่ได้พูดอะไรตลอดเวลา ในเวลานี้เขาเห็นความคิดของพี่สาวอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดความคิดขึ้นมา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับเฟิงจินหยวนว่า “ท่านพ่อ ศิษย์พี่เชิญให้จื่อหรูไปเล่นหมากล้อมด้วย จื่อหรูต้องไปก่อน คงไม่ดีถ้าให้ศิษย์พี่รอ”

“หือ ?” รุ่ยเจียสงสัยมาก “นี่เป็นบุตรของตระกูลเฟิงด้วยหรือไม่ ?”

คังอี้ใจหายและตระหนักถึงความล้มเหลวของนางทันที นางเคยได้ยินมานานแล้วว่าองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันมีน้องชาย แต่เขาไปเรียนหนังสือและไม่ได้กลับบ้าน ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้นั่งอยู่ข้างหลังกลุ่มคน แม้ว่านางจะเห็นเขา แต่นางก็ไม่ได้มีโอกาสถามว่าน้องชายขององค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันกลับมาหรือยัง นอกจากนี้เมื่อนางไปถึงงานเลี้ยงในพระราชวังเมื่อวานนี้ เฟิงจื่อหรูไปเล่นกับซวนเฟยหยูแล้ว นางจึงไม่เห็นเขา !

คังอี้จะไม่ยอมรับว่านางแยกเด็กออกจากความคิดของนาง แต่ตอนนี้เฟิงจื่อหรูพูดออกมาแล้ว นางไม่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้ แต่นางจะพูดอะไรได้บ้าง นางไม่มีของขวัญในมือ !

ในขณะที่นางมีปัญหาอย่างยิ่ง นางได้ยินรุ่ยเจียพูดด้วยความไม่พอใจว่า “แขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยมบ้านของเจ้า เจ้าจะไปเล่นหมากล้อมกับศิษย์พี่ของเจ้าเพื่ออะไร นี่เป็นการต้อนรับแบบไหนกัน ?”

ครั้งนี้เฟิงจินหยวนเริ่มกังวลเล็กน้อย เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะส่งสัญญาณให้คังอี้บอกรุ่ยเจียให้หยุด ผู้คนของเฉียนโจวไม่รู้ แต่คนที่จื่อหรูเรียกศิษย์พี่นั้นไม่มีใครนอกจากฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าชุน ! สำหรับเรื่องของการเล่นหมากล้อม เมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบดูเหมือนว่าฮ่องเต้ได้ทรงตรัสเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะตำหนิตัวเองอย่างเงียบ ๆ ว่าลืมเรื่องสำคัญไป

น่าเสียดายที่คังอี้ไม่ได้สังเกตลักษณะนี้เลย ในเวลานี้นางกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับสถานการณ์

รุ่ยเจียไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้ได้ และพูดต่อไปว่า “จริง ๆ แล้วแม้ว่าเด็กจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ควรมีแม่นมคอยเตือนเขา เจ้าก็ไม่ใช่เด็กเล็ก ดูสิ เจ้าไร้เหตุผลเช่นนี้ได้อย่างไร ?”

เฟิงจื่อหรูมองรุ่ยเจียด้วยความสับสน และแสดงความสงสัยว่า “ท่านพ่อ นี่คือองค์หญิงแห่งเฉียนโจวจริง ๆ หรือขอรับ ? ทำไมนางถึงพูดแบบนี้ ?”

“เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร” รุ่ยเจียระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “ทำไมเจ้าถึงสนใจว่าข้าจะพูดยังไง ? องค์หญิงมีความอยากรู้อยากเห็น ศิษย์พี่ประเภทไหนกัน เขาสำคัญมากเลยหรือ ? สำคัญกว่าเสด็จแม่ของข้าเลยหรือ ?”

จื่อหรูพยักหน้า “ใช่แล้ว”

“เจ้า…” รุ่ยเจียโกรธและหันไปถามท่านฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ทำไมหลานชายของท่านจึงพูดแบบนั้น ?” เมื่อถามคำถามนี้ นางก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ปกติ ทำไมฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงถึงมองหน้านางเช่นนี้ ทำไมทุกคนในตระกูลเฟิงมองนางเหมือนนางเป็นคนโง่ ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด