ตอนที่ 204 อลูเมร่า 3
โครงสร้างโถงทำให้หานเซี่ยวนึกถึงอาณาจักรโบราณที่อธิบายในหนังสือ มันกว้าง มีเก้าอี้อยู่สองฝั่งข้างทาง และปลายสุดก็คือที่นั่งหลังซึ่งปกคลุมด้วยหมีขาว ตามกำแพงมีทหารคอยยืนคุม
โถงเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอลูเมร่า พวกเขาหันมามองหานเซี่ยวเกือบพร้อมกัน ด้วยดวงตาเย็นชาและชิงชัง
หลายคนคิดว่าหานเซี่ยวมีเจตนาไม่ดี ดังนั้นส่วนใหญ่จึงไม่เห็นด้วยที่จะมาพบปะกับเขา พวกเขาได้ยินสิ่งที่ปีศาจทมิฬทำ และไม่รู้เจตนาเขา อย่างไรก็ตาม เสี่ยวจิตกล่าวว่าในเมื่อหานเซี่ยวเป็นนักฆ่า มันย่อมปลอดภัยกว่าที่จะเผชิญกับเขาซึ่งๆหน้า
มีทหารอยู่ในโถง ทั้งหมดพร้อมลั่นไกตลอดเวลา ยอดมนุษย์ซ่อนตัวในความมืด ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงรู้สึกปลอดดภัย
“ปีศาจทมิฬ”ดาร์ริลโบกมือ“เอาที่นั่งให้เขา”
ทหารดึงเก้าอี้มาและวางตรงกลางโถงราวกับมันเป็นการไต่สวน หานเซี่ยวรู้ว่าพวกเขาพยายามทำให้เขากลัว เขามาเพียงลำพังและอลูเมร่าก็อยากวางกล้าม
หานเซี่ยวไม่สนใจ เขาวางกระเป้าเป้ลงบนพื้นและนั่งลง“ไม่คิดแนะนำตัวหน่อยหรอ?”
“หยุดเสแสร้ง”ดาร์ริลกล่าว“แกต้องรู้ข้อมูลเราในเครือข่ายมืดอยู่แล้ว”
หานเซี่ยวกวาดตามองสมาชิกอลูเมร่าในโถงและสังเกตเห็นบางสิ่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้นั่งแยกกัน พวกหนึ่งเป็นของบ้านหลักซึ่งนั่งรอบดาร์ริล ส่วนเสี่ยวจิน เซอฉีและฝ่ายเหนือนั่งแยกกัน รายละเอียดนี้แสดงให้เห็นว่ามีความขัดแย้งรุนแรงในอลูเมร่า
มีผู้แข็งแกร่งบางคนหลบซ่อนอยู่ด้วย หานเซี่ยวเดาว่าหากการประชุมเป็นไปไม่ดีนัก เขาคงถูกโจมตี...ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเขา
ความสนใจส่วนใหญ่ของหานเซี่ยวคือเสี่ยวจินและพรรคพวกเขา
คนเหล่านี้คือตระกูลของร่างเดิมเขา และพวกเขาก็เกือบฆ่าเขา
ปัง!
ทันใดนั้น ดาร์ริลก็กระแทกที่จับเก้าอี้และตะโกน“ในหมู่บ้านหุบเขาเขียว แกโจมตีดินแดนเราและฆ่าคนของเราไป แกจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?!”
บรรยากาศตึงเครียดขึ้น แต่กลุ่มอำนาจอื่นกลับแสดงท่าทีไม่แยแส มีเพียงฝ่ายบ้านหลักที่แสดงความเป็นศัตรู
หานเซี่ยวจำได้ว่าเขาฆ่าหนึ่งในลูกชายบุญธรรมของเสี่ยวจินไป แต่เสี่ยวจินกลับแสดงสีหน้าเฉยชา หานเซี่ยวไม่รู้ว่าเขากำลังคิดดอะไรอยู่
“แล้วหากฉันฆ่าพวกเขาไปละ?หากไม่พอใจ ก็มาสู้กับฉันสิ”สีหน้าของหานเซี่ยวคล้ายรอยยิ้ม แต่ก็ไม่เชิง
ดาร์ริลไม่อาจเชื่อได้ว่าหานเซี่ยวจะกล้าอวดดีในดินแดนเขา เขาเกือบตกใจจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ“แก-”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หานเซี่ยวก็กล่าวขึ้น“นายเคยทำงานให้องค์กรต้นกำเนิด ฉันไม่ใช่คนเดียวที่คิดมาหาเรื่อง-6ประเทศเองก็เช่นกัน”
ฝูงชนตกตะลึง
ทำงานกับองค์กรต้นกำเนิด?ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ดาร์ริลกล้ำกลืนคำพูดและระงับความโกรธเขา“แกพูดเรื่องอะไร?เราไม่เคยทำงานให้องค์กรต้นกำเนิด”
“ซีโร่ ผู้ที่องค์กรต้นกำเนิดเสนอเงินให้เป็นจำนวนมากคือสมาชิกของตระกูลนาย”หานเซี่ยวตอบ“จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?”
ดาร์ริลตระหนักทันทีว่าทำไมปีศาจทมิฬถึงโจมตีพวกเขา-มันเพราะเขาเข้าใจผิดว่าพวกเขามีส่วนเกีย่วข้องกับองค์กรต้นกำเนิด ทีมที่ค้นหาหานเซี่ยวอาจถูกพบโดยปีศาจทมิฬเมื่อพวกเขาผ่านหมู่บ้านหุบเขาเขียว
เมื่อได้ยินว่าองค์กรต้นกำเนิดเป็นศัตรูกับปีศาจทมิฬ ดาร์ริลก็ตระหนักว่าเขาพบคำตอบของคำถามแล้ว เขาส่ายหัวและกล่าว“แกเข้าใจผิด ซีโร่เป็นลูกชายคนที่สองของเสี่ยวจิน หานเซี่ยว”
หานเซี่ยวขมวดคิ้ว เขามองดาร์ริลอย่างสุขุมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหมายที่ไม่อาจพูด
ดาร์ริลพูดต่อ“แต่หานเซี่ยวไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเราแล้ว นอกจากนี้ องค์กรต้นกำเนิดยังตั้งค่าหัวหานเซี่ยว นั่นหมายความว่านั่นคือเขาเป็นศัตรูพวกนั้น ยังมีอีกหลายเหตุผลที่เราจะไม่ทำงานกับองค์กรต้นกำเนิด”
มันเหมือนกับว่าอลูเมร่าต้องการตัดความสัมพันธ์พวกเขา ดวงตาของหานเซี่ยวเปล่งประกายขณะที่ล่อลวงคำพูดของจากปาก เขาตั้งใจทำราวกับว่าเขากำลังพูดอย่างจริงจัง“ฉันเชื่อ ด้วยวข้อมูลขององค์กรต้นกำเนิด พวกเขาย่อมรู้ว่าหานเซี่ยวเป็นพวกอลูเมร่า นายเป็นเบาะแสที่ดีสุด ทำไมองค์กรต้นกำเนิดถึงไม่คิดติดต่อมาเลยละ?”
ดาร์ริลตกตะลึง“พวกเขาไม่ได้ติดต่อเราจริงๆ”
“คิดว่าฉันจะเชื่องั้นหรอ?คิดว่าหน่วยข่าวกรองของ6ประเทศจะเชื่อเช่นนั้นงั้นหรอ?”หานเซี่ยวกล่าวเสียงเย็น“มีเรื่องน่าสงสัยมากเกินไป ฉันสามารถสรุปได้แค่ว่านายกำลังช่วยเหลือองค์กรต้นกำเนิดตามหาตัวคน และยังมีความเป็นไปได้ที่คนๆนั้นจะถูกจับส่งให้องค์กรต้นกำเนิด”
ดาร์ริลขมวดคิ้ว“นั่นไม่ใช่ความจริงเลย มันเป็นเรื่องอื่น”
“งั้นฉันก็อยากได้ยินเรื่องนั้น”
หานเซี่ยวไม่กลัว ทัศนคติเขาทำให้ดาร์ริลกัดฟัน เพื่อประโยชน์ของตระกูล พวกเขาต้องตัดความสัมพันธ์กับองค์กรต้นกำเนิดอย่างชัดเจน สงครามระหว่าง6ประเทศและองค์กรต้นกำเนิดกำลังแตกหัก ดังนั้นหากพวกเขาถูกเข้าใจผิด อลูเมร่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่
แม้หานเซี่ยวจะมาเพียงลำพัง ดาร์ริลก็ไม่กล้าทำอะไรเขา เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือปีศาจทมิฬ ด้วยตัวตนและพลังเขา เขาอาจได้รับคำสั่งมาจากตาข่ายมืด หากพวกเขาฆ่าเขา ตาข่ายมืดจะกลายเป็นศัตรูพวกเขาและจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับองค์กรต้นกำเนิด
สิ่งสำคัญสุดคือปีศาจทมิฬไม่อาจหยั่งรู้ได้ คนในสำนักงานใหญ่ไม่มีความมั่นใจพอจะฆ่าเขาได้
ดังนั้น ในจุดๆนี้ ดาร์ริลจึงทำได้แค่กล้ำกลืนกับความอวดดีของหานเซี่ยว เขาจ้องเสี่ยวจินด้วยสีหน้าดุร้าย เขารู้สึกว่านี่เป็นเพราะเสี่ยวจิน ดังนั้น เขาจึงกลอกตาและกล่าวเสียงดัง“ได้ หัวหน้าเสี่ยว ช่วยบอกรายละเอียดเขาด้วย”
เสี่ยวจินมองดาร์ริล หันหัวและกล่าว“เสี่ยว ไห่ บอกเขา”
ชายหนุ่มหล่อคนหนึ่งเดินจากด้านหลังเสี่ยวจิน หน้าตาเขาค่อนข้างร้ายกาจ
เสี่ยวไห่ ลูกชายคนแรกและเก่งกาจสุดของเสี่ยวจินคือผู้ดูแลกลุ่มเสี่ยว
เขาเป็นคนที่มีอำนาจทางการเมืองและเสี่ยวจินก็ยกให้เขามาแทนที่
“หนึ่งปีก่อน ฉันได้คุ้มกันเสบียงและถูกโจมตีกลางทาง หานเซี่ยวพลัดหายไป และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาอีก”เสี่ยวไห่กล่าวเสียงเย็น
ครั้งนี้ หัวหน้าจากกลุ่มเหนือกล่าว“ขอรายละเอียดมากกว่านี้ด้วย แขกเราดูเหมือนจะไม่เชื่อ”
เสี่ยวไห่ทำเสียงฮึดฮัดและกล่าว“ผู้โจมตีมาหาฉัน หานเซี่ยวเป็นน้องชายฉัน งนั้นฉันจึงทำให้เขาดูเหมือนฉันและใช้เขาเป็นเหยื่อเพื่อให้ฉันหลบหนีมาได้ ฉันกลับไปตามกองกำลังมาเพิ่ม แต่เราก็ไม่อาจหาตัวเขาเจอแล้ว”
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว“งั้น นายก็ใช้ชีวิตน้องชายเป็นเหยื่อล่อ เขาเต็มใจทำเช่นนั้นงั้นหรอ?”
“คิดว่าไงละ?”เสี่ยวไห่รำคาญเต็มทน
ฝูงชนพูดคุยกัน ดวงตาพวกเขาจับจ้องเสี่ยวไห่ด้วยอารมณ์ต่างๆ
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”ดาร์ริลกล่าว“เราสามารถแสดงหลักฐานเพิ่มได้ และไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ เราก็ไม่มีความสัมพันธ์กับองค์กรต้นกำเนิด”
หานเซี่ยวพยักหน้า เขาได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้ว-สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร่างนี้และทัศนคติของตระกูลที่มีต่อเขา
เมื่อเขากล่าวถึงเจ้าของร่างนี้ คนในกลุ่มเสี่ยวก็ทำเหมือนมันเป็นคนแปลกหน้า โดยเฉพาะกับเสี่ยวไห่ที่ไม่แสดงความเสียใจเลยม้แต่น้อยต่อการฆ่าน้องชายตัวเอง และเสี่ยวจินก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก
โดยสรุป เจ้าของร่างเป็นคนที่ไม่มีใครรัก ทุกคนทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ
นายมีชีวิตค่อนข้างลำบากเลยนะ หานเซี่วยคิด
ผู้คนในโถงตระหนักถึงบางสิ่ง
เกิดอะไรขึ้นกับการควบคุมสถานการณ์?
ปีศาจทมิฬกลายเป็นฝ่ายซักถามตั้งแต่ตอนไหน?
นี่คือดินแดนเรา-แล้วศักดิ์ศรีของเราละ?