เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0015
ตอนที่ 15 : หมัดพยัคฆ์พิโรธ
ด้วยเสียงลมดังวูบ เยี่ยนจงหมิงพลันเข้าถึงตรงหน้าฉินหยุน นิ้วทั้งสองพลันประสานกันขณะพลังปราณมหาศาลถูกรวบรวมเอาไว้ที่สองนิ้ว ปลายนิ้วสั่นเทิ้มเล็กน้อยพร้อมกระจายหมอกโปร่งแสงทะลักออกมา!
แม้เหมือนใช้เวลาแต่ความจริงนั้นเพียงอึดใจ สองนิ้วนั้นแทงเข้าใส่ท้องช่วงล่างของฉินหยุนโดยทันที
บริเวณท้องช่วงล่างคือสถานที่ซึ่งพลังธาตุตั้งอยู่!
ด้วยเยี่ยนจงหมิงรวบรวมพลังไว้ก่อนแล้ว การโจมตีนี้มีน้ำหนักเทียบเท่าราว 5,000 จิน* มองเพียงครั้งเดียวก็ชัดเจนแล้วว่านี่คือเจตนาต้องการป่นพลังธาตุของฉินหยุนให้แตกสลาย!
*ผู้แปล : 1 จิน = 0.5 กิโลกรัม เป็นหน่วยชั่งน้ำหนักของจีน
นี่เป็นเพียงการประลองเท่านั้น แต่แล้วอีกฝ่ายกลับใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!
เมื่อนักเรียนชั้นปีอื่นได้เห็นเรื่องราวโหดเหี้ยม พวกเขาลอบขมวดคิ้ว พวกเขาต่างทราบว่าเยี่ยนจงหมิงกระทำการโหดเหี้ยมเช่นนี้เพื่อเป็นการเอาใจจักรพรรดินี
เพียงพริบตา สองนิ้วของเยี่ยนจงหมิงจ้วงแทงรุนแรงเข้าใส่ท้องช่วงล่างของฉินหยุน!
ในพริบตานี้เอง ทุกคนต่างเชื่อแล้วว่าพลังธาตุของฉินหยุนจะต้องพิกลพิการ
โทสะของหยางฉีเย่ว์พลันปะทุ ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดฉินหยุนถึงเคียดแค้นจักรพรรดินีถึงเพียงนั้น รวมถึงเหล่าข้าราชบริพารเฒ่าผู้ชั่วร้ายเหล่านั้นด้วย!
เยี่ยนจงหมิงลอบยินดี เขาเชื่อว่าการโจมตีครั้งนี้สำเร็จแล้ว แต่เมื่อนิ้วนั้นกำลังจะสัมผัสกับท้องของฉินหยุน มันรู้สึกคล้ายสัมผัสโดนกับแผ่นเหล็กแข็งแกร่ง
และทันใดนั้นเอง ความเจ็บปวดเผาไหม้รุนแรงพลันรู้สึกที่ข้อมือ มันคล้ายกับโดนกัดด้วยฟันแข็งแกร่ง!
พอทุกคนได้เห็นดังนี้ พวกเขาล้วนมึนงง!
หลังรับการโจมตีจากเยี่ยนจงหมิง ฉินหยุนยังคงไร้การเคลื่อนไหวประหนึ่งภูเขาตั้งตระหง่าน ที่เขาทำก็เพียงแค่คว้าจับข้อมือของเยี่ยนจงหมิงเอาไว้เป็นการตอบโต้!
“นายนี่ไร้ปราณีจริงนะ!” น้ำเสียงของฉินหยุนเย็นเยียบและเบา ทว่าเปี่ยมด้วยความกราดเกรี้ยว
ขณะพูดยังไม่ทันจบคำดี มือของเขาที่คว้าข้อมือเยี่ยนจงหมิงเอาไว้พลันบิดอย่างรุนแรง!
“แกร๊ก!” เสียงกระดูกหักดังจนแทบทุกคนได้ยิน
เยี่ยนจงหมิงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ทั้งแขนบิดเบี้ยวเพราะฉินหยุน เพียงแต่หัวไหล่ยังเชื่อมต่อดีอยู่ เพียงเห็นแค่นี้ก็ชวนเจ็บปวดแทนแล้ว!
ฉินหยุนกำหมัดเอาไว้แน่นขณะเตรียมระบายความโกรธเข้าใส่หน้าท้องของเยี่ยนจงหมิง!
หมัดที่โจมตีออกนี้เปี่ยมด้วยความกราดเกรี้ยวประหนึ่งพยัคฆ์พิโรธ ผู้ถูกกระทำคล้ายโดนพยัคฆ์คำรามลั่นเข้าใส่ที่ใบหน้า
“อ๊าก!” หลังโดนต่อยเข้าที่ท้อง เยี่ยนจงหมิงส่งเสียงกรีดร้องออกครั้งพร้อมก้อนเลือดกระอักออกจากปาก
“หยุดมือ!” อาจารย์เร่งร้อนเข้าห้ามทัพ
หมัดพยัคฆ์พิโรธของฉินหยุนหาได้รามือไม่ เสียงคำรามพยัคฆ์คล้ายดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อสบโอกาสจึงลั่นการโจมตีใส่ใบหน้าของเยี่ยนจงหมิง!
เยี่ยนจงหมิงผู้ซึ่งยังไม่ทันกรีดร้องจากเมื่อครู่เสร็จก็พลันโดนหมัดต่อยเข้าที่ใบหน้า ร่างนั้นหมุนปลิวกลางอากาศร่วงหล่นออกจากลานประลองก่อนจะสิ้นสติไป
อาจารย์จากห้องเจ็ดเร่งรีบเข้ามาตรวจสอบ เขาขมวดคิ้วและกล่าวคำ “พลังธาตุภายในแตกซ่าน... รีบพาไปรักษาเร็ว!”
ถึงตอนนี้ไม่มีผู้ใดพูดอะไรอีก เป็นเพราะเยี่ยนจงหมิงที่ไร้ซึ่งความปราณีก่อน!
“สามกระบวนท่าจบลงแล้ว และคนที่เป็นขยะหาได้ใช่ข้าไม่ เป็นเจ้า!” ฉินหยุนมองที่เยี่ยนจงหมิงซึ่งหมดสติกองกับพื้นและกล่าวเย็นเยียบถึงสันหลัง
ผู้ชนะครั้งนี้คือฉินหยุนผู้ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะชนะ!
อีกทั้งเขายังทำให้เยี่ยนจงหมิงต้องหมดสภาพเพียงสามกระบวนท่า!
บรรดานักเรียนชั้นปีอื่นพลันระเบิดเสียงฮือฮากันออกมาจนต้องพูดคุยถึงการเคลื่อนไหวของฉินหยุนอย่างตื่นตระหนก
ฉินหยุนเคลื่อนไหวเพียงสามกระบวนท่าจริง เพลงหมัดของเขายังทั้งลื่นไหลเชี่ยวชาญ พลังปราณของเขาอยู่ระดับที่เหนือกว่าอีกฝ่าย เป็นผลให้เขาสามารถตอบสนองได้อย่างอิสระ กระทั่งอาจารย์หลายท่านยังต้องทึ่ง
“เมื่อครู่นั่นใช่หมัดวิญญาณพยัคฆ์หรือเปล่า? เป็นวิชาจากพวกนักเลงข้างถนน!”
“พลังปราณของฉินหยุนไม่ใช่เล่นเลย นี่อะไรกัน? ไม่ใช่ว่าเขาบาดเจ็บภายในอยู่ก่อนหรือ? ทำไมถึงเคลื่อนไหวเหมือนไม่เป็นอะไรเลยกัน!”
“ประหลาดนัก ทำไมหมอนั่นโดนเยี่ยนจงหมิงแทงเข้าใส่แล้วถึงไม่บาดเจ็บ?”
“เจ้าหมอนั่นมีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตะวันจริงหรือ?”
“บางทีอาจเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ด้วยวิญญาณยุทธ์ระดับนั้นสมควรช่วยสร้างให้พลังปราณแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย”
ตลอดห้าปีมานี้ฉินหยุนฝึกฝนร่างกายไม่เคยขาด ร่างกายของเขาตอนนี้จึงแข็งแกร่งยิ่งกว่า เมื่อครู่ เขาได้โคจรวิชาหยางสีดำร่วมด้วย เป็นผลให้พลังภายในเกิดการสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง คลื่นการสั่นไหวนั้นเป็นเขาปล่อยออกพร้อมพลังปราณที่แข็งแกร่ง จนเป็นผลให้หน้าท้องเกิดการแข็งตัวอย่างหาใดเปรียบ จึงเป็นผลให้เขาสามารถสกัดการโจมตีรุนแรงของเยี่ยนจงหมิงเอาไว้ได้!
เมื่อพลังปราณผ่านการฝึกฝนถึงระดับหนึ่ง มันสามารถเคลื่อนคล้อยผ่านเลือดเนื้อและผิวหนัง กระทั่งไหลเวียนต่อไปยังดาบหรืออาวุธอื่น!
นอกจากนี้ ฉินหยุนยังประสบความสำเร็จถึงขั้นกลางกับการฝึกฝนพลังภายในชั่วข้ามคืน เขาจึงสามารถปลดปล่อยพลังปราณผ่านทางวิญญาณยุทธ์ได้ เป็นผลให้พลังปราณของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเยี่ยนจงหมิงนับสองเท่า นี่คือกุญแจสู่ชัยชนะแก่เขา
ผู้อาวุโสตะโกนขึ้น “เยี่ยนจงหมิงจากห้องเจ็ดพ่ายแพ้ ห้องเจ็ดถูกคัดออก ฉินหยุนจากห้องเก้าชนะ เข้าสู่รอบที่สอง!”
นักเรียนจากห้องเจ็ดตอนแรกนั้นยินดีอย่างถึงที่สุด พวกเขาเชื่อมั่นว่าเยี่ยนจงหมิงจะสามารถเอาชนะฉินหยุนได้อย่างง่ายดาย!
แต่แล้วตอนนี้ พวกเขากลับเผยสีหน้าขื่นขม ทรัพยากรของพวกเขาในภาคการศึกษานี้หลุดลอยหายไปแล้ว!
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเยี่ยนจงหมิง พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าเป็นเพราะประมาทฉินหยุนทั้งที่อีกฝ่ายถือครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง
มีเพียงหยางฉีเย่ว์ที่ทราบว่าฉินหยุนฝึกฝนพลังปราณถึงขั้นกลางแล้ว เพราะแบบนั้นพลังปราณของเขาถึงแข็งแกร่งยิ่ง
ฉินหยุนเดินลงจากลานประลองและกลับมายืนข้างหยางฉีเย่ว์
ดวงตาของหยางฉีเย่ว์เปี่ยมด้วยความชื่นชม นางยิ้มให้ฉินหยุน รอยยิ้มนี้ทรงเสน่ห์เหนือล้ำนัก มันทั้งงดงามและอ่อนโยน ทำเอาทุกผู้คนที่เห็นคล้ายโดนสายลมรักพัดผ่านหัวใจ
“ดีมาก ตราบเท่าที่คู่ต่อสู้ในรอบสองไม่แข็งแกร่งเกินไป เจ้าน่าจะชนะได้” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉินหยุนมองการประลองคู่อื่น มีหลายคู่เช่นกันที่ตัดสินแพ้ชนะกันได้แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ทำเขาทึ่งคือศิษย์จากตระกูลเจียงซึ่งเป็นเจ้านายของวิญญาณยุทธ์เสียง เขาใช้คลื่นเสียงล้มคู่ต่อสู้ ความสามารถนี้ถูกใช้งานผ่านพลังของวิญญาณยุทธ์เสียง มันทั้งรวดเร็วและทรงพลังยิ่ง
“หวังว่าคงไม่ได้พบเจ้านั่น” ฉินหยุนคิดเช่นนี้กับตัวเองภายในใจ ผู้อื่นที่เข้าร่วมประลองก็เช่นกัน
ไม่ช้าการประลองรอบแรกก็เสร็จสิ้น ห้องแปดถูกคัดออก
ถัดจากนั้นคือการจับคู่ของรอบที่สอง
หลังจากหยางฉีเย่ว์จับคู่ใหม่เรียบร้อย นางลอบสบถภายในใจต่อโชคของนางที่เลวร้าย นางถึงกับจับได้ห้องสิบเอ็ด
ห้องสิบเอ็ดคือเย่เหว่ยเสวียนที่ได้รับวิญญาณยุทธ์สายฟ้าระดับทองคำไปครอบครอง เขาเติบโตขึ้นในตระกูลที่มีวิญญาณยุทธ์สายฟ้ามาหลายชั่วอายุคน ผลลัพธ์คือแม้เพียงเขาเพิ่งปลุกวิญญาณยุทธ์สายฟ้าขึ้นมาได้ เขาก็ยังคงมีพลังปราณธาตุสายฟ้าให้ใช้งานอยู่ก่อนแล้ว
“เย่เหว่ยเสวียนมาจากตระกูลทางฝั่งจักรพรรดินี หากเขาเรียกหาจักรพรรดินีเป็นป้า เช่นนั้นการกระทำของเขาต่อเจ้าย่อมไม่มีทางเบามือแน่” หยางฉีเย่ว์เอ่ยเตือนเสียงเบา “ข้าเพิ่งไปดูเขาประลองมา เขาสามารถใช้พลังปราณออกเป็นธาตุสายฟ้าได้ เจ้าต้องระวังให้ดี”
“แบบนั้นแล้วจักรพรรดินีก็มีวิญญาณยุทธ์สายฟ้า? ข้านึกว่าวิญญาณยุทธ์ของนางเป็นงูพิษเสียอีก!” ฉินหยุนเม้มริมฝีปากขณะเดินขึ้นลานประลอง
เมื่อขึ้นมายืนบนลานประลอง พลังปราณของเขาเกิดการสั่นไหวและสะท้อนออกมาเป็นวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง มันควบแน่นและปลดปล่อยพลังไฟที่ทรงพลังออกมา!
เย่เหว่ยเสวียนเองก็อยากอยู่ร่วมห้องเรียนเดียวกับอาจารย์แสนสวยอย่างหยางฉีเย่ว์ แต่เพราะโดนบีบบังคับให้เปลี่ยนห้องเรียน เรื่องนี้เป็นเพราะฉินหยุน สิ่งที่เขาคิดกล่าวโทษคือฉินหยุน
เขาเชื่อว่าหากสามารถกำจัดฉินหยุนให้พ้นทางได้ เขาจะสามารถกลับไปร่วมห้องเรียนของหยางฉีเย่ว์ได้
ขณะที่เย่เหว่ยเสวียนเดินขึ้นลาน หมัดของเขากำแน่นปรากฏสายฟ้าแปลบปลาบ เป็นพลังปราณสายฟ้า!
“เย่เหว่ยเสวียนยังไม่ทันได้เริ่มฝึกฝนวิชาพลังภายใน แต่กลับสามารถใช้พลังปราณที่มีธาตุสายฟ้าได้แล้ว ดูเหมือนนี่จะเป็นการฝึกฝนตั้งแต่ต้นของตระกูลเย่ที่ลือชื่อเรื่องหมัดสายฟ้า”
“ต้องไม่ประเมินพลังปราณสายฟ้าเหล่านี้ต่ำเกินไป สิ่งนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังปราณที่ไม่มีคุณลักษณะพิเศษมาก!”
นักเรียนชั้นปีอื่นหลายคนเริ่มเอ่ยชมวิญญาณยุทธ์สายฟ้าของเย่เหว่ยเสวียนกันไม่ขาดปาก พวกเขารู้เป็นอย่างดี และวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของฉินหยุนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากรู้มากขึ้นว่าสามารถทำอะไรได้
“หมัดวิญญาณพยัคฆ์ของเจ้าแข็งแกร่งมาก สนใจต่อสู้กันด้วยหมัดหรือไม่ละ?” เย่เหว่ยเสวียนยิ้มให้ฉินหยุนขณะเผยสีหน้าทะนงตนอย่างเปี่ยมล้น
พอทุกคนได้ยินดังนี้ พวกเขาล้วนอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะกันออกมา!
“หมัดสายฟ้าของตระกูลเย่ เป็นเคล็ดวิชาลับของตระกูลเย่ แต่หมัดวิญญาณพยัคฆ์เป็นอะไรที่พวกเรารู้กันดีกว่าก็แค่ของระดับล่าง”
“เย่เหว่ยเสวียนรังแกกันจนเกินไปแล้ว คิดใช้วิชายุทธ์ระดับวิญญาณรังแกวิชายุทธ์ระดับเริ่มต้น!”
“ฉินหยุนไม่ใช่คนโง่ เขาไม่รับปากแน่”
ฉินหยุนลอบตื่นตระหนก หมัดสายฟ้าคือวิชายุทธ์ระดับวิญญาณ! ในพระราชวังหลวง เขาไม่เคยได้เรียนวิชายุทธ์ใดมาก่อน ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเรื่องนี้อยู่ภายใน
“ย่อมได้!” ฉินหยุนตกปากรับคำด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เขาคิดแลกหมัดกับเย่เหว่ยเสวียนจริง!