ราชันย์เร้นลับ 54 : ลูกค้าดูดวงคนแรก
ราชันย์เร้นลับ 54 : ลูกค้าดูดวงคนแรก
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของไคลน์ แอนเจลิก้าเริ่มสัมผัสได้ว่า สิ่งที่เธอเข้าใจอาจยังไม่ถูกต้อง
“ไม่ใช่หรือคะ? มิสเตอร์กลาซิสระบุว่า คุณสามารถบ่งชี้ความผิดปรกติเกี่ยวกับปอดของเขาอย่างง่ายดายเพียงสำรวจด้วยตาเปล่า…”
เสียงเธอค่อยลงจนกระทั่งเงียบไป
สำรวจตาเปล่า? หว่างคิ้วคล้ำน่ะหรือ?
ไคลน์เข้าใจสถานการณ์ทันที มันกล่าวพลางอมยิ้ม
“มิสเตอร์กลาซิสคงเข้าใจผิดไป”
ขณะชายหนุ่มกำลังจะโกหกแอนเจลิก้าว่านั่นเป็นเพียงการเดาสุ่ม แต่เมื่อฉุกคิดว่าตนยังไม่มีลูกค้าดูดวงแม้แต่รายเดียว สมองของมันเริ่มประมวลผลอย่างหนัก
เพื่อให้เป้าหมายสวมบทบาทเป็นนักทำนายบรรลุผล ไคลน์ตัดสินใจโกหกคำโต
“ผมระบุได้จากการทำนายครับ”
“ทำนาย? แต่มิสเตอร์กลาซิสบอกว่าคุณแค่สำรวจด้วยตาเปล่า นั่นก็เป็นการทำนายหรือคะ?”
แอนเจลิก้าไต่ถามน้ำเสียงฉงนปนทึ่ง
ไคลน์อมยิ้ม มันแจกแจง
“ในฐานะสมาชิกสโมสร คุณคงรู้จักศาสตร์ดูดวงด้วยลายมือใช่ไหม?”
บนโลกเก่า ศาสตร์ดูลายมือไม่เพียงนิยมในอาณาจักรคลั่งอาหาร แต่อินเดียและทวียุโรปก็มีศาสตร์ดูดวงที่คล้ายคลึงกัน ทว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้วิเศษ การทำนายด้วยลายมือไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก
“เคยได้ยินค่ะ แต่คุณไม่ได้ดูลายมือเขา… หรือว่าแอบดูโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว?”
แอนเจลิก้ายังคงแสดงสีหน้าเคลือบแคลง
“ผมอ่านจากลักษณะใบหน้าแทนครับ”
ไคลน์โกหกอย่างต่อเนื่อง
“เป็นศาสตร์ที่มีพื้นฐานคล้ายคลึงการดูลายมือมาก”
“งั้นหรือคะ?”
แอนเจลิก้ายังคงฉงน
เพื่อจะพัฒนาตัวเองบนเส้นทางนักทำนาย ไคลน์ไม่มีทางเลือกมากนัก มันแสยะยิ้มพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วขึ้นมาสัมผัสหว่างคิ้วสองหน
เพียงแค่จ้องมอง แสงออร่าของแอนเจลิก้าก็บ่งบอกทุกสิ่ง ช่วงศีรษะสีม่วง ช่วงแขนขาสีแดงสด ช่วงลำคอสีฟ้าคราม…
ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ เว้นแต่บางจุดที่หมองกว่าปรกตินิดหน่อย แต่นั่นสามารถเกิดได้จากภาวะเหนื่อยล้าตามปรกติ
ถัดมา ไคลน์เพ่งมองไปยังสีของอารมณ์และได้พบกับแสงส้มผสมกลมกลืนแดงและฟ้า หมายถึงอบอุ่น ตื่นเต้น และครุ่นคิด
ดีจัง… เมื่อตระหนักว่าสตรีเบื้องหน้ามีสุขภาพแข็งแรงและอารมณ์ปรกติ ไคลน์เตรียมจะออกจากเนตรวิญญาณ แต่ทันใดนั้น มันเหลือบเห็นความมืดอันเข้มข้นหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุดของสีอารมณ์
แถมยัง… สีขาวของอารมณ์ยังจางกว่าคนปรกติค่อนข้างมาก แสดงถึงการขาดแรงจูงใจเพื่อพัฒนาตัวเอง
ไคลน์พลางฉีกยิ้มกว้าง
“มิสเตอร์โมเร็ตติ คุณกำลังอ่านสีหน้าของดิฉันหรือคะ?”
เมื่อเห็นสุภาพบุรุษหนุ่มในชุดดำเบื้องหน้าเงียบงันและเอาแต่จ้องมอง แอนเจลิก้าเริ่มสัมผัสถึงความผิดปรกติ เธอไต่ถามด้วยน้ำเสียงสงสัยเจือกังวล
ไคลน์ไม่ตอบกลับทันที ตรงกันข้าม มันแอบสัมผัสหว่างคิ้วตนเองสองครั้งเบาๆ พร้อมกับแสร้งทำสีหน้าใคร่ครวญ
ขณะแอนเจลิก้าเริ่มกระสับกระส่าย ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน
“มาดามแอนเจลิก้าครับ ในบางครั้ง ความเศร้าและความเจ็บปวดไม่ควรถูกเก็บงำไว้ในใจนานเกินไป”
ทันใดนั้น นัยน์ตาสาวงามพลันเบิกโพลงพร้อมกับริมฝีปากที่อ้ากว้าง แต่เธอมิได้กล่าวสิ่งใดต่อ
หล่อนเอาแต่จ้องมองไคลน์ที่สวมหมวกทรงกึ่งสูงและมีบรรยากาศคล้ายนักวิชาการอย่างไม่กระพริบตา
เสียงอันลุ่มลึก อบอุ่น และเป็นกันเองของชายหนุ่มดังแว่วข้างหู
“คุณควรไปออกกำลังกายบ้างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา ตีเทนนิส หรือกิจกรรมอื่นที่เรียกเหงื่อ ในบางครั้ง ปล่อยให้น้ำตาไหลไปตามธรรมชาติโดยไม่ฝืนหยุด ในบางครั้ง ลองปล่อยตัวปล่อยใจตะโกนให้สุดเสียง พรั่งพรูอารมณ์ที่สุมในอกออกไปให้หมด
“แบบนั้นจะดีกับสุขภาพของคุณมากกว่า”
เมื่อไคลน์กล่าวจบ แอนเจลิก้าพลันตัวแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น ร่างกายลุกยืนขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว
เธอพยายามกระพริบตาถี่ๆ พร้อมกับก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเงยขึ้นมากล่าวกับไคลน์
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ…”
“ดูเหมือนวันนี้จะมีสมาชิกเยอะนะครับ”
ไคลน์รีบเปลี่ยนบทสนทนา ราวกับไม่เคยทำนายสิ่งใดให้แอนเจลิก้า ชายหนุ่มชำเลืองมองไปทางประตูห้องประชุมที่อยู่สุดทางเดิน
“บ่ายวันอาทิตย์… อย่างน้อยห้าสิบคน”
เสียงแอนเจลิก้าค่อนข้างแหบพร่า เธอกล่าวสั้นห้วนโดยเน้นเพียงคำสำคัญ
หล่อนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับคืนประหนึ่งวิญญาณประทับร่าง
“จะรับกาแฟหรือชาดีคะ?”
“ชาดำซิบป์”
ไคลน์พยักหน้าเบาๆ มันบรรจงถอดหมวกและเดินตรงไปตามทาง
ในวินาทีที่ชายหนุ่มหายลับเข้าไปในห้องประชุม แอนเจลิก้าถอนหายใจยาวอย่างช้าๆ
…
ห้องประชุมของสโมสรพยาการณ์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้างกว่าห้องเรียนของไคลน์สมัยมัธยมราวสองเท่าเห็นจะได้
ในคราวก่อน มีสมาชิกเพียงห้าถึงหกคนที่นั่งเรียนด้านใน ส่งผลให้ให้ดูโหวงเหวงพิกล แต่มาวันนี้ หมอดูหลายสิบกำลังนั่งกระจัดกระจายไปตามจุด ทุกคนช่วยเติมเต็มห้องประชุมกว้างขวางให้สมบูรณ์
แสงแดดส่องเข้ามาด้านในผ่านมุขหน้าต่างสองสามบานริมผนัง สมาชิกส่วนใหญ่ หากไม่สนทนาเสียงค่อยด้วยกันเองก็จะตั้งคำถามแก่เฮเนส·วินเซนต์ผู้รับหน้าที่บรรยาย บางส่วนนั่งทบทวนบทเรียนตามลำพังและฝึกฝนศาสตร์ทำนาย บางส่วนนั่งดื่มชากาแฟไปพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์โดยไม่รบกวนผู้ใด
ฉากเบื้องหน้าทำให้ไคลน์หวนนึกถึงช่วงเวลาสมัยเรียนบนโลกเก่า จุดที่แตกต่างคือเสียงเอะอะโวยวายซึ่งดังมากกว่า มิได้เงียบสงบและเปี่ยมด้วยบรรยากาศผู้ดีเหมือนกับห้องประชุมแห่งนี้
ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบ แต่ก็ไม่พบใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างเอ็ดเวิร์ดหรือกลาซิส ด้วยเหตุนี้ มันเดินไปหยิบหนังสือทำนายบนชั้นวางด้วยท่าทางไม่รีบร้อน หามุมสงบนั่งลง ก่อนจะใช้มือพลิกหน้ากระดาษเปิดอ่านอย่างผ่อนคลาย
เพียงไม่นาน แอนเจลิก้าเดินถือถ้วยชาเข้ามาและวางลงบนโต๊ะตรงหน้า
ขณะหล่อนกำลังรีบเดินกลับ เธอเหลือบเห็นมิสเตอร์โมเร็ตติปลดโซ่เงินแววาวออกจากข้อมือซ้าย สุดปลายโซ่มีบุษราคัมแท้สีเหลืองทองห้อยอยู่
เขาคิดจะทำอะไร?
แอนเจลิก้าลดฝีเท้าลงและชำเลืองมองการกระทำไคลน์ด้วยใจจอจ่อ
ชายหนุ่มถือโซ่เงินด้วยมือซ้ายและปล่อยให้ปลายบุษราคัมลอยเหนือถ้วยชาชิบป์ อีกนิดเดียวก็จะสัมผัสกับของเหลวด้านล่าง
ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไคลน์หรี่ตาลงและเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวให้เงียบงัน
บุษราคัมเริ่มขยับเบาๆ ไปพร้อมกับโซ่เงินในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
เมื่อเห็นเช่นนี้ แอนเจลิก้าพบว่ามิสเตอร์โมเร็ตติช่างลึกลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยปริศนา
“ชาดำที่คุณชงมีคุณภาพดีมาก”
ไคลน์กล่าวเสียงเบาหลังจากลืมตาขึ้นและอมยิ้ม …มันจงใจให้แอนเจลิก้าเห็นพฤติกรรมเมื่อครู่ทั้งหมด!
หากต้องการได้ลูกค้าดูดวง การแนะนำจากปากแอนเจลิก้าคือสิ่งสำคัญยิ่งยวด!
ในมือต้องการสวมบทบาทเป็นนักทำนาย ไคลน์จำเป็นต้องงัดลูกไม้ทั้งหมดออกมาใช้ โดยเฉพาะการแสดงให้อีกฝ่ายประจักษ์
“ใช่ค่ะ มิสเตอร์เฮเนสมักจู้จี้เรื่องคุณภาพชาเสมอ”
แอนเจลิก้ากล่าว สีหน้ายังคงเจือความทึ่ง
ไคลน์พันลูกตุ้มวิญญาณกลับเข้าที่เดิมรอบข้อมือ ถัดมาเป็นการชูถ้วยชาที่มีลวดลายดอกไม้ขึ้น มันแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันไปมองแอนเจลิก้าและขยิบตาแสดงมารยาบุรุษ
…
แอนเจลิก้าเดินกลับมานั่งประจำตำแหน่งในห้องรับแขก แต่เธอไม่มีอารมณ์จะอ่านนิตยสารอีก หล่อนนั่งเหม่ออยู่เช่นนั้น มองออกไปยังจุดห่างไกล ไม่มีใครทราบได้ว่ากำลังคิดสิ่งใด
เป็นอยู่นานจนกระทั่งใครบางคนออกแรงเคาะบานประตูไม้ แอนเจลิก้าได้สติกลับมาและรีบมองไปยังทางเข้า ภาพที่เห็นคือสุภาพสตรีเลอโฉมในเดรสสีฟ้าอ่อน
หญิงสาวปริศนาถอดหมวกที่ติดกับผ้าคลุมข่ายออก สีหน้าของเธอสงบนิ่งแต่เจือความเศร้าโศกไว้หลายส่วน
“สายันห์สวัสดิ์ค่ะ คุณสุภาพสตรี ต้องการจะเข้าร่วมสโมสรพยากรณ์ หรือต้องการดูดวงคะ?”
แอนเจลิก้าไต่ถามชัดถ้อยชัดคำ
“ดูดวงค่ะ”
สตรีปริศนามีคู่นัยน์ตาที่งดงามแต่อัดแน่นด้วยความเศร้า เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยขณะตอบ
แอนเจลิก้าส่งภาษากายให้หล่อนนั่งลงบนโซฟ้าพร้อมกับอธิบายขั้นตอนการดูดวงของสโมสรพยากรณ์โดยละเอียด
เธอหยิบอัลบัมรูปภาพขึ้นมาวางและเปิดกางออก
“เลือกใครก็ได้ค่ะ”
ด้วยท่าทีท้อแท้ สตรีเดรสฟ้าใช้มือบรรจงพลิกหน้าอัลบัมพลางมองสำรวจ แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งมีจำนวนสมาชิกค่อนข้างมาก ตัวเลือกของหมอดูจึงมหาศาล ส่งผลให้เธอออกอาการไม่พอใจ
“ช่วยแนะนำให้หน่อยได้ไหม? จากบรรดาหน้าเหล่านี้”
เธอชี้ไปยังหน้าบริเวณกึ่งกลางอัลบัม ซึ่งหมายถึงหมอดูที่คิดค่าบริการในช่วงกลาง คือแพงกว่าสี่เพนนี แต่ถูกกว่าสองซูล
แอนเจลิก้าหยิบสมุดอัลบัมกลับไปและกวาดสายตามองราวสองสามนาที ก่อนจะเรียบเรียงคำตอบ
“ฉันขอแนะนำสุภาพบุรุษท่านนี้”
สตรีเดรสฟ้าสีหน้าเศร้าสร้อยชำเลืองสายตามองปลายนิ้วแอนเจลิก้า หล่อนได้พบหมอดูที่มีชื่อว่า ‘ไคลน์·โมเร็ตติ’
“มิสเตอร์โมเร็ตติเพิ่งเข้าสโมสร… ผลการทำนายจะเชื่อได้จริงหรือ?”
เธอถามสีหน้ากังวล
แอนเจลิก้ารีบผงกศีรษะหนักแน่น
“สมาชิกท่านอื่นและตัวดิฉันเองได้เห็นพ้องต้องกันว่า มิสเตอร์โมเร็ตติเป็นหมอดูที่เก่งกาจ หากไม่เพราะเพิ่งเข้าร่วมสโมสร ค่าบริการของเขาคงไม่มีทางถูกขนาดนี้แน่”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
สตรีหน้าเศร้าผงกศีรษะ
“เลือกมิสเตอร์โมเร็ตติค่ะ”
“กรุณารอสักครู่นะคะ”
แอนเจลิก้าเก็บอัลบัมและเดินไปที่ห้องประชุมใหญ่
เธอเข้าไปหาไคลน์พลางกล่าวด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“มิสเตอร์โมเร็ตติ มีลูกค้าต้องการใช้บริการดูดวงค่ะ คุณจะใช้ห้องไหน?”
ได้ผลทันตาเห็น…
‘ธรุกิจ’แรกของตนมาถึงจนได้สินะ ไคลน์วางถ้วยชาลงและพยักหน้าอย่างสุขุม
“ห้องบุษราคัม”
“ค่ะ”
แอนเจลิก้าเดินนำไคลน์ไปยังห้องบุษราคัมก่อนจะเปิดประตูออก
ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับประตู บนโต๊ะมีอุปกรณ์สำหรับดูดวงหลายชนิดวางเรียงราย หลังจากรอไม่ถึงนาที สตรีในเดรสฟ้าอ่อนเดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าหดหู่และเศร้าหมอง
ฉวยโอกาสที่หล่อนกำลังปิดประตู ชายหนุ่มรีบแตะหว่างคิ้วสองครั้ง
สีเหลืองที่ช่องท้องหม่นหมองไปสักหน่อย… สีห้วงอารมณ์มีความมืดเจือปนในปริมาณมาก หลักๆ จะเป็นความกังวลและกระสับกระส่าย ไคลน์พิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอนหลังพิงเบาะ มันแอบเลื่อนมือขึ้นแตะหว่างคิ้วเพื่อออกจากภาวะเนตรวิญญาณ
“สวัสดีค่ะ มิสเตอร์โมเร็ตติ”
สตรีเดรสฟ้าอ่อนนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ผมควรเรียกคุณว่าอย่างไรดี?”
ไคลน์ไต่ถามตามมารยาท มิได้หวังคำตอบสักเท่าไร
ในฐานะนักรบคีย์บอร์ด มันทราบดีกว่าผู้คนจำนวนมากไม่ต้องการใช้ชื่อจริงสำหรับดูดวง
“เรียกแอนนาก็ได้ค่ะ”
แอนนาถอดหมวกที่ติดกับตาข่ายวางลงบนตัก เธอจ้องมองไคลน์ด้วยสีหน้าคาดหวังผสมเคลือบแคลง ก่อนจะกล่าว
“ดิฉันต้องการทำนายเกี่ยวกับสถานการณ์ของคู่หมั้นที่เดินทางไปยังทวีปใต้ในเดือนมีนาคมเพื่อเจรจาธุรกิจ เขาส่งโทรเลขหาครอบครัวและฉันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่สามของเดือนก่อน ใจความระบุว่ากำลังจะโดยสารเรือกลับ แต่ก็ไร้วี่แววหลังจากผ่านไปยี่สิบวัน
“ในตอนแรก ดิฉันเชื่อว่าการเดินทางอาจล่าช้าเพราะสภาพอากาศอันเลวร้ายของ‘ทะเลคลั่ง’ แต่จวบจนปัจจุบัน เวลาได้ล่วงผ่านมานานกว่าหนึ่งเดือน เรือโดยสารที่เขานั่งกลับ อัลฟัลฟ่า ก็ยังไม่จอดเทียบท่าเรือเอ็นมาร์ทสักที”
มหาสมุทรที่กั้นแบ่งทวีปเหนือและใต้ออกจากกันมีชื่อว่า‘ทะเลคลั่ง’ ขึ้นชื่อด้านความโหดร้ายของสภาพอากาศและกระแสน้ำเชี่ยวกราก หากไม่เพราะจักรพรรดิโรซายริเริ่มส่งคนออกค้นหาเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัย อาณาจักรทวีปเหนือและทวีปใต้ก็คงยังไม่เข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมเฉกเช่นปัจจุบัน อย่าว่าแต่เทคโนโลยีส่งโทรเลขข้ามทวีปเลย
ไคลน์จ้องมองลูกค้าคนแรกในอาชีพนักทำนายของตนครู่หนึ่ง ก่อนจะไต่ถาม
“คุณต้องการให้ผมทำนายด้วยวิธีใด?”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/