GE157 แคว้นเหว่ย [ฟรี]
แคว้นเยว่เป็นที่ลุ่มน้ำ แคว้นซ่งเป็นพื้นที่ป่าภูเขา แต่แคว้นเชิ่งเต็มไปด้วยสงคราม… ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยหลุมศพ
นิกายฝ่ายอธรรมทำลายนิกายฝ่ายธรรมะจนแทบสูญสิ้น แต่ในหมู่นิกายฝ่ายอธรรมเองก็มีการต่อสู้แย่งชิงเช่นกัน
ระหว่างทาง หนิงฝานเห็นนิกายหลายแห่งถูกทำลาย ทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยภูเขาและสายน้ำเต็มไปด้วยควันไฟ
แคว้นเชิ่งในยามนี้ปั่นป่วนโกลาหนเป็นอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญตกตายทุกวัน และมีคนขุดหลุมศพฝังให้ทุกวัน
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในแคว้นเชิ่ง หากไร้ซึ่งพลัง ก็จะกลายเป็นผู้ที่นอนในหลุมศพ
ชู่ซวนเชียนสื่อไม่ชอบบรรยากาศของแคว้นเชิ่ง นางเกลียดการต่อสู้ หนิงฝานก็เช่นกัน ทั้งสองมองหลุมศพที่เรียงรายดาษดื่น
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลุมศพเหล่านั้นฝังร่างบุรุษหรือสตรี
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลุมศพเหล่านั้นฝังร่างผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรหรือแก่นทองคำ
ชีวิตถือกำเนิด ตกตายสู่พื้นดิน...
แม้แคว้นเชิ่งจะปั่นป่วนวุ่นวาย แต่หนิงฝานก็รู้สึกนับถือ
เพราะแม้จะถูกศัตรูสังหาร แต่ผู้ที่สังหารจะขุดหลุมฝังศพให้… ความใจกว้างเช่นนี้ แม้ผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเยว่และแคว้นซ่งยังไม่อาจเทียบเคียง
หนิงฝานจ้องมองหลุมศพเหล่านั้น สภาพจิตใจยกระดับขึ้นช้าๆ
เมื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตนจะตายเมื่อใด แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ก็อาจถูกผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณสังหารโดยไม่รู้ตัว
แต่สุดท้าย...ทุกคนก็กลับคืนสู่ผืนดิน
บุบผาร่วงโรยคืนสู่ดิน มนุษย์ตายก็คืนสู่ผืนดิน
“ที่เจ้ามองสุสานพวกนั้นขนาดนี้ เจ้าอยากลงไปขุดสุสานหรือไง?” ชู่ซวนเชียนสื่อมองหนิงฝาน
“อย่าอคติคิดกับข้าแบบนั้นเลย...” หนิงฝานหลับตาพลางกล่าว
“ความโศกเศร้าไม่จางหาย ผู้คนขับขานบทเพลิงส่ง ร่างกายคืนสู่ธุลี…. แคว้นเชิ่งประกอบไปด้วยเต๋าแห่งความเป็นและความตาย เหนือจากสิ่งข้าเข้าใจ…จนข้าไม่อาจเข้าใจมันได้ แต่มันก็มอบประโยชน์ให้ข้าไม่น้อย”
คำกล่าวของหนิงฝานทำให้นางประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่นางเห็นและเข้าใจคือนิกายฝ่ายธรรมะและอธรรมห้ำหั่นฆ่าฟัน แต่สิ่งที่หนิงฝานเห็นคือเต๋าอันยิ่งใหญ่
ยามกลางวันฝึกฝน ยามตะวันตกดินฟังเพลงขลุ่ยขับขาน ยามราตรีจ้องมองหลุมศพสุสานมากมาย
ตั้งแต่โลหิตอสูรของหนิงฝานถูกกระตุ้น เขาก็เริ่มฝึกฝนวิชาอสูรที่พื้นฐานที่สุดอย่างต่อเนื่อง
การได้ฟังเพลงขลุ่ยขับขาน ทำให้หัวใจแห่งปีศาจหนิงฝานสงบ
การได้จ้องมองสุสานหลุมศพในยามราตรี ทำให้เจตจำนงค์เทพพิรุณของเขาทรงพลังมากขึ้น
การเดินทางในแคว้นเชิ่งนับว่าได้ประโยชน์ ที่เห็นอย่างชัดเจนคือหนิงฝานสามารถกระตุ้นโลหิตอสูรในร่างได้
หนิงฝานฝึกฝนวิชาอสูรพื้นฐานไปมากมาย จนครบจำนวนธาตุทั้งห้า
แม้จะกล่าวว่าเป็นวิชาอสูรที่พื้นฐานที่สุด แต่พวกมันก็ฝึกฝนได้ยาก… เมื่ออสูรบรรลุถึงขอบเขตแก่นทองคำ พวกมันต้องเลือกว่าจะกลายร่างเป็นมนุษย์ หรือคงร่างอสูรเอาไว้กังเดิม แต่หากอสูรใดครอบครองโลหิตวิญญาณแท้จริงไว้ สามารถเปลี่ยนร่างได้ทั้งสองแบบตามใจปรารถนา
ส่วนใหญ่แล้วจะมีอสูรในขอบเขตแก่นทองคำที่เลือกที่จะไม่กลายร่างเป็นมนุษย์...
ในบรรดาวิชาอสูรที่หนิงฝานฝึกฝน แม้จะเป็นวิชาที่เรียบง่าย ไม่ทรงอานุภาพเทียบเท่าวิชาในระดับแก่นทองคำหรือดวงจิตแรกเริ่ม แต่ก็ไม่อาจดูถูกพวกมัน เพราะแต่ละวิชาล้วนได้รับสืบทอดมาจากอสูรโบราณ ซึ่งแฝงไปด้วยความจริง
วิชาอสูรจะให้ความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของนิ้ว แตกต่างจากวิชาของมนุษย์ ผู้ที่จะใช้วิชาอสูรได้ล้วนต้องเป็นผู้มีการเคลื่อนไหวนิ้วที่แม่นยำ เพราะต้นกำเนิดปราณอสูรและปราณของมนุษย์นั้นต่างกัน
ปราณอสูรภายในร่าง เหล่าอสูรจะใช้มาป้องกันการจู่โจม ส่วนการโจมตีนั้นจะเกิดจากพลังจิตและพลังธรรมชาติที่หยิบยืมมา
ยามนี้หนิงฝานขยับนิ้วได้อย่างเชื่องช้า เขาใช้เวลา 10 ลมหายใจจึงจะใช้วิชาหนึ่งๆได้
แต่เมื่อฝึกฝนบ่อยเข้า ความเร็วในการขยับนิ้วมือก็เพิ่มมากขึ้น จากสิบลมหายใจเหลือเพียงสามลมหายใจ จากนั้นก็เหลือเพียงหนึ่งลมหายใจ
ในยามเช้า หนิงฝานมักจะฝึกฝนการขยับนิ้ว
เพราะแม้เป็นวิชาอสูรที่ง่ายที่สุด ยังต้องการเคลื่อนไหวของนิ้วถึง 10 ท่าทาง
ชู่ซวนเชียนสื่อเห็นหนิงฝานฝึกขยับนิ้วเป็นท่าทางด้วยความเร็วสูง แม้นางจะเคยเห็นผู้ที่ขยับนิ้วเป็นท่าทางได้อย่างรวดเร็ว แต่คนเหล่านั้นไม่นับเป็นอันใดเมื่อเทียบกับหนิงฝาน
ยิ่งฝึกฝนนานไป หนิงฝานก็ยิ่งขยับนิ้วได้เร็วขึ้น กระทั่งเขารู้สึกราวกับใกล้ชิดธรรมชาตมากขึ้นเรื่อยๆ
ยามนี้ปราณของหนิงฝานดำเนินมาถึงจุดตีบตัว ร่างกายไม่อาจทะลวงระดับต่อไป แต่วิชาอสูรช่วยให้หนิงฝานยกระดับความเข้มข้นของปราณ ระดับของปราณยังเท่าเดิม แต่ความรุนแรงของปราณจะเพิ่มพูน
สิ่งที่ทำให้หนิงฝานสนใจไม่ได้มีเพียงการช่วยยกระดับความเข้มข้นของปราณ แต่เป็นการผสานรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์
มีข่าวลือว่าเทพกษัตริย์ของโลกใบหนึ่งคืออสูรที่ทรงพลังไร้ผู้ต้าน
ในแดนสวรรค์ทั้ง 4 และโลกทั้ง 9 ใบนั้น อสูรนับเป็นตัวตนที่อยู่ใกล้ธรรมชาติมากที่สุด
หนิงฝานเพิ่งเริ่มฝึกฝนวิชาอสูรได้ไม่นาน จึงยังไม่ทราบว่าปราณอสูรของหนิงฝานคือธาตุใด
ตอนนี้หนิงฝานมีธาตุเพลิงน้ำแข็ง ดาราบนหน้าผากก็เป็นธาตุเพลิงและโลหะ
เมื่อฝึกฝนวิชาอสูร หนิงฝานไม่อยากฝึกฝนธาตุวารี เพลิง และโลหะ เขาอยากเลือกระหว่างไม้กับดินมากกว่า
โลหะ ไม้ วารี เพลิง และดิน เป็นห้าธาตุหลัก หากหนิงฝานฝึกฝนธาตุไม้และดินได้ เขาจะกลายเป็นผู้ครอบครองหลายธาตุ
ซึ่งนอกจากผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มก็ไม่มีทางได้ครอบครอง
สิ่งที่ยากที่สุดของการทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม คือการผสานธาตุทั้ง 5 แล้วสร้างเป็นดวงวิญญาณ
หลังจากฝึกฝนวิชาอสูรที่ปีศาจบุบผาแดงฝึกฝน หนิงฝานก็ได้ครอบ 4 ธาตุ เหลือเพียงธาตุดิน
หากหนิงฝานรวบรวมปราณทั้ง 5 ธาตุได้ เขาก็จะก่อดวงจิตได้หากบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ ซึ่งหากเทียบกับผู้เชี่ยวชาญทั่วไป อย่างน้อยต้องใช้เวลา 100 ปี
ความคิดฝึกวิลาอสูรเพื่อทำให้ตนเองได้ครอบครองธาตุทั้ง 5 นั้น หนิงฝานได้มาจากความเข้าใจในเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณ
วิชากระดูกยักษ์ที่ฝึกฝนคือวิชาธาตุเพลิง หนิงฝานจะเปลี่ยนเป็นวิชาธาตุดินที่ทรงพลังอย่าง ‘การแปลงศพปีศาจ’
ศพถูกฝังไว้ในดิน กักเก็บพลังงานของดินเอาไว้
ก่อนหน้านี้หนิงฝานเสียใจที่ไม่อาจฝึกตนวิชาการแปลงศพปีศาจ เพื่อสร้างเส้นลมปราณศพขึ้น
ยามนี้หนิงฝานต้องการปราณศพ ผสานกับเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจ เพื่อทำให้ได้ความสามารถที่ใกล้เคียงกับผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณศพ
ดังนั้นเมื่อมาถึงแคว้นเชิ่ง หนิงฝานจึงสนใจหลุมศพเบื้องล่างเป็นพิเศษ
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลุมศพของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตทองคำ เพราะไม่งั้น ปราณศพก็คงไม่เพียงพออย่างที่หนิงฝานต้องการ
หนิงฝานทำได้เพียงถอนหายใจ คงต้องรอให้บรรลุขอบเขตแก่นทองคำที่ทะเลไร้สิ้นสุดก่อน จึงจะออกตามหาสุสานของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม เพื่อดูดซับปราณศพ
หนิงฝานไม่รู้ว่าในอนาคตตนเองจะกลายเป็นอะไร เขาอาจกลายเป็นปีศาจ หรือเป็นศพที่ทรงพลังแต่เน่าสลาย
เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาต้องการเพียงความแข็งแกร่ง
เรือเหาะในยามนี้ล่วงเข้าสู่แคว้นเหว่ย...
แคว้นแห่งนี้นี้เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ นิกาย และอสูร...
“สหายเต๋าซัวหมิง… เจ้าอาจไม่รู้ว่ายามนี้มีอสูรจำนวนมากกำลังบุกจู่โจมนิกายจิน พวกมันนำทัพกว่าแสนเข้าล้อมจากทุกทิศทาง… สหายเต๋าบอกได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงจะไปที่นั่น?” บนเรือเหาะ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนหนึ่งกล่าวถามหนิงฝาน
ผู้ที่กล่าวถามหนิงฝานคือชายผู้มีรูปร่างสูงถึง 8 ฉื่อ แต่ผอมบางเหมือนลิง
เมื่อเข้าสู่แคว้นเหว่ยหนิงฝานก็ใช้ชื่อปลอมว่าซัวหมิง
แคว้นเหว่ยแห่งนี้ห่างไกลจากแคว้นเยว่มาก บางทีอาจมีผู้เชี่ยวชาญจากทะเลไร้สิ้นสุดเดินทางมา เขาจึงไม่อยากใช้ชื่อจริง
เมื่อเรือเหาะของหนิงฝานผ่านภูเขาลูกหนึ่งในแคว้นเหว่ย หนิงฝานสังเกตุเห็นผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งกำลังถูกกลุ้มรุม ชู่ซวนเชียนสื่อจึงลงไปจัดการ
จำนวนอสูรในแคว้นเหว่ยมีมากกว่าที่หนิงฝานจินตนาการเอาไว้ และนอกจากมีอสูรในขอบเขตแก่นทองคำแล้ว ยังมีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
วิหารพิรุณได้ส่งผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มมาช่วยจัดการกับอสูรที่ออกอาลวาด
ผู้เชี่ยวชาญที่พบ นำกลุ่มคนออกสำรวจ แต่เมื่อกำลังจะกลับนิกายตน ฝูงอสูรกลับรุมล้อมพวกมัน
ผู้ติดตามทั้งหมดตกตาย เหลือแต่มันที่รอดชีวิตเพราะชู่ซวนเชียนสื่อช่วย
เมื่อมันได้ขึ้นเรือเหาะ มันก็ไม่ยอมจากไป เพราะเมื่อมันเห็นชู่ซวนเชี่ยนสื่อและจิงสั่วที่ทรงพลัง จึงขอโดยสารกลับนิกายด้วย
ผู้เชี่ยวชาญคนนี้มีนามว่าฮั่วเหลียน
ผู้ติดตามของมันตกตาย แต่มันยังยิ้มได้
เมื่อได้พบที่หลบภัย มันก็ทำตัวเหมือนกระต่ายน้อยไร้พิษสง… ช่างไร้ยางอาจ
ยามนี้ฮั่วเหลียนไม่รู้ว่ามันถูกหนิงฝานมองว่าเป็นคนไร้ยางอาจ และเห็นแก่ตัว
เมื่อได้รู้สถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นเหว่ยและนิกายจิน หนิงฝานก็ขมวดคิ้ว
เขาจะเดินทางไปนิกายจินเพื่อใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย แต่ยามนี้นิกายกลับถูกอสูรรุมล้อม
อสูร… อสูรไม่อาจรวมตัวกันได้เป็นกองทัพหากไร้ซึ่งผู้นำ… หรือจะลี่ป่าน?
หนิงฝานมีปีศาจบุบผาแดงไว้กับตัว หากเข้าสู่นิกายจิน เขาจะเจอปัญหาหรือไม่ไม่อาจทราบ
ในขณะที่หนิงฝานขบคิดอยู่นั้น เหนือท้องฟ้าก็ปรากฏสายลมปีศาจ ที่เคลื่อนเข้าหาเรือเหาะอย่างช้าๆ
ในสายลมปีศาจนั้น มีเผ่าอสูรอยู่ด้วยกัน 10 ตน... 4 ตนอยู่ในระดับแก่นทองคำขั้นต้น และหนึ่งตนในนั้นอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด
เมื่อฮั่วเหลียนคนกลุ่มอสูรที่มา สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
พวกมันตามมา…