ตอนที่แล้วตอนที่ 292 ได้รับการคุ้มครองยิ่งกว่าฮองเฮา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 294 หลอกลวงจากสมบัติอันมีค่าของเจ้า

ตอนที่ 293 ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ขาดแคลนสมบัติประจำชาติ


ตอนที่ 293 ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ขาดแคลนสมบัติประจำชาติ

“บัดซบ !” เฟิงจินหยวนฉีกจดหมายด้วยความโกรธเคืองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซวนเทียนเย่ทำให้เขาโกรธมาก !

“นายท่าน” ผู้คุ้มกันลับย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเฟิงจินหยวนหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามเขาต้องเตือนเฟิงจินหยวนว่า “นายท่านคิดก่อนที่จะลงมือทำ เราต้องไม่หยุดชะงักเพราะคุณหนูรองนะขอรับ”

เฟิงจินหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับว่ามีเสียงเล็ก ๆ สองเสียงดังอยู่ในหัวของเขาที่กำลังต่อสู้คนหนึ่งชื่นชอบซวนเทียนเย่และอีกคนชอบเฟิงหยูเฮง คนหนึ่งคือบุตรสาวของเขาเองและอีกคนเป็นองค์ชายที่เขาเลือกที่จะสนับสนุนหลังจากเป็นกลางมาหลายปี เฟิงจินหยวนไม่สามารถตัดสินใจได้และเริ่มที่จะคิดทบทวนอีกรอบ

แต่ผู้คุ้มกันลับทำให้เขานึกถึงในเวลานี้ “ตามสถานการณ์ปัจจุบันองค์ชายเก้าไม่มีความหวังที่จะขึ้นครองบัลลังค์ ดังนั้นคุณหนูรองจึงช่วยองค์ชายใหญ่ แต่ถ้าความสัมพันธ์นั้นหายไป ใครจะรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายใหญ่หลังจากที่เขาพลาดตำแหน่ง”

“เจ้ากำลังบอกให้ข้ายืนหยัดอยู่เคียงข้างองค์ชายสามต่อไปหรือ ?”

ผู้คุ้มกันลับคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว “บ่าวรับใช้นี้เป็นเพียงผู้คุ้มกันลับและรับผิดชอบในการปกป้องชีวิตของนายท่าน แต่เนื่องจากนายต้องการให้บ่าวรับใช้คนนี้คอยรับ-ส่งจดหมายกับองค์ชายสาม บ่าวรับใช้คนนี้พูดมากเกินไปขอรับ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้า “ลุกขึ้น ข้าไม่มีเจตนาที่จะตำหนิเจ้า” เขากล่าวสิ่งนี้จึงหยิบจดหมายที่เขาฉีกขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าขอเวลาพิจารณาก่อน”

คืนนั้นเฟิงหยูเฮงนอนหลับสนิทมากกว่าทุกคืน แต่ก่อนมันเป็นอย่างที่นางพูดกับหวงซวน ตอนนี้มีผู้คุ้มกันลับซ่อนอยู่มากมาย รวมถึงทหารองครักษ์ แม้แต่นกก็ไม่สามารถจะบินเข้ามาได้

แต่หวงซวนก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก หลังจากปรนนิบัติจนเฟิงหยูเฮงหลับไป นางนอนหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวในห้องด้านนอก ไม่มีอะไรที่เฟิงหยูเฮงจะทำเกี่ยวกับนางได้ ดังนั้นนางจึงได้แต่ยอมรับมัน

ในความเป็นจริงนางคิดเกี่ยวกับมัน ทันทีที่ข่าวเกี่ยวกับการหลอมผลิตเหล็กกล้า นางก็กลายเป็นเป้าหมายสำหรับคนทั้งโลกอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผู้คนจากอาณาจักรอื่น ๆ ที่จะมุ่งเป้ามาที่นาง แม้แต่คนที่อยู่ในราชวงศ์ต้าชุนก็ยังพยายามอยู่ตลอดเวลา

แต่นางไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ! วิธีการหลอมเหล็กอยู่ในหัวของนาง หากพวกเขาต้องการวิธีการหลอมเหล็ก พวกเขาจะต้องให้นางให้มีชีวิต สำหรับนาง ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่นางสามารถเข้ามาในมิติได้ตลอดเวลาและทุกที่ นางจะตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร

สิ่งที่นางกังวลในตอนนี้ไม่ใช่ความปลอดภัยของนางเองจากกองกำลังภายนอก มันเป็นอันตรายที่มาจากภายในคฤหาสน์เฟิง...

วันรุ่งขึ้นนางตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากอาบน้ำและล้างหน้า นางพาเฟิงจื่อหรูไปที่เรือนซูหยา

เมื่อนางมาถึงฮูหยินผู้เฒ่ายังทานอาหารเช้าไม่เสร็จ เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงมาเร็วขนาดนี้นางคิดว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทำให้จิตใจของนางตื่นตระหนก แต่เมื่อเฟิงหยูเฮงแจ้งกับฮูหยินผู้เฒ่าว่านางเพิ่งมาเพื่อคารวะ  ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกสบายใจทันที

“อาเฮงเป็นคนที่ฉลาดที่สุด นี่คือสิ่งที่ข้ารู้” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มและหยุดกิน นางดึงมือของเฟิงหยูเฮงเข้ามาและเริ่มกล่าวทันทีว่า “คราวนี้ไม่เพียงแต่เจ้าจะทำให้ตระกูลเฟิงได้หน้าเท่านั้น ใครจะรู้ว่าฮ่องเต้ก็ทรงได้หน้าด้วยเช่นกัน ! ในความเป็นจริงเจ้าเป็นหลานสาวที่สำคัญที่สุดในหัวใจของข้าเสมอ แต่พี่น้องของเจ้าไม่มีเหตุผล บางครั้งเพื่อที่จะทำให้พวกเขาสงบลง มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมาน อาเฮงอย่าไปใส่ใจเลย”

เฟิงหยูเฮงยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านย่ากำลังพูดอะไรเจ้าคะ อาเฮงเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง ข้าจะโต้เถียงกับบรรดาพี่น้องซึ่งเป็นบุตรของอนุได้อย่างไร แต่มีหลายสิ่งเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี ดังนั้นข้าจึงไม่มีเวลาได้กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้าน ข้าหวังว่าท่านย่าจะอภัยให้ข้าสำหรับเรื่องนั้นเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าฟังคำพูดที่สมเหตุสมผลของนาง และนางอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง

เฟิงหยูเฮงหันกลับและรับของจากหวงซวน “นี่คือสิ่งที่หลานสาวเตรียมไว้สำหรับท่านย่าก่อนปีใหม่ แต่ไม่มีโอกาสได้ให้เสียที เดิมข้าต้องการให้มันหลังจากงานเลี้ยงในพระราชวังในวันแรกของปีใหม่ แต่ใครจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าจึงนำมามอบให้ท่านย่าในวันนี้ หวังว่าท่านย่าจะยกโทษให้อาเฮงเจ้าค่ะ”

นางพูดแบบนี้ในขณะที่เปิดห่อ มันคือเสื้อคลุมที่ทำจากผ้าไหม ทำจากผ้าไหมซึ่งบางและเย็น เสื้อตัวนี้ไม่สามารถสวมใส่ในฤดูหนาว แต่มันจะดูสวยมากเมื่อสวมใส่ด้านนอกในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าผ้าไหมแบบนี้มีคุณภาพสูงมาก สีเขียวเข้มของมันดูเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ และดูไม่เหมือนย้อม เมื่อนางเอื้อมมือออกไปสัมผัสมันราวกับว่านางไม่รู้สึกอะไรเลย นางลูบมันสองสามครั้งก่อนที่จะรู้สึกว่ามันเป็นนางไม่เคยได้สัมผัสเนื้อผ้าเช่นนี้มาก่อน เนื้อผ้าอื่น ๆ จะรู้สึกได้ว่ามันเนื้อดี แต่เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เหมือนผ้าชนิดอื่น ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ

ฮูหยินผู้เฒ่ามองเสื้อผ้านี้และรู้สึกเย็นนิดหน่อย กลับเป็นยายจาวที่อยู่ข้างนางร้องออกมาด้วยความตกใจ “นี่คือ…ผ้าไหมตำหนักจันทรา ?”

“อะไรนะ?” ฮูหยินผู้เฒ่างงงวย “เจ้าพูดว่าผ้าไหมอะไรนะ?”

ยายจาวกล่าว “ผ้าไหมตำหนักจันทรา ! ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ! นี่เป็นผ้าไหมตำหนักจันทรา ! คุณหนูรองส่งเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทราให้ท่านเจ้าค่ะ !”

“มันเป็นผ้าไหมตำหนักจันทราจริง ๆ หรือ ?” คางของฮูหยินผู้เฒ่าอ้ากว้างจนเกือบตกถึงพื้นด้วยความตกใจ ไม่น่าแปลกใจที่สิ่งนี้ดูดีมากจนไม่ควรสวมใส่โดยผู้คน แต่นางไม่คิดว่ามันจะเป็นผ้าไหมตำหนักจันทราซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของสมบัติประจำชาติ นางอดไม่ได้ที่จะมองเฟิงหยูเฮงเพื่อตรวจสอบ

เฟิงหยูเฮงยิ้มและพยักหน้าให้นาง “แน่นอนว่ามันเป็นผ้าไหมตำหนักจันทรา อาเฮงกลับเข้ามาในเมืองหลวงครึ่งปีแล้ว ต้องขอบคุณท่านย่าที่คอยดูแลข้า แต่มันก็ไม่เหมาะที่จะส่งมาให้เป็นของขวัญ ดังนั้นข้าจึงส่งผ้าให้ช่างตัดเป็นชุดเสื้อผ้าโดยใช้ผ้าไหมตำหนักจันทรา แม้ว่าจะไม่สามารถสวมใส่ได้ในช่วงฤดูหนาวนี้ แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิจะให้ความรู้สึกสบายตัวยามที่ท่านย่าสวมใส่มัน”

ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเยาะตัวเองอย่างโง่งม ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงหยูเฮงยังอยู่ต่อหน้านาง นางคงต้องจูบผ้าไหมตำหนักจันทราสองสามครั้ง นางเกิดมานานแล้วและตอนนี้ขาช้างหนึ่งของนางก็อยู่ในหลุมฝังศพ แต่นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะได้รับเสื้อผ้าที่ทำจากหนึ่งในห้าสมบัติประจำชาติ เมื่อนึกถึงมัน ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะใจดีไปกว่าเฟิงหยูเฮง

“หลานสาวที่ดี ความพยายามของข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์”

อย่างไรก็ตามทันใดนั้นนางก็มีความกังวลเล็กน้อย และพูดว่า "ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวจะมาที่คฤหาสน์เฟิงในฐานะแขก อาเฮงจะไม่มอบผ้าไหมตำหนักจันทราให้กับท่านย่า"

“หืมม ?” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สามารถตอบได้ ทำไมนางถึงไม่ให้ผ้าไหมตำหนักจันทราเป็นของขวัญหากองค์หญิงของเฉียนโจวจะมา ?

ยายจาวเข้าใจและพูดได้อย่างรวดเร็ว “ผ้าไหมตำหนักจันทราถูกถวายเป็นเครื่องบรรณาการโดยเฉียนโจว คุณหนูรองรู้สึกว่าคงไม่ดีหากว่าที่จะใช้สิ่งนี้ต่อหน้าผู้คนจากเฉียนโจว ท้ายที่สุดแล้วมันมีค่ามาก และข้าได้ยินมาว่าราชวงศ์เฉียนโจวเองยังไม่ได้ใช้มันเพราะมันถูกส่งมายังราชวงศ์ต้าชุนของเราเพื่อเป็นบรรณาการ”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “อาเฮงของเราช่างคิดจริง ๆ เมื่อคิดถึงสิ่งต่าง ๆ นางจะคิดอย่างถี่ถ้วน แต่มันก็ใช้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ของที่มีค่านี้ไม่สามารถสวมใส่ได้ในขณะนี้ ข้าจะเก็บมันไว้อย่างปลอดภัยและไม่ให้องค์หญิงใหญ่เห็นมัน”

อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงส่ายหน้า ยังคงมีปัญหามาก “นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียว หลานสาวจำได้ว่ารุ่ยเจียองค์หญิงของเฉียนโจวได้รับรางวัลจากเสด็จพ่อเป็นผ้าไหมตำหนักจันทรา 2 พับ องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวนำผ้าเช็ดหน้า 4 ผืนมาให้น้องสาวของเรา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้นางได้รับเพิ่มอีก 2 พับ นางต้องเตรียมบางอย่างให้กับท่านย่าเพื่อเป็นของกำนัล ในกรณีนี้ เสื้อของอาเฮงจะดูด้อยเกินไป”

“เจ้ากำลังพูดว่าองค์หญิงแห่งเฉียนโจวจะมอบผ้าไหมตำหนักจันทราให้ข้าหรือ ?” ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประกายและปากของนางก็ยิ้มกว้าง ยายจาวยิ้มด้วยเช่นกัน “ดูเหมือนว่าท่านจะมีผ้าเนื้อดีในการตัดเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนนะเจ้าคะ !”

เฟิงหยูเฮงยังกล่าวอีกว่า “แต่แน่นอนแม้ว่าองค์หญิงรุ่ยเจียจะไม่เต็มใจที่จะมอบผ้าไหมตำหนักจันทราทั้งสองพับให้กับท่านย่า พวกเขาควรมอบอย่างน้อย 1 พับเจ้าค่ะ”

“1 พับก็เพียงพอแล้ว !” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้หวังที่จะรับมันทั้งหมดเมื่อนางเริ่มคำนวณ “ถ้าเป็นเสื้อผ้าฤดูร้อน 1 พับก็เพียงพอสำหรับเสื้อผ้า 2 ชุด”

เฟิงหยูเฮงเขินและพูดว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าหวังว่าท่านย่าไม่ชอบเสื้อผ้าที่ไม่สำคัญชุดนี้”

“โอ้ ข้าชอบมาก !” สำหรับฮูหยินผู้เฒ่าเช่นนี้ยิ่งดี นางจะไม่ชอบมันอย่างไร นางจับมือของเฟิงหยูเฮงอีกครั้ง นางพูดต่อไปเป็นเวลานานจนกระทั่งนางออกไปกับยายจาวไปที่ห้องครัวโดยบอกว่านางต้องคอยดูแลเรื่องการเตรียมอาหารเป็นการส่วนตัว นางจะเพิ่มอาหารอีก 4 อย่างเพราะผ้าไหมตำหนักจันทรา

ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าออกจากเรือนซูหยา เฟิงหยูเฮงนำหวงซวนและเฟิงจื่อหรูไปที่เรือนโบตั๋น และถามนางว่า “องค์หญิงแห่งเฉียนโจวจะส่งมอบผ้าไหมตำหนักจันทราหรือไม่ ท่านพี่? เมื่อข้าอยู่ที่สำนักศึกษา ข้าได้ยินเพื่อนที่สำนักศึกษาคนหนึ่งพูดว่ามีหลายครั้งที่เฉียนโจวไม่สามารถผลิตผ้าไหมตำหนักจันทราได้แม้แต่พับเดียวในห้าปี มันมีค่าจริง ๆ ขอรับ”

เฟิงหยูเฮงลูบหัวเล็ก ๆ ของเขา นางยิ้มและไม่ได้พูดอะไรเลย แต่นางก็พูดกับหวงซวน “ถ้าพวกเขานำมันมาจริง ๆ สิ่งดี ๆ ของเราจะต้องสูญเปล่าแน่นอน”

เฟิงจื่อหรูไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งสองพูด แต่เขาไม่ได้ถาม เขายิ้มและเดินตามเฟิงหยูเฮงไปทางเรือนโบตั๋น "อาจารย์ใหญ่กล่าวว่าข้าจะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดีและมีส่วนร่วมในเรื่องครอบครัวน้อยลง ข้าจะเชื่อฟังอาจารย์ใหญ่ ตราบใดที่ข้ารู้ว่าท่านพี่ไม่ถูกรังแก ทุกอย่างก็ราบรื่นแล้ว”

เพื่อต้อนรับองค์หญิงทั้งสองมาที่คฤหาสน์เฟิง เฟิงจินหยวนก็ไปที่ลานหน้าบ้านในตอนเช้าเช่นกัน

วันนี้ฮันชิก็เข้าใจมากขึ้นและนางก็ช่วยด้วย นางจะไปช่วยเป็นครั้งคราวเมื่อบ่าวรับใช้กำลังรีบจัดการ เรื่องนี้ทำให้เฟิงจินหยวนกลัว นางรีบเรียกใครสักคนเพื่อพานางไปที่เรือนยูหลานเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากตอนที่นางตั้งครรภ์

แต่ฮันชิจะอยู่ในเรือนยูหลานได้อย่างไร นางรีบเดินไปที่เรือนยูหลานทันที เมื่อมาถึงนางเห็นว่าผู้หญิงทุกคนนั่งอยู่ที่นั่น ดังนั้นนางจึงนั่งลงด้วย ไม่มีสิ่งใดจะพูดได้ นางก็หยิบเรื่องที่จะพูดขึ้นมา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวเป็นคนใจบุญ คุณหนูสี่ของเราโชคดี การได้ใกล้ชิดคนเก่งเช่นนี้ เฟินไดจะกลับมาพร้อมองค์หญิงใหญ่ !” หลังจากนางถามไปจนทั่ว และในที่สุดก็ทราบข่าวว่าเฟิงเฟินไดได้รับการช่วยเหลือจากองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวและไปกับนาง จากนั้นนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกความประทับใจในตัวองค์หญิงใหญ่เพิ่มขึ้น นอกจากจะไม่เห็นเฟิงเฉินหยูออกมาแล้ว นางยังรู้สึกว่าเฟิงเฟินไดดีกว่าเฟิงเฉินหยูหลายเท่า

นางพูดอยู่คนเดียวและพบว่าในห้องไม่มีใครสนใจนาง นางไม่พอใจและหยุดพูด ทุกคนนั่งที่นั่นอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา และกล่าวว่า “แขกผู้มีเกียรติได้มาถึงแล้ว ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเชิญทุกคนให้รับที่ลานหน้าคฤหาสน์เจ้าค่ะ”

เฟิงหยูเฮงเป็นคนแรกที่ยืนนำทางออก

วันนี้คังอี้สวมเสื้อคลุมกันหนาวแบบธรรมดา เฉพาะคอปกเสื้อและเอวเท่านั้นที่มีลายดอกโบตั๋น มันดูสง่างามแต่ไม่มีกลิ่นอายของการเฉลิมฉลอง สำหรับองค์หญิงรุ่ยเจีย นางสวมเสื้อคลุมกันหนาวสีฟ้าทำให้ผู้คนประหลาดใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงจินหยวนยืนอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นว่าองค์หญิงเสด็จลงจากรถม้า ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะคุกเข่าลง แต่เฟิงหยูเฮงที่อยู่ข้างหลังรีบหยุดนาง นางกระซิบบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องมีคารวะเต็มรูปแบบสำหรับองค์หญิงต่างแคว้นเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าคิดเกี่ยวกับมันเล็กน้อยแล้วยืดหลังขึ้นมา

เฟิงจินหยวนและคังอี้คุ้นเคยกัน หลังจากคำนับแล้วพวกเขาได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องโถงใหญ่ของเรือนโบตั๋น

แน่นอนว่าเฟิงเฟินไดได้กลับมาพร้อมกับพวกเขา และนางดูเหมือนจะสบายดีซึ่งทำให้ฮันชิผ่อนคลาย

เมื่อเข้าสู่ห้องโถงคังอี้ไม่ได้นั่งทันทีแต่กลับไปช่วยประคองฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังจะนั่ง จากนั้นนางก็คารวะฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวว่า “คังอี้มาเยี่ยมและสร้างความลำบากมากมายให้กับท่านฮูหยินผู้เฒ่า ข้าหวังว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะยกโทษให้ข้า” นางดูสวย, สง่างามและมีมารยาท ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าและชื่นชมคังอี้อย่างเงียบ ๆ แน่นอนว่าบุตรสาวที่ถูกเลี้ยงดูโดยราชวงศ์ไม่เหมือนกัน

จากนั้นคังอี้คารวะ แล้วรับของจากมือของผู้ดูแลของนางและนำมันมามอบให้ฮูหยินผู้เฒ่า "คังอี้ได้รับเชิญจากท่านใต้เท้าเฟิงอย่างกะทันหันและไม่มีเวลาเตรียมของกำนัล โชคดีที่ข้านำผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากสมบัติประจำชาติของเรา, ผ้าไหมตำหนักจันทราที่สามารถมอบให้แก่ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ข้าหวังว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะพบกับความสุขและโชคดีในปีนี้”

นางนำสิ่งของมามอบให้ฮูหยินผู้เฒ่า และคิดว่านางจะสามารถเห็นความปิติยินดีเล็กน้อยในการแสดงออกของฮูหยินผู้เฒ่า อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดเลยว่ารอยยิ้มของฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งอยู่ตรงหน้าของนางจะหุบลงมาทันที...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด