GE155 เทพโบราณ อสูรโบราณ ปีศาจโบราณ [ฟรี]
ในแคว้นเชิ่งมีอสูร แต่อสูรเหล่านั้นไม่ได้ทรงพลังมากนัก สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ชู่ซวนเชียนสื่อเข้าช่วยเหลือผู้เชี่ยวชาญแคว้นเชิ่งกำจัดอสูรโดยไม่รบกวนเวลาของหนิงฝาน
เหตุผลแรกคือนางคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้หนิงฝานยื่นมือช่วย อีกข้อคือความคิดของนางเปลี่ยนไป นางไม่ได้ยึดมั่นความคิดในแบบฝ่ายธรรมะมากจนเกินไป นางมีหลายๆเรื่องให้ขบคิด หนึ่งในนั้นคือการปกป้องเรือเหาะ
หนิงฝานไม่ได้พบและพูดคุยกับชู่ซวนเชียนสื่อมากนัก เขายุ่งอยู่กับสิ่งที่ได้จากแคว้นซ่ง
หยกสวรรค์หนึ่งแสนนับเป็นหยกสวรรค์จำนวนมาก
หนิงฝานช่วยถอนภาพลวงตาให้กับผู้เชี่ยวชาญแคว้นซ่ง จากนั้นประทับตราวิญญาณแล้วมอบให้ชู่ซวนเชียนสื่อดูแล
เพราะการที่ยกให้นางดูแลนั้น จะทำให้นางสบายใจมากกว่า นอกจากนี้ ยังทำให้นางได้ศิษย์ไปในตัวด้วย
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่กล้าปฏิเสธชู่ซวนเชียนสื่อ เพราะหวาดกลัวหนิงฝาน
สตรีหลายคนยังคงหวาดกลัวและเศร้าเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหุบเขา เพราะทั้งหมดเห็นด้วยตาของตนว่าหนิงฝานเป็นผู้เอาชนะปีศาจบุบผาแดง ความแข็งแกร่งระดับนั้นน่าสะพรึงจนพวกนางจินตนาการไม่ได้ ที่สำคัญ จากพวกนางจะไม่ได้กลับไปเยือนแคว้นซ่งแล้ว
ปีศาจผู้นี้จะทำอะไรกับพวกนาง? นำไปเป็นกระถางขัดเกลา? เหตุใดไม่ยอมปล่อยกลับ...
พวกนางรู้ว่าตนไม่มีทางเลือก รู้ว่าไม่อาจหลบหนี แต่อย่างน้อยก็ได้ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอย่างชู่ซวนเชียนสื่อปกป้อง จึงยอมเป็นศิษย์นางแต่โดยดี
พวกนางนับถือให้ตัวชู่ซนเชียนสื่อ แม้ปีศาจบุบผาแดงเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ยังกล้าหาญที่จะตามไปช่วย
ยามนี้สตรีหลายคนนั่งกอดขาชู่ซวนเชียนสื่อแน่น พลางมองหนิงฝานด้วยความหวาดกลัว หนิงฝานเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรให้พวกนางฟัง เพราะคร้านเกินไป
ยามนี้ที่อยู่ของพวกนางคือแหวนกระถางของหนิงฝาน
ชู่ซวนเชียนสื่อรู้ว่าหากพาสตรีจำนวนมากร่วมเดินทาง จะเป็นการดึงความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเชิ่งนับถือ และเป็นสหายของชู่ซวนเชียนสื่อ ทุกนิกายล้วนอยากให้นางเข้าร่วม หากนางเข้าร่วม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจะถูกดึงดูดให้มายังนิกายนั้นๆ
นอกจากเหล่าสตรีที่เป็นผลพลอยได้จากสงคราม ยังมีสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด คือการที่ได้ปีศาจบุบผาแดงมาครอบครอง
ยามนี้มันยังอยู่ในกระเป๋า หนิงฝานดูสิ่งของที่ได้มาจากการต่อสู้
หนิงฝานได้สมุนไพรโบราณมามากมาย อย่างน้อยๆพวกมันก็มีอายุได้แสนปี
ในกระเป๋าของปีศาจบุบผาแดงเองก็มีสมุนไพรวิญญาณหลายชนิดเช่นกัน สมุนไพรเหล่านั้นดูเหมือนสมุนไพรโบราณที่สาบสูญ และยังมีสิ่งของที่สำคัญมากมาย
หนิงฝานไม่อาจปล่อยให้สมุนไพรเหล่านั้นหลุดมือ
นอกจากนี้ ในกระเป๋าของปีศาจบุบผาแดงยังทีขวดหยกอยู่ภายใน
ขวดหยกเหล่านั้นคือปราณหยินแรกเริ่มของเหล่าสตรีในแคว้นซ่ง แต่จำนวนของมันทำให้สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เพราะหากเขาดูดซับพวกมันเข้าไป วิชาแปลงหยินหยางจะยกระดับไปหลายขอบเขต
หนึ่งในเหตุผลที่หนิงฝานยอมปล่อยพวกนางไม่ขัดเกลาผสาน เพราะพวกนางส่วนใหญ่สูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว
ดูเหมือนบางทีปีศาจบุบผาอาจเก็บปราณหยินลึกล้ำได้มากพอที่จะนำไปให้นายของมัน แต่ยามนี้ของทั้งหมดตกเป็นของหนิงฝาน ไม่มีทางได้คืน
หนิงฝานมีความสุข เขาได้สมบัติมากมาย และเริ่มค้นกระเป๋าของปีศาจบุบผาแดงต่อ
ไม่นานสีหน้าหนิงฝานเริ่มแปรเปลี่ยน เขาเห็นคัมภีร์หลายม้วนที่มันมี
ม้วนคัมภีร์เหล่านี้ทำมาจากหนังอสูรโบราณ แต่ละม้วนแฝงด้วยปราณอสูรที่ทรงพลัง
คัมภีร์มีทั้งหมด 7 ม้วน... 4 ม้วนสลักด้วยตัวอักษรอสูรโบราณ หนิงฝานอ่านไม่ออก ส่วนอีก 3 ม้วนมีคราบโลหิต
ม้วนที่มีตัวอักษรอสูรโบราณ มีลักษณะตัวอักษรที่คล้ายระฆังทะเลตะวันออกมาก
ในเมื่อไม่สามารถอ่านได้ หนิงฝานก็อับจนหนทาง แม้ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่มี
บางที ตัวอักษรเหล่านี้อาจถูกสลักด้วยวิธีการพิเศษเฉพาะ เพราะดูเหมือนมันมีบางสิ่งที่ไม่สมบูรณ์
แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีคัมภีร์อีก 3 ม้วนที่ยังใช้งานได้ เพราะตัวหนังสือที่สลักอยู่นั้น มีอยู่ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ เป็นวิชาที่สืบทอดต่อกันมาของเผ่าอสูรโบราณ
สิ่งที่สืบทอดต่อกันมาในเผ่าอสูรโบราณแบ่งเป็น คัมภีร์อักษรเผ่าอสูร และคัมภีร์โลหิตเผ่าอสูร… คัมภีร์อักษรเผ่าอสูรที่สืบทอดมาจะเต็มไปด้วยความลับมากมาย ซึ่งมีเพียงอสูรระดับสูงเท่านั้นที่รู้
ซึ่งหนึ่งในความลับเหล่านั้น คือวิชาที่สำคัญของเผ่า
ส่วนคัมภีร์โลหิตที่สืบทอดมานั้น คือวิชาและสิ่งที่เป็นรากฐานของอสูร
หนิงฝานหลับตา วางคัมภีร์โลหิตทั้งสามม้วนไว้หน้าตัก และขยับมือเป็นท่าทาง
คัมภีร์โลหิตราวกับถูกกระตุ้น นั่นหมายความว่าการจะเปิดพวกมันได้ ย่อมต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่าง
เมื่อได้อ่านสิ่งที่อยู่ภายใน สิ่งที่พบคือวิชาอสูรระดับล่างสุด แต่หนิงฝานกลับไม่อาจใช้เวลานั่นได้ง่ายนัก
เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานลองใช้วิชาอสูร เขาขยับมือเป็นท่าทาง โคจรปราณตามวิชา แต่ยังยากจะสำเร็จ
วิชาอสูรเป็นเหมือนวิชาที่หยิบยืมพลังจากธรรมชาติ จึงให้ความรู้สึกที่พิศวงมาก
สิ่งที่ทำให้หนิงฝานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้คือเขาล้มเหลวในการใช้วิชาอสูรตั้งแต่แรก
เหตุที่ล้มเหลวไม่ใช่เพราะโคจรปราณผิด แต่เป็นเพราะขยับมือและนิ้วผิด… การขยับมือและนิ้วเป็นสิ่งที่สำคัญของวิชาอสูรมาก ยิ่งหากเป็นวิชาระดับสูงมากเท่าไหร่ ท่าทางการขยับมือและนิ้วก็ยิ่งยากขึ้น
หนิงฝานยังไม่คุ้นเคยกับการขยับมือและนิ้วตามวิชา แต่หากใช้วิชาได้ ปราณภายในร่างจะแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนพลังจิต
และด้วยเหตุนั้น จึงทำให้ปีศาจทมิฬหนิงที่น่าเกรงขามอย่างหนิงฝานล้มเหลวในครั้งแรก
เขารู้สึกราวกับตนเองมาถึงทางตันของการขยับมือและนิ้ว เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่ชินสักที
การจะใช้พลังจิตย่อมมีกฏเฉพาะของมัน จึงทำให้หนิงฝานล้มเหลว
หนิงฝานไม่ได้ประสบเพียงความล้มเหลว การที่มนุษย์ฝืนใช้วิชาอสูร ยังทำให้นิ้วของตนเจ็บปวดไปด้วย
หนิงฝานเริ่มตระหนักว่ากฏของพลังธรรมชาตินั้นยากจะลอกเลียน นั่นหมายความว่า มนุษย์ไม่สามารถใช้วิชาอสูรได้ หลังจากผ่านการวิเคราะห์ จึงได้รู้ว่ามนุษย์ไม่มีเส้นลมปราณอสูร
เมื่อไม่มีเส้นลมปราณอสูร ก็ไม่อาจใช้แม้แต่วิชาอสูรระดับต่ำที่สุดได้ นั่นหมายความว่า ต่อให้หนิงฝานเปิดคัมภีร์ได้ ก็ไม่อาจฝึกฝนได้อยู่ดี
หนิงฝานยิ้ม ดูเหมือนเขาจะฝึกวิชาอสูรไม่ได้...
แต่ในขณะที่หนิงฝานส่ายหน้า ภายในตันเถียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลง สตรีที่หลับไหลได้ตื่น นางหาวหวอดและหันหน้ามา
“หืม? นั่นมันคัมภีร์โลหิตของเผ่าอสูรนี่? เจ้าไปได้มาจากที่ใด?”
เป็นครั้งแรกที่นางกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
แต่เมื่อนางเห็นนิ้วมือของหนิงฝาน นางก็อุทานด้วยความตกใจ
“นี่...เจ้าใช้ปีศาจเหรอ? สำเร็จหรือเปล่า?”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่สำเร็จ...” หนิงฝานยิ้มเจื่อน
“ไม่สำเร็จ… เป็นไปได้ยังไง...” นางกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เพราะข้ามีเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณ ไม่มีเส้นลมปราณอสูร จึงใช้วิชาอสูรไม่ได้”
“ไม่… เจ้าผิดแล้ว ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณเพียงผิวเผิน... เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมในอดีตข้าถึงพยายามให้ได้เป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์... ด้วยระดับของข้าแล้วหากจะเป็นผู้สืบทอดของเทพคนอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่จักรพรรดิสวรรค์ทรงพลังกว่าเทพเหล่านั้นมาก”
คำกล่าวของนางทำให้หนิงฝานสงสัย
แต่ก็เป็นจริงอย่างที่นางกล่าว เพราะเขาเข้าใจเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณเพียงผิวเผิน
เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณที่หนิงฝานเคยเห็น นอกจากตนเองแล้ว ผู้ที่ครอบครองก็มีเพียงศพนางสวรรค์เท่านั้น
และศพนางสวรรค์นางนั้นอาจเคยทรงพลังมากก็ได้
เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจคือเส้นลมปราณปีศาจ แต่ก็ทำให้ผู้ครอบครองสามารถฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกายของเทพได้... ศพนางสวรรค์เกิดจากวิชาแปลงศพปีศาจ จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ฝึกฝนวิชาที่สามารถเปลี่ยนให้ตนเองกลายเป็นยักษ์สูงหมื่นจ้าง ส่วนเทพกษัตริย์เนี่ยสมควรมีวิชาขัดเกลาร่างกายของเทพที่ทรงพลังเช่นกัน
หากผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจฝึกฝนวิชาเทพไม่ได้ เหตุใดหนิงฝานจึงบรรลุวิชากระดูกยักษ์ บรรลุขอบเขตกระดูกเงิน ที่ทำให้เขาต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางได้ในยามนี้
นั่นหมายความว่าวิชาแปลงหยินหยางที่มาพร้อมกับเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบรารนั้น แตกต่างวิชาของเทพคนอื่นๆอย่างชัดเจน
สตรีที่อยู่ในสร้อยในหยินหยางมีที่มาไม่ธรรมดา เป็นเปรียบได้ดั่งผู้สืบทอดของเทพที่สูงส่ง… การที่นางให้ความสำคัญกับการเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์ แสดงให้เห็นว่าวิชาแปลงหยินหยางเหนือล้ำค่าวิชาเทพทั่วไป
หนิงฝานขบคิดและรู้ถึงความพิเศษของวิชาแปลงหยินหยาง แต่เขายังไม่แน่ใจ
“วิชาแปลงหยินหยาง… ส่วนที่โด่ดเด่นของวิชาคือการดูดซับโอสถได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังดูดซับพลังจากสตรีได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน… เส้นลมปราณปีศาจ แม้จะเป็นเส้นลมปราณของปีศาจแต่สามารถใช้วิชาเทพได้ ทั้งยังเป็นได้เหมือนเส้นลมปราณเทพที่ช่วยให้ข้าสร้างดาราเทพบนหน้าผากขึ้นมา… วิธีการฝึกฝนยกระดับก็แตกต่างจากทั่วไป แม้จะใช้พลังได้หลากหลาย แต่ไม่ได้ผสานเข้ารวมเป็นหนึ่ง… นั่นคือทั้งหมดที่ข้ารู้”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หนิงฝานก็คิดถึงบางสิ่ง
แต่สตรีนางนั้นก็อธิบายให้หนิงฝานฟังทันที
“เจ้ากล่าวได้ถูกแล้ว… แต่การที่จะบรรลุระดับเช่นเจ้า แม้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ยังทำไม่ได้... ส่วนที่สำคัญที่สุดของวิชาแปลงหยินหยางคือ ‘การประสาน’ มีข่าวลือว่า ในยุคสมัยโบราณ เทพองค์หนึ่งได้สั่งสอนจักรพรรดิสวรรค์ และถ่ายทอดสิ่งต่างๆมากมายให้ หนึ่งในนั้นคือ ‘เจียไห่เฟยกง’ เป็นวิชาขัดเกลาร่างกายที่ทำให้ป้องกันการจู่โจมที่ทรงพลังได้ และเป็นวิชาที่แสดงให้เห็นถึง ‘การประสาน’ ได้อย่างสมบูรณ์... การที่เจ้าสร้างดาราเทพบนหน้าผากได้ก็นับว่าดีอย่างยิ่งแล้ว… แต่เจ้าอาจไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณ ไม่ใช่เส้นลมปราณปีศาจ ไม่ใช่เส้นลมปราณเทพ ไม่ใช่เส้นลมปราณอสูร แต่มันคือเส้นลมปราณโบราณ… เส้นลมปราณที่รวบรวมความสามารถของทุกเส้นลมปราณเอาไว้... ไม่ว่าจะเป็นวิชาปีศาจ วิชาเทพ หรือวิชาอสูร เจ้าย่อมฝึกฝนได้… บางทีเจ้าอาจใช้จุดเด่นนี้ สร้างเป็นดาราอสูรที่ตาซ้าย ดาราปีศาจที่ตาขวา นั่นคือส่วนที่ทรงพลังที่สุดของจักรพรรดิสวรรค์... ไม่ว่าวิชาปีศาจหรืออสูร จักรพรรดิสวรรค์ฝึกฝนได้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าจักรพรรดิสวรรค์ใช้วิชาได้ทั้งหมด ท่านจึงได้รับสมญาณามอีกชื่อว่า ‘ล่างกู่(เทพปั่นป่วน)’”
สตรีลึกลับนางนั้นกล่าว หนิงฝานก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี น้ำเสียงของนางนั้นแฝงด้วยความนับถือ นางถึงกับยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้เป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์ จนผลสุดท้าย นางถูกผนึกไว้ในสร้อยหยินหยาง
เรื่องราวของจักรพรรดิสวรรค์เกิดขึ้นมานานขนาดไหนยังไม่ทราบ เหล่าทวยเทพได้ลมเลือนเรื่องผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์ หากเรื่องที่หนิงฝานเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์แพร่งพรายถึงหูเหล่าทวยเทพ พวกมันคงเคลื่อนไหว เพราะชะตาของหนิงฝานถูกลิขิตมาให้ท้าทายสวรรค์
สตรีนางนั้นเงียบไป
นางสงสัยในบางสิ่ง.... หนิงฝานเป็นมนุษย์ เหตุใดใช้วิชาอสูรแล้วบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย?
การที่มนุษย์ฝืนใช้วิชาอสูร ต้องคิดเรื่องที่ปราณอสูรจากวิชาจะย้อนทำร้าย นอกจากนี้ วิชาอสูรในบางวิชายังทำให้เกิดพิษต่อมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีมนุษย์บางคนที่ฝึกฝนวิชาอสูรได้ แต่คนผู้นั้นต้องครอบครองเส้นลมปราณอสูร แลกกับการที่ไม่อาจฝึกฝนวิชามนุษย์ได้เช่นกัน เพราะจะทำให้บาดเจ็บ
นั่นทำให้นางคิดว่าหนิงฝานอาจมีสายโลหิตที่เกี่ยวข้องกับอสูร
เพียงแต่สายโลหิตนั้นไม่ได้เข้มข้น ไม่อย่างนั้น หนิงฝานคงใช้วิชาอสูรได้แล้ว
นางสงสัยกับสิ่งที่เห็นและยังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หากบรรพบุรุษในบางรุ่นของหนิงฝานไม่ได้มีสายโลหิตของเผ่าอสูร หนิงฝานคงเปิดคัมภีร์โลหิตไม่ได้ และอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในไม่ได้… บางที เส้นลมปราณหยินหยางอาจช่วยให้หนิงฝานใช้ปราณอสูรได้!
ในอนาคต หนิงฝานอาจเป็นผู้ที่ฝึกฝนวิชาปีศาจ วิชาอสูร และวิชาเทพได้
สตรีลึกลับที่อยู่อย่างโด่ดเดี่ยวมาหมื่นปี เริ่มรู้สึกสนใจเรื่องราว
นางอย่างตรวจสอบร่างกายหนิงฝาน แต่นางไม่กล่าว
“จากที่ท่านกล่าว แสดงว่าข้าและท่านสมควรเป็นสหายกันได้ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้ว่าท่านคือผู้ใด” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว
“ข้าชื่อ… ข้าแข็งแกร่งกว่ากษัตริย์ของโลกพิรุณนับหมื่นเท่า… เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าอยากเป็นสหายกับข้า เจ้านี่น่าสนใจจริงๆ ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้… ข้าคือคนของ ‘แดนสมุทรเหนือแห่งแดนสวรรค์’ เป็นเทพสมุทร นามว่า ‘หลั่วโยว่’ จงจำไว้ให้ดี”
“หลั่วโยว่… เป็นนามที่ดี” เมื่อได้ทราบชื่อของนาง หนิงฝานก็นึกภาพอันเลือนลางของนาง
หลั่วโยว่ เป็นนามที่ฟังดูโด่ดเดี่ยว เป็นนามที่ทำให้นึกถึงสตรีผู้เด็ดเดี่ยว แต่นั่นก็ทำให้นางถูกขังไว้ในสร้อยหยินหยางเป็นเวลานานแสนนาน
จากที่นางได้บอกกล่าวเรื่องวิชาแปลงหยินหยางและเส้นลมปราณ หนิงฝานสงสัย
เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจสามารถฝึกฝนได้ทั้งวิชาเทพ วิชาปีศาจ และวิชาอสูร… หากหนิงฝานสามารถสร้างปราณอสูรได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่เขาจะเชื่อว่าเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจสามารถฝึกฝนได้ทุกวิชาจริงๆ
เทพโบราณ อสูรโบราณ ปีศาจโบราณ… สามเส้นทางแห่งการฝึกฝนล้วนด้อยกว่าวิชาแปลงหยินหยาง
“แม่นาง ขอข้าถามท่านได้หรือไม่ว่าทำเช่นใดถึงจะใช้ปราณอสูร และใช้วิชาอสูรได้?”
“ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน… หรือจะให้ข้าแสดงวิชาโบราณให้เจ้าดู?”
นางหัวเราะอย่างมีความสุข
ราวกับนางจะแอบตรวจสอบร่างกายหนิงฝาน ว่าเขาครอบครองโลหิตอสูรจริงหรือเปล่า…
** ตอนนี้อาจงงๆหน่อยนะครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แปรยากมาก