เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0011
ตอนที่ 11 : สีดำปริศนา
เย่เหว่ยเสวียนลอบไม่ยินดีขึ้นมาขณะคิดในใจว่า “ขยะเช่นนี้จะมีวิญญาณยุทธ์อันใดกัน?”
ทุกคนต่างคิดว่าฉินหยุนสมควรได้รับวิญญาณยุทธ์ธาตุระดับต่ำที่สุดอย่างแน่นอน พวกเขาแทบไม่ให้ค่าความสนใจอะไรแม้เพียงนิด
นอกจากวิญญาณยุทธ์ธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังมีวิญญาณยุทธ์อาวุธอย่าง ดาบยาว ง้าว ค้อน ขวาน กระทั่งยังมีวิญญาณยุทธ์สัตว์ ทว่าวิญญาณยุทธ์ทั้งสองประเภทหาได้ยากยิ่ง
นอกจากนี้ยังมีวิญญาณยุทธ์หายากอีกจำนวนหนึ่ง พวกมันล้วนเป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนาน ยกตัวอย่างวิญญาณยุทธ์มิติ วิญญาณยุทธ์เวลา วิญญาณยุทธ์ชีวิต วิญญาณยุทธ์แปรสภาพ และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เหล่านั้นล้วนเป็นวิญญาณยุทธ์ทรงพลังทั้งสิ้น
โดยสังเขปแล้ว บรรดานักเรียนที่หยางฉีเย่ว์คัดเลือกมาส่วนใหญ่ได้รับวิญญาณยุทธ์ธาตุกันถ้วนหน้า
“ข้าคงไม่มีอะไรให้หวังเลยงั้นสินะ” ฉินหยุนยิ้มเขื่อนขณะเมินเฉยสายตาผู้คน
หยางฉีเย่ว์กล่าว “หากเป็นตามปกติแล้ว บุคคลที่มีเส้นวิญญาณหนึ่งตะวันมักยอมแพ้ในหนทางวรยุทธ์ เป็นเพราะมันเป็นเรื่องยาก มันยากมากที่จะสามารถควบแน่นพลังภายในได้ ทว่า หากควบแน่นจนเกิดพลังธาตุได้ก็ย่อมสามารถปลุกวิญญาณยุทธ์ได้ ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่ครอบครองเส้นวิญญาณหนึ่งตะวันจึงหาได้ยากยิ่งที่จะมีโอกาสได้ปลุกวิญญาณยุทธ์”
“ในตำราโบราณกล่าวไว้ว่า หลังจากบุคคลหนึ่งฝึกฝนพลังธาตุสำเร็จด้วยเส้นวิญญาณหนึ่งตะวัน หากปลุกวิญญาณยุทธ์ขึ้น ระดับนั้นจะค่อนข้างสูง อย่างน้อยก็ระดับแพลทินัม!”
คราวนี้ทุกคนในห้องเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหยางฉีเย่ว์ถึงคาดหวัง มันเป็นเพราะฉินหยุนคือบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์หาได้ยากยิ่ง นางต้องการพบเห็นด้วยตัวเองว่าสิ่งที่ตำราโบราณกล่าวเอาไว้เป็นจริงหรือไม่
ฉินหยุนมองหยางฉีเย่ว์ที่ทรงเสน่ห์ ดวงตากลมโตงดงาม ภายในนั้นเขาสามารถพบเห็นถึงความคาดหวังเป็นประกายได้ เขาคิดกับตนเองภายในใจว่า “หรือนี่จะเป็นอาจารย์หยางต้องการหาข้อพิสูจน์และศึกษาอะไรบางอย่าง?”
บุคคลที่มีพื้นฐานสูงล้ำอย่างหยางฉีเย่ว์สมควรอยู่ที่นี่รับหน้าที่อาจารย์ก็เพราะต้องการศึกษาวิญญาณยุทธ์ก็เป็นได้
ฉินหยุนเองก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังวิญญาณยุทธ์ของตน “ข้าหวังว่าบันทึกนั่นจะเป็นจริงแล้วกัน!”
เพียงขณะที่เขายื่นมือสัมผัสกับเจดีย์วิญญาณ เสียง ‘ตู้ม’ ดังสนั่นพลันบังเกิดที่ด้านนอกชั้นเรียน เป็นผลให้แก้วหูทุกคนต้องอื้ออึงจนไม่ได้ยินอะไรอีกชั่วขณะ
“เรื่องแบบนี้... หรือจะเป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนาน? ตอนที่วิญญาณยุทธ์ตื่นรู้ขึ้น มันปลดปล่อยคลื่นเสียงทรงพลังออกมา นี่สมควรเป็นวิญญาณยุทธ์เสียง!” ใบหน้าของหยางฉีเย่ว์แตกตื่นขณะวิ่งออกไปนอกชั้นเรียน
เสียงนี้ดังมาจากชั้นเรียนที่อยู่ติดกัน!
วิญญาณยุทธ์ในตำนานถึงกับปรากฏในชั้นเรียนข้างเคียงนี้!
ทุกคนต่างเร่งรีบมุ่งหน้าออกไปเช่นกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งยากพบเห็น หากพวกเขาได้เป็นสักขีพยานสักครั้ง อย่างน้อยในภายหน้าก็มีเรื่องให้คุยโวเพิ่มอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
มีเพียงฉินหยุนยังอยู่ในชั้นเรียน มือของเขาสัมผัสกับเจดีย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
เจดีย์วิญญาณพลันสั่นไหวเล็กน้อย เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากหน้าต่างขนาดเล็กที่สุดปลายยอด
“อะไรกัน? ไฟกับสั่นไหว? เปลวเพลิงนี่สมควรเป็นวิญญาณยุทธ์ไฟ! แล้วยังมีวิญญาณยุทธ์สั่นไหวด้วย? นี่ก็เป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนานด้วยเหรอเนี่ย?”
ฉินหยุนแตกตื่นขณะรู้สึกถึงแรงสั่นไหวและพลังไฟที่เข้าสู่ร่างกาย
พลังงานทั้งสองไหลเข้าจุดตันเถียนของเขาและปะทุอยู่ภายใน นี่คือการตื่นรู้ของวิญญาณยุทธ์ทารก!
“วิญญาณยุทธ์คู่?” ถึงตอนนี้ฉินหยุนเริ่มประหลาดใจกับตนเองแล้ว ทว่ามันก็เจือปนด้วยความยินดี
ดวงตาของเขายังคงหลับขณะใช้จิตใจควบคุมพลังธาตุภายในกาย ตอนนี้มันมีเปลวเพลิงขนาดเล็กพร้อมแรงสั่นสะเทือนอยู่ภายในวิญญาณยุทธ์ของเขา!
“นี่สมควรเป็นวิญญาณยุทธ์สั่นไหว วิญญาณยุทธ์ในตำนาน ว่าแต่มันเป็นวิญญาณยุทธ์ระดับใดกัน?”
ฉินหยุนลืมตาขึ้น เมื่อได้เห็นเจดีย์วิญญาณ เขาถึงกับพรั่นพรึงหนาวเย็นถึงสันหลังวาบ!
เจดีย์วิญญาณกลายเป็นสีดำ!
มันเป็นสีดำมืดชวนพรั่นพรีง ความมืดนี้ถึงกับทำเอาขนหัวลุก เจดีย์วิญญาณยังคงสั่นไหวไม่หยุด ราวกับว่ามันพร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงทุกเมื่อ
เจดีย์วิญญาณสีดำบริสุทธ์นี้หมายถึงระดับ? ไม่ใช่ระดับสูงสุดคือทองม่วงหรอกหรือ!
“วิญญาณยุทธ์สีดำนี่มันอะไรกันเนี่ย?” ฉินหยุนตื่นตระหนก หลังสูดลมหายใจเข้าลึก เขาถอนมือออก ความกังวลที่คิดไว้ไม่เกิดขึ้น เจดีย์วิญญาณยังไม่แตกออกเป็นเสี่ยง
ผู้คนที่วิ่งออกไปชั้นเรียนข้างเคียงกลับมาถึงตอนนี้เอง พวกเขาต่างถอนหายใจกันไม่หยุดที่ได้เห็นและได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนข้างเคียงเมื่อครู่
“สัตว์ประหลาดชัด ๆ วิญญาณยุทธ์เสียงระดับเงิน เป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนานเลยนะ! มีเส้นวิญญาณสี่ตะวันแถมยังได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนานอีก อนาคตของหมอนั่นสุกสว่างไม่มีทางดับแน่”
“เห็นว่าหมอนั่นมาจากตระกูลเจียง ตระกูลเจียงที่เป็นนักเดินทาง!”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยละมั้งที่วิญญาณยุทธ์ในตำนานปรากฏขึ้นในจักรวรรดิเทียนฉินของพวกเรา? พวกเรานำหน้าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวแล้วสิ!”
“นี่สมควรเป็นครั้งแรกเลยจริง ๆ!”
บรรดานักเรียนที่กลับมาเผยสีหน้าเปี่ยมด้วยความอึ้งทึ่งและพูดคุยกันเองไม่หยุด
“ตำนานกล่าวเอาไว้ว่าจักรวรรดิเทียนเซี่ยวเคยมีวิญญาณยุทธ์ในตำนานเมื่อนานมาแล้ว และไม่นานมานี้บุคคลล่าสุดที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ในตำนานขึ้นคือเชี่ยวเย่ว์หลาน” หยางฉีเย่ว์เอ่ยคำที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้งทึ่ง เหตุใดพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน?
“เชี่ยวเย่ว์หลานไม่ได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ของนางให้ตื่นขึ้นที่นี่ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเจ้าสมควรไม่ทราบ!” จากนั้นนางจึงหันมองทางฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์หลานเคยเป็นอดีตคู่หมั้นของฉินหยุนมาก่อน
แต่แล้วอย่างกะทันหัน นางพลันนึกขึ้นได้ว่าลืมเลือนเรื่องหนึ่งไป “ฉินหยุน เจ้าปลุกวิญญาณยุทธ์เรียบร้อยแล้ว?”
“แน่นอน มันตื่นรู้แล้ว! เป็นวิญญาณยุทธ์ไฟ!” ฉินหยุนไม่ทราบว่าวิญญาณยุทธ์ไฟนี้คือระดับใดกันแน่ เขาจึงคิดซ่อนเรื่องที่อีกหนึ่งเป็นสีดำเอาไว้ก่อน
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ไฟธรรมดาดาษดื่น พวกเขาล้วนหมดความสนใจ เพราะหากนำไปเทียบกับวิญญาณยุทธ์เสียงของชั้นเรียนข้างเคียงแล้ว เรื่องให้พูดคุยนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
หยางฉีเย่ว์กล่าว “ฉินหยุน วางมือลงที่เจดีย์เบิกวิญญาณและให้วิญญาณยุทธ์ไฟดูดกลืนพลังปราณของเจ้า”
ขณะลงมือ ฉินหยุนคาดหวังว่าเจดีย์วิญญาณจะไม่เปลี่ยนเป็นสีดำน่าพรั่นพรึงนั้น
“เรียบร้อย!”
ฉินหยุนลอบคาดการณ์ระดับของวิญญาณยุทธ์ไฟของตนขณะวางทั้งสองมือลงบนเจดีย์
เจดีย์วิญญาณโปร่งแสง ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ทันใดนั้นเอง แสงสว่างวาบสีม่วงพลันสุกสว่าง หน้าต่างเล็กที่ปลายยอดของเจดีย์พวยพุ่งออกซึ่งเปลวเพลิงสีทองม่วง มันถึงกับทำให้นักเรียนทุกคนดวงตามืดบอดไปวูบ!
วิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง!
มันแปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงก่อนจะเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น มันเป็นประกายเสียยิ่งกว่าวิญญาณยุทธ์ระดับแพลทินัมของหยางฉีเย่ว์ด้วยซ้ำ!
“ทองม่วง!” หยางฉีเย่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น ครั้งนี้มันชวนให้นางตื่นตกใจยิ่งกว่าได้เห็นวิญญาณยุทธ์เสียงเสียอีก
“มันทรงพลังขนาดนั้น?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
หยางฉีเย่ว์หันมองฉินหยุนด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความยินดี นางค่อยพยักหน้ารับและกล่าวว่า “วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงย่อมต้องทรงพลังยิ่ง! วิญญาณยุทธ์สามารถมอบพลังปราณตามคุณลักษณะของพลังได้ และพร้อมกันนั้น มันจะทำการเพิ่มพูนพลังปราณ ยิ่งระดับวิญญาณยุทธ์สูงเพียงใด พลังปราณก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น!”
“หากเจ้าปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วงออกมา อย่างน้อยตอนนี้ก็สมควรมีพลังราวครึ่งหนึ่งของวิญญาณยุทธ์ระดับแพลทินัมของข้า หากเจ้าใช้งานมันได้ดี สมควรมีพลังเหนือกว่าเป็นสองเท่าจากข้า! ไม่ว่าจะระดับเงินหรือว่าทองคำล้วนแย่หมดหากนำไปเทียบกับวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง”
เยี่ยนจงหมิงที่ตื่นรู้วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองพลันเดียดฉันท์กล่าวขึ้น “แต่เขามีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตะวัน พรสวรรค์ทางวิชายุทธ์ย่ำแย่ เป็นเรื่องยากที่เขาจะเพิ่มพูนการฝึกฝนได้ ดังนั้นวิญญาณยุทธ์ดีเยี่ยมแค่ไหนล้วนไม่สำคัญ มันไร้ประโยชน์!”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นพ้อง บุคคลที่ครอบครองเส้นวิญญาณหนึ่งตะวันเป็นเรื่องยากเพิ่มพูนระดับขึ้น ไม่ว่าจะได้รับวิญญาณยุทธ์ดีเยี่ยมเพียงใด พรสวรรค์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
“ช่างเป็นวิญญาณยุทธ์ยอดเยี่ยมแต่กลับเสียของ!”
“วิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง คงได้เพียงดูเพื่อความงดงามแล้ว”
“หากเขามีเส้นวิญญาณสักสามตะวัน เช่นนั้นคงกลายเป็นบุคคลฟ้าประทาน ช่างน่าเสียดายนัก!”
“ดูเหมือนวิญญาณยุทธ์สายฟ้าระดับทองคำของเย่เหว่ยเสวียนจะยังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราอยู่ดี”
ทุกคนต่างเย้ยหยันถึงเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น
ถึงตอนนี้หยางฉีเย่ว์มั่นใจแล้ว ว่าบุคคลซึ่งมีเส้นวิญญาณหนึ่งตะวันจะได้รับวิญญาณยุทธ์ระดับสูง!
เรื่องนี้จึงไม่ใช่ข่าวลืออีกต่อไป แต่ก็ยากจะเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ฉินหยุนเองยังมีวิญญาณยุทธ์สั่นไหวสีดำอันลึกลับอยู่ แต่หลังพิจารณาให้ถี่ถ้วน เขาตัดสินใจเก็บซ่อนเรื่องนี้จากนางไว้ก่อน
อย่างไรแล้วเขาก็ยังไม่ทราบว่าสีดำดังกล่าวนั้นหมายความถึงอะไร หากผิดพลาดมันอาจหมายความถึงปีศาจที่ชั่วร้าย
บรรดานักเรียนในห้องนี้ต่างก็ไม่ได้คาดหวังอะไรต่อเขาสูงอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน
สร้อยข้อมือเก้าไข่มุกต่างหากจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถได้รับพรสวรรค์เส้นวิญญาณเก้าตะวัน และตอนนี้เขาก็ได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์คู่เป็นที่เรียบร้อย อนาคตของเขาภายในใจนั้นยิ่งมายิ่งสุกสว่างยิ่งกว่าผู้ใด!