เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0005
ตอนที่ 5 : พลังธาตุ
“เจ้ากล้า? เขาคือบุตรของจักรพรรดินีนะ! อีกทั้งยังเป็นอนาคตสามีข้า!” หยวนหยานหยิงเร่งรีบตะโกนจากด้านข้าง นางนั้นไม่เอ่ยคำ ‘พี่หยุน’ อย่างที่กระทำเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว
ฉินหยุนแค่นเสียงกลับ “อีกสิบวัน เข้าจะเข้าร่วมกองทัพแล้ว ในเมื่อจะไปหาที่ตายในอีกไม่กี่วัน ข้าก็ขอลากพวกเจ้าไปกับข้าด้วยก็แล้วกัน!”
คำพูดนี้ไม่มีใครทัดทาน!
หากเขาโดนบังคับให้เข้าร่วมกองทัพและออกต่อสู้ที่แนวหน้า ความตายคือสิ่งแน่นอน แบบนั้นหากตอนนี้เขาคิดอยากทำอะไรก็ไม่ผิด!
“ฉิน...”
ขณะหยวนหยานหยิงคิดกล่าวคำ ฉินหยุนกลับส่งสายตาเย็นชาและไร้อารมณ์กลับมาให้ นางไม่อาจถ่วงรั้งจนต้องเผยสีหน้าซีดขาวและก้าวถอยไปหลายก้าว
นางหวาดกลัวต่อเจตนาฆ่าฟันนี้ของฉินหยุนจนไม่อาจพูดอะไรออก!
ฉินหยุนคว้าคอหอยฉินเทียนอี้เอาไว้พร้อมตะคอกใส่ “เอ้า ส่งเม็ดยาปราณวิญญาณให้ข้าได้แล้ว นี่โอกาสสุดท้ายของเจ้า!”
ลำคอของฉินเทียนอี้ถูกเกาะกุมเอาไว้ด้วยแรงที่แน่นหนา ด้วยใบหน้าที่เจ็บช้ำ เขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงจนกล่าวอะไรแทบไม่ได้
ทหารอารักขาหลายคนเร่งคิดเข้ามาห้ามทัพ ทว่าไม่มีผู้ใดกล้ากระทำการบุ่มบ่าม
ฉินเทียนอี้พยักหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมที่รับผิดชอบหน้าที่แจกจ่ายเม็ดยาวิญญาณ เขาตะโกนออกด้วยความยากลำบาก “เร็วเข้า... เอาให้มัน...”
ชายใบหน้าอ้วนกลมตัวสั่นขณะเร่งรีบนำเม็ดยาปราณวิญญาณสิบห้าเม็ดออกมาพร้อมส่งมอบแก่ฉินหยุน
ฉินเทียนอี้เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ สิ่งตอบแทนที่ได้รับคือเม็ดยาปราณวิญญาณจำนวนสิบห้าเม็ด แต่แล้ว ทั้งหมดกลับถูกฉินหยุนฉกชิงไป
หลังได้รับเม็ดยา ฉินหยุนจึงปล่อยฉินเทียนอี้ก่อนหันมองควับที่หยวนหยานหยิง เขากล่าวด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าต้องการคู่ครองเป็นไอ้ขยะเช่นนี้? กับคนอกตัญญูเช่นเจ้าที่เพียงอยากสุขสำราญกับทรัพย์สินและอำนาจ ก็ไม่แปลกที่จะยอมสละตัวเองเพื่อแต่งงานกับไอ้ขยะอย่างนี้!”
หลังกล่าวจบคำ เขาเลือกเดินจากไปโดยไม่หันกลับมอง
ทุกคนต่างมองฉินหยุนด้วยความภูมิใจและกลับมาทำให้พวกเขาต้องร้องอุทานภายในใจกันอีกครั้ง!
ไม่มีผู้ใดคาดคิดแน่ว่า ฉินหยุนที่อยู่เพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สามจะสามารถจัดการฉินเทียนอี้ ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ด้วยสภาพอันน่าอนาถได้!
หยวนหยานหยิงกัดริมฝีปากไม่อาจเอ่ยคำ นางทำได้เพียงมองทหารอารักขาจำนวนหนึ่งแบกร่างของฉินเทียนอี้จากไป
* * *
ฉินหยุนกลับมายังกระท่อมน้อยของตน เขาขมวดคิ้วขณะมองเม็ดยาปราณวิญญาณสิบห้าเม็ดและพึมพำกับตัวเอง “ในเวลาสิบวัน สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงจะมารับสมัครคัดเลือกนักเรียน มีเพียงผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่จึงสามารถเข้าร่วม ตอนนี้เราอยู่ระดับที่สาม ต้องหาทางเร่งการข้ามขอบเขตให้เร็วกว่านี้ ตราบเท่าที่เราได้เข้าสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง เราจะได้สภาพแวดล้อมที่ดีกว่านี้เพื่อการฝึกฝนวิชายุทธ์”
“ภายในเม็ดยาปราณวิญญาณมีพลังงานวิญญาณจำนวนมหาศาลอัดแน่น มันจะช่วยเร่งกระบวนการข้ามขอบเขตได้”
ตราบเท่าที่เขาสามารถควบแน่นพลังปราณจากตันเถียนได้ เขาจะสามารถก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่!
พลังธาตุสามารถกักเก็บพลังปราณปริมาณมหาศาลเอาไว้ได้ ถึงตอนนั้น เขาจะสามารถใช้เพื่อขัดเกลาพลังปราณและทำให้มันบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นได้
เพื่อควบแน่นพลังปราณ สิ่งแรกที่จำเป็นคือดูดซับพลังงานวิญญาณมหาศาลสู่ร่างกาย จากนั้นจึงเป็นการกักเก็บพลังงานวิญญาณปริมาณมหาศาลไว้ในตันเถียน ท้ายที่สุดคือการควบแน่นพลังปราณ
เรื่องนี้ไม่ยากเกินไปนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้สำเร็จ หากเป็นผู้มีเส้นวิญญาณจำนวนหนึ่ง พวกเขาสามารถข้ามผ่านขอบเขตตรงนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น
หลังจากฉินหยุนกินเม็ดยาเข้าไป เขาจึงเร่งรีบสัมผัสถึงเส้นพลังงานวิญญาณทั้งเก้าและเริ่มโคจรภายในร่าง ผลลัพธ์นั้นชวนอึ้งทึ่งนัก
อัญมณีทั้งเก้าอันลึกลับที่อยู่ในรูปสร้อยข้อมือ มันไม่เพียงช่วยดูดซับพลังงานวิญญาณจากเก้าตะวัน แต่มันยังทำให้สามารถสัมผัสถึงพลังงานวิญญาณทั้งเก้าประเภทที่อยู่ภายในเม็ดยาปราณวิญญาณ นี่หมายความถึงเขาสามารถดูดกลืนพวกมันได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องเสียของ
สำหรับบุคคลซึ่งมีชีพจรวิญญาณหกตะวัน จะสามารถดูดซับพลังงานวิญญาณได้เพียงหกประเภทจากเม็ดยา
ทว่า ฉินหยุนนั้นกลับสามารถดูดซับพลังงานวิญญาณทั้งเก้าประเภทได้!
นี่คือหนึ่งในความได้เปรียบหากครอบครองเส้นวิญญาณจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีเส้นวิญญาณมากเพียงใดจึงยิ่งมีศักยภาพมากเพียงนั้น
ในช่วงเวลาที่เหลือนี้ ฉินหยุนใช้เวลาทุกวันเพื่อขัดเกลาเม็ดยาปราณวิญญาณ เขาผสานมันเข้ากับพลังดั้งเดิมภายในกายก่อนนำไปสู่พลังปราณ
เพียงพริบตา สิบวันก็ผ่านไปแล้ว
พลังปราณในตันเถียนของฉินหยุนยิ่งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์ มันรวมตัวกันจนก่อเกิดขึ้นเป็นน้ำวนสีทองคำจนทำให้ตันเถียนที่แฟ่บของเขาคล้ายได้เติมลมจนพองตัวขึ้น
เขาสามารถใช้ความต้องการควบคุมน้ำวนภายในตันเถียนได้ เป็นผลให้มันเริ่มเกิดการหดตัว
เพียงไม่นาน ฉินหยุนรู้สึกได้อย่างกะทันหัน ว่าภายในท้องของตนร้อนรุ่มและรู้สึกไม่สบายยิ่ง ทว่าเขาก็อดทนต่อความไม่สบายที่เกิดขึ้นเพราะความร้อนดังเผาไหม้นี้ เขายังคงเริ่มกระบวนการหดตัวของน้ำวนอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไปทีละน้อย
ดวงตะวันกำลังจะขึ้น วันนี้คือวันที่องค์ชายห้าจะต้องเข้าร่วมกองทัพแล้ว
หากฉินหยุนไม่อาจเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ เขาจะต้องโดนส่งตัวเข้ากองทัพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงดูดซับพลังวิญญาณเก้าตะวันเข้าสู่ร่างกาย
อย่างกะทันหัน ร่างของฉินหยุนกลับผุดเม็ดเหงื่อปริมาณมหาศาลก่อนปล่อยไอน้ำสีทองคำออกมา สิ่งนี้คือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการควบแน่นจนเกิดขึ้นเป็นพลังธาตุ...
ในช่วงเช้าตรู่ แสงตะวันสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
ฉินหยุนที่ร่างชื้นแฉะด้วยไอน้ำสีทองคำพลันปลดปล่อยพวกมันออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น ไอน้ำในอากาศยิ่งมายิ่งหาแน่น ห้องนี้ประหนึ่งห้องอบไอน้ำก็ไม่ปาน
“ในที่สุดก็ควบแน่นพลังธาตุได้! ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่!”
เขากำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้นยินดี หากสามารถฝ่าขอบเขตได้ก่อนถึงกำหนดเวลา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกองทัพแต่อย่างใดอีกต่อไป
ฉินหยุนรู้สึกยินดี หลังเก็บสัมภาระของตน เขาจึงนำสัมภาระเหล่านั้นออกเดินจากกระท่อมที่เต็มไปด้วยความหลังขื่นขมกว่าจะเติบโตจนถึงวันนี้ได้ เขามุ่งหน้าสู่ลานกว้างของพระราชวังหลวง
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ หัวข้อสนทนาร้อนแรงภายในวังล้วนเอ่ยถึงเรื่องฉินหยุนฉกชิงเม็ดยาปราณวิญญาณจากฉินเทียนอี้กันอย่างออกรสออกชาติ
หลายคนพบว่าเรื่องนี้แปลกเกินไป เพราะในช่วงสิบวันมานี้องค์จักรพรรดินีหาได้ออกมาสร้างปัญหาใดกับฉินหยุนไม่!
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเริ่มคาดเดา ว่าจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิฉินเทียนผู้ซึ่งอยู่ในเงามืดได้ยินยอมให้ฉินหยุนใช้ชีวิตอย่างสงบในช่วงเวลาสิบวันสุดท้ายก่อนถึงเวลาเข้าร่วมกองทัพ
* * *
ลานที่กว้างขวางของพระราชวังหลวงในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่และมีชีวิตชีวา
วันนี้คือวันที่พระราชวังหลวงเปิดต่อสาธารณะ ผู้คนจากภายนอกสามารถเข้ามาเพื่อเข้าร่วมกองทัพ หรือไม่ก็สามารถมาลงทะเบียนเข้าร่วมกองกำลังวิญญาณยุทธ์ได้ วันนี้จึงกลายเป็นหนึ่งวันที่มีชีวิตชีวามากที่สุดของปี
ที่บริเวณทางด้านทิศใต้ของลานกว้างจอแจที่สุด เพราะสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่างฮัวหลิงมาพร้อมอาจารย์หลายท่านเพื่อรับสมัครคัดเลือกนักเรียน ซึ่งตอนนี้ก็มีการตั้งแถวต่อคิวกันรอลงทะเบียนไปไม่น้อยแล้ว
บริเวณทางตะวันออกของลานกว้าง คือส่วนที่เสียงค่อนข้างอึกทึกและฮือฮา เพราะมีพิธีการส่งองค์ชายเข้าร่วมกองทัพ และก็มีองค์ชายหลายพระองค์เกิดอาการต่อต้านขึ้นจนต้องมีเรื่องราว
ฉินหยุนเร่งมุ่งหน้าไปยังทางด้านตะวันออกของลานกว้างจึงได้พบเห็นองค์ชายหลายพระองค์กำลังยืนอยู่บนพรมแดงขณะรับชมเรื่องราว พวกเขาเหล่านี้คือตัวตนที่น่าสงสารซึ่งไม่อาจเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ได้ก่อนอายุสิบห้า
พิธีส่งองค์ชายเข้าร่วมกองทัพค่อนข้างยิ่งใหญ่ อย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังมีศักดิ์เป็นองค์ชาย ย่อมต้องแสดงให้เห็นถึงความมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
แต่อย่างไรแล้วไม่ว่าจะทำพิธีมากศักดิ์ศรีเพียงใด สิ่งเหล่านั้นหาได้ทำให้องค์ชายเหล่านั้นสุขใจไม่ พวกเขาทุกคนล้วนเผยสีหน้าราวกับนี่คือวันสิ้นโลก ใบหน้าของพวกเต็มเปี่ยมไปด้วยความโศก
“อย่าได้หม่นหมองไป ฉินหยุนผู้ซึ่งเป็นอดีตองค์ชายรัชทายาทจะเดินทางร่วมกับเจ้า” ใครคนหนึ่งจากบริเวณใกล้เคียงกล่าวเย้นหยันและแดกดัน
ฉินหยุนครั้งหนึ่งเคยเป็นองค์ชายรัชทายาท สถานะของเขาสูงส่ง แต่เพราะตอนนี้เขาอ่อนแอ จึงต้องเข้าร่วมกองทัพ นี่คือความเท่าเทียมที่ต้องเป็นไป!
ทุกคนต่างมีอารมณ์อัดแน่นอยู่ภายใน กับราชวงศ์ก็ยังไม่เคยมีคำว่าปราณี
ถึงตอนนี้ ฉินหยุนยืนอยู่บริเวณข้างพรมแดงดังกล่าว เขาหาได้ขึ้นไปยืนกลางพรมแดงไม่
ทำไมเขาจึงไม่เข้าไปยืน? เรื่องนี้ทุกคนล้วนให้ความสนใจ!
ไม่นานหลังจากนั้น เกี้ยวขนาดใหญ่ที่ส่องแสงสีทองคำอร่ามถูกแบกหามมาโดยผู้คนจำนวนหนึ่ง กลุ่มนางสนมในพระราชวังเดินตามติดทั้งด้านหน้าและหลัง นี่คือเกี้ยวขององค์จักรพรรดินีแล้ว
หัวหน้าข้าราชบริหารเร่งเดินนำหน้าเข้ามาประกาศการเสด็จของจักรพรรดินีอย่างเร่งรีบเพื่อแจ้งให้หลบทางอย่าได้คิดขวาง เช่นนี้หมายความว่าจักรพรรดินีคิดมาดูเรื่องราวนี้ด้วยตัวเองแล้ว
นี่ก็เป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉินหยุนได้พบเห็นองค์จักรพรรดิ เขามีความรู้สึกคลุมเครือว่าหลายต่อหลายครั้งองค์จักรพรรดิได้ลอบช่วยเหลือเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่อาจอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาได้จริง ๆ
เมื่อเกี้ยวหรูหรามาถึง ที่เดินออกมาคือหญิงงามผู้หนึ่งสวมใส่ชุดหงส์ไฟที่เป็นประกายงดงาม ผู้นี้คือจักรพรรดินีของจักรวรรดิเทียนฉิน!
ร่างงดงามในชุดหงส์ไฟพลิ้วไหวพร้อมผลึกแก้วงดงาม พลังวิญญาณกระจายออกจากชุด ชัดเจนว่านี่คือชุดเกราะที่มีพลังป้องกันสูงจนแทบประเมินค่าราคามิได้!
ชั่วขณะที่จักรพรรดินีก้าวเดินออกจากเกี้ยว ทุกคนต่างโค้งศีรษะให้อย่างไม่อิดออด
“ไม่ต้องมากมารยาทไป”
น้ำเสียงนี้เฉยชา ดวงตาของนางเย็นเยียบและเฉียบคมขณะตวัดสายมองฝูงชน นางทั้งเย็นชาและอหังการอย่างหาที่สุดมิได้
สายตาของนางเพียงมองแต่ฉินหยุน ดวงตานั้นยิ่งมายิ่งเย็นเยียบขณะหรี่เล็ก ประกายชั่วร้ายแทบพุ่งออกจากดวงตาของนาง
บุตรชายคนสุดท้องของนาง ฉินเทียนอี้ได้รับบาดเจ็บเพราะฉินหยุนจากเหตุการณ์เมื่อสิบวันก่อน เม็ดยาปราณวิญญาณสิบห้าเม็ดถูกฉกชิงเอาไป หากเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะองค์จักรพรรดิลอบขัดขวางนาง นางคงเข้าคิดหาทางลงมือสังหารฉินหยุนตั้งแต่วันนั้นแล้ว
และตอนนี้ เมื่อนางพบเห็นฉินหยุนที่กำลังจะตายเพราะเข้าร่วมกองทัพ มันยิ่งทำให้นางรู้สึกดีเกินจะกล่าว
ทางด้านฉินหยุน เขาหาได้มีเรื่องอื่นใดไม่นอกเสียอยากต้องการสังหารหญิงที่โฉดชั่วรายนี้!
ความจริงที่ว่าเส้นวิญญาณของเขาถูกพรากเอาไปก็เพราะจักรพรรดินีโฉดชั่วผู้นี้ อีกทั้งมันยังถูกส่งมอบเป็นของบรรณาการแด่บุตรชายคนโตของจักรพรรดินีโฉดตรงหน้าเขาอีกด้วย!