ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0002
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0004

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0003


ตอนที่ 3 : เม็ดยาพลังวิญญาณ

องค์ชายรัชทายาทพระองค์ใหม่ครอบครองชีพจรวิญญาณหกตะวัน เขาจึงกลายเป็นองค์ชายผู้มากพรสวรรค์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเทียนฉิน!

ส่วนทางด้านฉินหยุนในตอนนี้ เพราะครอบครองสร้อยข้อมือเก้าไข่มุก เขาจึงมีสภาพเทียบครอบครองเส้นวิญญาณเก้าตะวัน ด้วยพรสวรรค์ระดับเก้าตะวันเพียงพอที่จะเรียกว่าเป็นตำนาน และก็ดังจำนวนของมัน มันเหนือล้ำยิ่งกว่าหกตะวันหลายขุมนัก!

ฉินหยุนเปิดประตูลานออกจึงพบเห็นกลุ่มคนกำลังเร่งรีบจากไป

กลุ่มคนเหล่านี้เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังห้องขององค์ชายรัชทายาทเพื่อส่งเสด็จเดินทางไปยังสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน

ณ เวลานี้ ทุกผู้คนอยากเอาอกเอาใจองค์ชายรัชทายาทกันทั้งสิ้นเพื่อไขว่คว้าประโยชน์แก่ตนเอง

ย้อนกลับไป ฉินหยุนก็เคยได้รับตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทเช่นกัน ครั้งนั้นผู้คนก็ล้อมหน้าล้อมหลังเขาไม่ขาดสาย

แต่แล้ว ห้าปีผ่านไป เมื่อเขาถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ผู้คนที่เคยติดสอยห้อยตามเขาตั้งแต่แรกกลับตีตนออกห่างจนไม่หลงเหลือ!

บุคคลเหล่านั้นทั้งที่ได้รับความช่วยเหลือจากมหาอุปราชแต่กลับแปรเปลี่ยนไปทันทีพร้อมทั้งสาปแช่งเขา ทั้งหมดเพื่อเป็นการออกตัวว่าพวกเขาเหล่านั้นหาได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องด้วยเพื่อหลบเลี่ยงปัญหา!

“ไอ้พวกเศษเดนทำอะไรไม่เป็น กระทั่งกระทำเรื่องขัดต่อจิตสำนึกยังสามารถทำเพื่อผลประโยชน์ได้ นับว่าใบหน้าพวกมันหนายิ่งนัก ไม่ต่างอะไรกับภูเขาหิน!” ฉินหยุนมองกลุ่มคนเคลื่อนผ่านไป ตอนนี้เขายิ่งแน่วแน่มากยิ่งขึ้น!

“องค์ชายรัชทายาท? บัลลังก์? ข้าสนใจตายละ!”

เขาปิดประตูกลับและเริ่มทำการฝึกฝนในลานน้อยของตนเพียงลำพัง

“ก่อนอื่นต้องเรียนวิชาระเบิดปราณโดยเร็วที่สุด นี่เป็นวิชาวรยุทธ์เดียวที่พี่สาวมหาอุปราชหลงเหลือทิ้งไว้ให้”

ฉินหยุนโคจรพลังปราณร่างเพื่อชี้นำพวกมันไปยังแขนก่อนต่อยเข้ากับพื้นอย่างแรง!

ตู้ม!

เพียงพริบตาที่พลังปราณถูกปล่อยออกจากหมัด มันระเบิด! เป็นผลให้คลื่นอากาศกระแทกพุ่งออกไปทั่วบริเวณเพราะหมัดนี้!

ใบไม้ที่แห้งเหี่ยวกับพื้นพลันโดนคลื่นอากาศนี้ทำให้พวกมันกระจัดกระจาย กระทั่งว่าเกิดหลุมที่มีรอยแตกบนพื้นด้วยซ้ำ!

วิชาระเบิดปราณคือวิชาวรยุทธ์ที่สืบทอดส่งมาถึงเขาโดยมหาอุปราชที่ต้องการให้เขามีเพื่อปกป้องตนเอง ความมหัศจรรย์ของวิชานี้คือ ต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังปราณ เขาก็สามารถใช้พลังวิญญาณที่เล็กน้อยปล่อยการระเบิดปราณออกมาได้

“ตราบเท่าที่เราสามารถควบแน่นพลังปราณ มันจะยิ่งทรงพลังมากขึ้น ต้องลองควบแน่นพลังปราณสักสิบชั่วลมหายใจ!”

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกขณะนับห้วงลมหายใจของตนเอง สิบลมหายใจถัดมา ตันเถียนของเขาเริ่มสั่นเทิ้มขณะปลดปล่อยพลังพลังปราณด้วยวิชาระเบิดปราณ หมัดนี้พุ่งเข้าหาก้อนหินใหญ่!

ตู้ม!

หมัดที่ไม่รั้งแม้สักนิดนี้ปะทะกับก้อนหิน คลื่นอากาศกระจายตัวออกไปทั่วทิศทางอีกครั้งขณะก้อนหินเกิดรอยปริแตกก่อนสลายกลายเป็นหินก้อนเล็กกระจายทั่ว

ฉินหยุนถอนลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก ใบหน้าของเขาซีดเผือด แขนค่อนข้างเจ็บเล็กน้อย ทว่า หัวใจของเขากลับเต้นแรงด้วยความยินดี นี่คือวิชาระเบิดปราณที่ทรงพลังยิ่ง ด้วยหมัดนี้หากเทียบกับก่อนหน้ามันมีแรงกระทำเพิ่มขึ้นหลายเท่านัก

“ใช่แล้ว ตราบเท่าที่เราฝ่าขอบเขตกายวรยุทธ์ขั้นที่สามได้ เราจะสามารถไปยังหอโอสถวิญญาณเพื่อเรียกร้องเม็ดยาได้!” ฉินหยุนเริ่มคิดถึงเรื่องถัดจากนี้แล้ว

ในจักรวรรดิเทียนฉิน เมื่อองค์ชายและเจ้าหญิงฝ่าขอบเขตกายวรยุทธ์ขั้นที่สามได้ พวกเขาสามารถเข้าสู่หอโอสถวิญญาณเพื่อรับเม็ดยาปราณวิญญาณได้จำนวนห้าเม็ด

หลังพักผ่อนระยะหนึ่ง ฉินหยุนจึงมุ่งหน้าไปที่หอโอสถวิญญาณ!

* * *

บริเวณทางตะวันออกของเขตพระราชวัง มีสวนสมุนไพรอยู่ ที่แห่งนี้ประกอบด้วยพื้นที่จำนวนหลายไร่และถูกล้อมด้วยกำแพงแน่นหนา

หอโอสถวิญญาณตั้งอยู่ที่บริเวณใจกลางของสวนสมุนไพรแห่งนี้ มันเป็นอาคารที่ดูเก่าแก่และมีทั้งสิ้นสามชั้น

ฉินหยุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งถึงทางเข้าหอโอสถวิญญาณ เขาพบเห็นทหารอารักขาตั้งแถวกันเรียงกันยาว พวกเขาเหล่านี้ต่างมาที่นี่เพื่อร้องขอเม็ดยาพลังวิญญาณ พวกเขาเหล่านี้จะได้รับมันครั้งหนึ่งในช่วงนี้ของทุกปี

ทหารอารักขาเหล่านี้พบเห็นว่าฉินหยุนมาถึง ทว่าก็มิได้นำพาให้พวกเขาต้องโค้งศีรษะให้เขาผู้ซึ่งเคยเป็นอดีตองค์ชายรัชทายาทแต่อย่างใด

ทั้งหมดนี้ก็เพราะทุกคนทราบดีว่าฉินหยุนสูญเสียทุกสิ่งอย่าง อีกทั้งยังโดนบีบบังคับให้เข้าร่วมกองทัพในอีกสิบวัน เท่ากับว่าถึงตอนนั้นเขาจะสูญเสียสถานะราชวงศ์และจะไม่มีโอกาสได้เงยหน้าสู่สังคมอีก!

ฉินหยุนเองก็รู้สึกได้ว่ากลุ่มทหารอารักขาเหล่านี้มองทางเขา เขาทำได้เพียงลอบไม่พอใจอยู่ภายใน เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาล้วนเป็นเช่นนี้

ด้วยฐานะองค์ชาย เขาจึงไม่จำเป็นต้องต่อแถวเพื่อรับเม็ดยาปราณวิญญาณ เขาเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังช่องแรกที่เปิดอยู่โดยทันที

บุคคลซึ่งรับหน้าที่จ่ายเม็ดยาคือชายวัยกลางคนที่ใบหน้าค่อนข้างกลม เมื่อพบเห็นฉินหยุน น้ำเสียงของเขากลับกลาย กระทั่งไม่ปกปิดความรังเกียจในดวงตานั้น น้ำเสียงตอนนี้ถึงขั้นหยาบคาบ “องค์ชายห้าหรือ มาทำอะไรที่นี่กันละ?”

ชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมนี้เป็นคนของจักรพรรดินี ตอนนี้จักรพรรดินีคือผู้ครองอำนาจใหญ่ นางกระทั่งปิดฟ้าด้วยมือเพียงข้างเดียวได้หากเป็นเรื่องในพระราชวัง ด้วยฐานะสุนัขรับใช้ซื่อสัตย์ ท่าทีเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก

ฉินหยุนขมวดคิ้วก่อนกล่าวเสียงเย็น “ข้ามาเพื่อรับเม็ดยาปราณวิญญาณ!”

“เจ้านั้นเพียงเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สอง อย่าได้เสนอหน้ามาสร้างปัญหาที่นี่!” ใบหน้าอ้วนกลมนั้นเหยียดหยัน “ข้ารู้นะว่าเจ้านั้นอยากฝ่าขอบเขต แต่จงอย่าลืมว่าห้าปีที่ผ่านมานี้เจ้าไม่ได้เป็นองค์ชายรัชทายาทอีกต่อไปแล้ว องค์ชายพระองค์ใหม่นั้นต่างหากถึงเป็นมังกรแท้จริงในมวลหมู่มนุษย์ เป็นโอรสแห่งสวรรค์!”

ใบหน้าอ้วนกลมแทบอยากถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาด้วยซ้ำหากกระทำได้ ทว่าฉินหยุนหนักแน่น เขายื่นมือเอื้อมออกไปโดยไม่มีผู้ใดเห็นและคว้าคอของอีกฝ่ายเอาไว้ประหนึ่งหมาป่าจ้องขย้ำเหยื่อ!

‘กึก!’ เสียงนี้ดังไม่น้อย

ฉินหยุนคว้าคอของชายใบหน้าอ้วนกลมออกจากช่องหน้าต่างอีกฝั่งก่อนจะทุ่มหนักหน่วงกับพื้นและรุนแรง!

เท้านั้นเหยียบเข้าที่ใบหน้าอ้วนกลมนั้น น้ำเสียงของเขาตอนนี้แสดงถึงความผ่าเผยและความกล้าที่มี “สุนัขรับใช้คงความจำไม่ดีนัก ต่อให้ข้าไม่ใช่องค์ชายรัชทายาทแล้ว แต่ข้าก็ยังมีฐานะเป็นองค์ชายห้า และเจ้าไม่ใช่ผู้ที่จะเหยียดหยามข้าต่อหน้าได้!”

“ข้าราชบริพารที่เหยียดหยามเจ้านายถือเป็นความผิดร้ายแรง ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าเสียตรงนี้ ก็ไม่มีทางที่ข้าจะต้องรับโทษอะไร!”

เมื่อบรรดาทหารอารักขาที่เรียงแถวอยู่พบเห็นพลังในการกระทำของฉินหยุน พวกเขาถึงกับตื่นตัวทันที

พวกเขาเห็น ว่าฉินหยุนเพิ่งใช้พลังปราณ มีเพียงแต่เข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สามเท่านั้นถึงสามารถปลดปล่อยพลังปราณเช่นนี้ออกมาได้

นี่หมายความว่าฉินหยุนก้าวเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สามเรียบร้อยแล้ว!

ชายใบหน้าอ้วนกลมที่โดนสั่งสอนบทเรียนอย่างหนักหน่วงนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าฉินหยุนเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สามเป็นที่เรียบร้อย เขาถึงกับเร่งรีบคุกเข่ากับพื้นตัวสั่นโขกศีรษะต่อฉินหยุน

“ข้าจะรีบไปนำเม็ดยาปราณวิญญาณมาถวายแด่องค์ชายห้าเดี๋ยวนี้!” ชายวัยกลางคนผู้นี้เร่งรีบลุกขึ้นและลุกลี้ลุกลนเข้าห้องไป ไม่ช้า เขากลับมาพร้อมเม็ดยาปราณวิญญาณห้าเม็ด ส่งมอบมันต่อหน้าฉินหยุน เขากระทั่งโค้งศีรษะอีกครั้งและยื่นมือส่งมอบด้วยความนอบน้อม

เหล่าทหารอารักขาเลือกก้มศีรษะลงต่ำโค้งให้ฉินหยุนเช่นกัน!

แม้ฉินหยุนจะอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สาม แต่พวกเขาสัมผัสได้ ถึงพลังอำนาจที่อีกฝ่ายมี ณ ตอนนี้!

มีเพียงผู้ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งเท่านั้นถึงสามารถได้รับความเคารพและไม่ต้องก้มหน้าต่อผู้ใด ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจำต้องก้มหน้ายอมรับและโดนเหล่าคนโฉดชั่วเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนเอง!

ฉินหยุนรับเม็ดยาและหันกลับมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าออกของสวนสมุนไพร แต่แล้ว เขาได้เห็นเด็กสาวและเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา

เด็กหนุ่มนับว่าหล่อเหลา เด็กสาวก็นับว่างดงาม พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่งดงามไม่แพ้กัน รอยยิ้มของเด็กสาวนั้นอ่อนหวานยิ่ง

“โอ้! นั่นฉินหยุนไม่ใช่หรือ? เจ้าโดนบีบบังคับให้เข้าร่วมกองทัพไปอีกสิบวันนี่ ข้าคิดว่าเจ้าฆ่าตัวตายไปแล้วเสียอีก!” เด็กหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดสีทองคำและแดงงดงาม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน่ารังเกียจขณะพูดกับฉินหยุน

อีกฝ่ายคือองค์ชายสี่ นามนั้นคือฉินเทียนอี้ เป็นน้องชายขององค์ชายรัชทายาท ไม่นานมานี้เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ และมาที่นี่เพื่อรับเม็ดยาปราณวิญญาณ

เมื่อเหล่าทหารอารักขาพบเห็นองค์ชายสี่มาเยือน พวกเขาเร่งรีบโค้งกายให้ ชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมแทบกราบกราน...

ฉินหยุนมองฉินเทียนอี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ขลาดเขลาเช่นเจ้าที่คิดปลิดชีพตนเองยามเกิดปัญหาขึ้น! ข้าเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สาม เพราะแบบนั้นจึงมาที่นี่เพื่อรับเม็ดยาปราณวิญญาณ”

หลังกล่าวคำจบ เขามองไปยังเด็กสาวข้างกายฉินเทียนอี้

เด็กสาวสวมใส่ชุดสีขาวราวหิมะงดงามจับตา ผิวละเอียดอ่อน รูปลักษณ์นี้งดงามสะกดสายตา บ่งบอกถึงความงดงามอันวิเศษและความเป็นผู้มีวัฒนธรรมอันดี

นามของนางคือหยวนหยานหยิง นางเป็นธิดาของแม่ทัพใหญ่หยวน กระทั่งเป็นเพื่อนเล่นกับฉินหยุนเมื่อสมัยก่อน แม้นางจะอายุเพียงสิบห้าใกล้สิบหกปี แต่เมื่อดวงตานั้นกระพริบขึ้นและลง ความงามนี้สะกดแก่สายตาจนแทบจับกุมดวงวิญญาณเอาไว้ได้

4 9 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด