ตอนที่ 9 ตำหนักร้อยสมบัติ
ในเมืองซีเฟิงมีมากมายหลายตระกูล ซึ่งตระกูลสุ่ยถือว่าเป็นตระกูลอันดับต้นๆ แม้กระทั่งตระกูลเจ้าเมืองยังให้ความเคารพตระกูลสุ่ย
วันนี้ในหอประมูลซีเฟิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกคนจะต้องรู้สึกตกใจอย่างแน่นอนเมื่อมีใครบางคนกล้าเยาะเย้าสุ่ยเชียนเย่วในที่สาธารณะ
สุ่ยฉงเสียนและสุ่ยเชียนเย่วยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธและเขินอาย และสูญเสียความสุขุมของพวกเขาไป
"คนที่แข็งแกร่งมักมีทิฐิสูงและมีนิสัยแปลกประหลาด ผู้นำตระกูลสุ่ยไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของเขาหรอก" เมิ่งชิงกลับพูดแก้ต่าง
สีหน้าของสุ่ยฉงเสียนดูดีขึ้น เขาส่งเสียงหัวเราะหลายครั้งและพูดว่า "ผู้ดูแลเมิ่งกังวลเกินไปแล้ว ข้าไม่สนใจคำพูดของเขาหรอก เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน"
หลังจากนั้น สุ่ยฉงเสียนก็เดินออกไปจากหอประมูลซีเฟิงพร้อมกับสุ่ยเชียนเย่ว
หลังจากที่พวกเขาจากไป ผู้คนภายในหอประมูลซีเฟิงต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งที่ตระกูลสุ่ยถูกเยาะเย้าในที่สาธารณะ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไร
เรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องทำให้ทั้งเมืองซีเฟิงสั่นคลอนอย่างแน่นอน!
เมื่อเดินออกจากหอประมูลซีเฟิง สุ่ยเชียนเย่วได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลังของนาง ช่วยไม่ได้ที่นางจะเผยสีหน้าไม่พอใจ นางกัดฟันและพูดว่า "ท่านพ่อ พวกเรารีบส่งคนไปสืบเรื่องผู้อาวุโสคนนั้นเถอะ ข้าจะต้องแก้แค้นเขาให้ได้!"
"สุ่ยเชียนเย่ว เบาเสียงของเจ้าลงหน่อย"
สุ่ยฉงเสียนหันไปมองรอบๆและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เมื่อข้าตรวจสอบดูทักษะเก้าฝ่ามือมังกรคำราม หมีกที่ใช้เขียนยังเปียกอยู่ ข้าเดาว่าเขาเขียนมันขึ้นมาได้ไม่นาน"
"กล่าวอีกนัยคือ ผู้อาวุโสคนนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเขียนทักษะยุทธระดับจิตวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะอยู่ที่ระดับปฐพีหรือระดับสวรรค์ หรืออาจสูงกว่านั้น!"
"เขาเป็นจอมยุทธระดับปฐพี?" แววตาของสุ่ยเชียนเย่วดูแข็งทื่อ
ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองซีเฟิง คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือเจ้าเมืองซีเฟิง แต่เขาเป็นจอมยุทธระดับรวมจิตวิญญาณขั้นเก้าเท่านั้น ซึ่งห่างจากระดับปฐพีแค่ก้าวเดียว
ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสคนนั้นถึงกล้าพูดจาเยาะเย้ยตระกูลสุ่ยในที่สาธารณะแบบนั้น
"แม้แต่สำนักหยุนเมิ่ง คนที่มีความแข็งแกร่งมีเพียงแค่เหล่าผู้อาวุโสเท่านั้น พวกเราจะต้องไม่เข้าไปยั่วยุเขา และสืบเรื่องของเขาอย่างลับๆ มิฉะนั้น ตระกูลสุ่ยของพวกเราอาจเป็นอันตราย.
เมื่อได้ยินคำพูดของสุ่ยฉงเสียน สุ่ยเชียนเย่วพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสีหน้าของนางถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว
แววตาของสุ่ยฉงเสียนเปล่งประกายด้วยความฉลาดและพูดว่า "เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้มากนัก ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งแบบเขาไม่มีทางที่จะอยู่ในเมืองซีเฟิงนานนัก เย่วเอ๋อ จิตยุทธของเจ้า จิ้งจอกวารีลึกลับ มันจะทำให้ประสิทธิภาพของทักษะเก้าฝ่ามือคลื่นคำรามเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หลังจากที่กลับถึงบ้าน เจ้าจะต้องปิดด่านฝึกฝนและฝึกฝนให้หนักเพื่อทะลวงผ่านระดับถัดไปและก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณ"
"อือ!" สุ่ยเชียนเย่วพยักหน้า ตอนนี้นางอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเก้า อีกเพียงแค่ก้าวเดียวนางก็จะทะลวงผ่านระดับจิตวิญญาณแล้ว และในเวลานั้น นางก็จะคู่ควรกับคำว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองซีเฟิง
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางนั่งสมาธิฝึกฝน ภาพของฉู่ชิงหยุนก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ในใจของนาง
"ยิ่งข้าคิดเรื่องของผู้อาวุโสลึกลับมากเท่าไหร่ มันทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเขาค่อนข้างคล้ายกับฉู่ชิงหยุน"
ความคิดที่แวบเข้ามา ในไม่ช้าสุ่ยเชียนเย่วก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะ
"ฉู่ชิงหยุนที่มีระดับพลังหลอมกายาขั้นที่สองทั้งยังมีจิตยุทธที่ไร้ประโยชน์ และเป็นคนขี้ขลาด เขาเป็นคนไร้ค่าอย่างเห็นได้ชัด แล้วเขาจะเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งคนนั้นได้ยังไง? สงสัยข้าจะคิดมากเกินไป"
สุ่ยเชียนเย่วพูดกับตัวเอง และหยุดคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และรีบเดินตรงไปที่บ้านตระกูลสุ่ยอย่างรวดเร็ว
...
หลังจากที่ออกมาจากหอประมูลซีเฟิง ฉู่ชิงหยุนเดินไปที่เขตการค้าและหยุดอยู่ที่ด้านหน้าตำหนักร้อยสมบัติ
ตำหนักร้อยสมบัติตั้งอยู่ใจกลางเขตการค้า มันเป็นตำหนักที่มีความสูงห้าชั้นและดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างต้องเดินมาเยี่ยมชม บางคนก็มาเพื่อซื้อสมุนไพร บางคนก็มาเพื่อซื้ออาวุธและอุปกรณ์ ทำให้ที่นี่มีคนแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย
ทันทีที่ฉู่ชิงหยุนมาถึง เขาเดินเข้าไปในตำหนักร้อยสมบัติทันที และมีชายชรารูปร่างอ้วนตัวเล็กเดินมาหาพร้อมกับเสียงหัวเราะและพูดว่า "นายน้อย ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้ออะไรอย่างนั้นหรือ?"
"หืม?" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่ชิงหยุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ตอนนี้เขายังคงสวมเสื้อคลุมดำที่คลุมทั้งร่างกายของเขา แต่ชายชราเพียงแค่เหลือบมองก็รู้แล้วว่าเขาเป็นเด็ก เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ใบหน้าของชายชรายังคงแสดงรอยยิ้มออกมา และเปิดปากพูดว่า "ข้ามีนามว่าฉินชาน ผู้ดูแลตำหนักร้อยสมบัติ ไม่ว่าท่านต้องการอะไรเพียงแค่บอกข้า ข้าก็สามารถจัดหาให้ท่านได้"
"ข้าเป็นคนแซ่ฉู่ เรียกข้าว่าฉู่ก็พอ" ฉู่ชิงหยุนไม่ปกปิดตัวตนอีกต่อไปและพูดกับเขาซึ่งหน้าว่า "ข้าต้องการเม็ดยาหลอมกายาสามสิบเม็ดและเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณสิบเม็ด ข้าไม่รู้ว่าตำหนักร้อยสมบัติจะจัดหามาให้ข้าได้หรือไม่?"
"เม็ดยาหลอมกายาและเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณมีประสิทธิภาพที่จะปรับปรุงความเร็วในการฝึกฝน แม้พวกมันจะเป็นเม็ดยาที่ล้ำค่า แต่มูลค่าของมันก็ไม่ได้สูงมากนัก ถ้านายน้อยฉู่ไปที่อื่นอาจจะไม่สามารถหาซื้อมันได้" ฉินซานกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะและพูดว่า "ข้าจะไปจัดเตรียมเม็ดยามาให้ นายน้อยฉู่โปรดไปรอที่ห้องรับรองของพวกเราก่อน"
ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวในชุดสีฟ้าก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้โบราณที่อยู่ในมือทั้งสองข้างก่อนที่จะเปิดกล่อง เขาสามารถได้กลิ่นหอมของเม็ดยาและทำให้เขารู้สึกสดชื่น
"นี่คือเม็ดยาที่นายน้อยฉู่ต้องการ เม็ดยาหลอมกายาสามสิบเม็ดและเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณสิบเม็ด รวมเป็นเงินหนึ่งแสนเหรียญเงิน ถ้าหักส่วนลดสิบเปอร์เซ็นต์ราคาของมันจึงเหลือแค่เก้าหมื่นเหรียญเงิน" ฉินซานพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉู่ชิงหยุนหัวเราะและพูดว่า "ทั้งหมดเก้าหมื่นเหรียญเงินไม่ได้แพงอะไรเลย"
เมื่อพูดจบ เขาเปิดกล่องไม้ทันที และหยิบขวดหยกขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วตรวจสอบอย่างละเอียด
แต่เมื่อฉู่ชิงหยุนหยิบขวดหยกที่บรรจุเม็ดยาหลอมกายาขึ้นมา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยและปรากฏรอยยิ้มที่แข็งทื่อบนใบหน้าของเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นฉินซานรู้สึกแปลกใจและถามว่า "นายน้อยฉู่ มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?"
ฉู่ชิงหยุนไม่ตอบคำถามทันที แต่หยิบขวดหยกอีกขวดขึ้นมาและเทเม็ดยาออกมา
เขามองเม็ดยาสองชนิดที่อยู่บนตรง ฉู่ชิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและพูดว่า "ผู้ดูแลฉิน คุณภาพของเม็ดยาพวกนี้ต่ำมาก"
ในชีวิตที่แล้ว ฉู่ชิงหยุนเป็นถึงจักรพรรดิทรราชผู้น่าเกรงขามและมีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้น
แต่สิ่งที่ผู้คนไม่รู้คือเขายังมีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ่งในเรื่องการปรุงยา เขาเป็นถึงนักปรุงยาระดับแปด
เม็ดยาหลอมกายาและเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณที่อยู่ตรงหน้ามีคุณภาพที่ต่ำมาก บางทีความร้อนของเปลวเพลิงอาจไม่เพียงพอ แม้กระทั่งสิ่งแปลกปลอมภายในเม็ดยายังกำจัดออกไปไม่หมด ในแง่ของประสิทธิภาพอาจอยู่ที่สี่สิบเปอร์เซ็นต์หรืออาจน้อยกว่านั้น
"นายน้อยฉู่ ตำหนักร้อยสมบัติของพวกเราอยู่มานานนับร้อยปี และเม็ดยาที่หลอมขึ้นมาทั้งหมดล้วนแต่ถูกหลอมขึ้นมาจากปรมาจารย์นักปรุงยาที่เก่งกาจ คุณภาพของเม็ดยาข้าสามารถรับรองได้" น้ำเสียงของฉินซานเริ่มแตกต่างไปจากเดิม และคิดว่าฉู่ชิงหยุนมาเพื่อสร้างปัญหา
เมื่อฉู่ชิงหยุนได้ยินเช่นนั้น เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างดูถูกว่า "แม้กระทั่งเม็ดยาหลอมกายายังหลอมได้แค่นี้ ประสิทธิภาพของมันต่ำกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์ซะอีก และท่านยังกล้าเรียกคนผู้นั้นว่าปรมาจารย์นักปรุงยาอีกรึ?"