ตอนที่ 131 อย่าได้เผยความมั่งคั่ง
ผู้นำหยิบเอาหินวิญญาณออกมาและยิ้มขึ้นเย็นชา “เจ้าทำได้แค่โทษตัวเองเท่านั้นก็กล้ามาขัดขวางกิจการตระกูลเจียงของเรา เจ้ายินยอมแลกเปลี่ยนหินวิญญาณกับกระดิ่งพังๆชิ้นเดียว เจ้าไม่เข้าใจแนวคิดที่ว่าอย่าได้อวดรวยให้คนอื่นเห็น?”
เซี่ยวเฉินสั่นเทิ้มในใจ,เช่นนั้นคนพวกนี้ก็มาจากตระกูลเจียง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงกล้าบุ่มบ่ามเช่นนี้ เขารู้สึกแย่อย่างช่วยไม่ได้ เซี่ยวเฉินถามพวกเขาอย่างเย็นชา “ผู้บ่มเพาะพลังที่เสียแขนคนเมื่อคืนอยู่ที่ไหน?”
“ฮ่าฮ่า! ไอ้ด้วนนั้น? พวกเราสังหารมันไปแล้ว ทิ้งเจ้าขยะเช่นนั้นให้มีชีวิตต่อไปก็มีแต่จะเพิ่มภาระ ข้าสุภาพกับเขาแล้วที่เสนอให้ถึงหนึ่งพันเหรียญเงิน มันก็ยังไม่อยากขายให้ข้า ข้าจัดการมันเรียบร้อย;ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีก” ผู้นำพูดขึ้นอย่างท่าทางไม่แยแส
เซี่ยวเฉินรู้สึกโกรธจัด ชีวิตของคนคนนั้นเป็นอะไรในสายตาคนพวกนนี้? เขาไม่ได้ต่างไปจากสัตว์อสูร?
“ไม่จำเป็นต้องพูดกันอีก;ฆ่า…”ผู้นำช่างรีบร้อน เขาเปิดปากสั่งการคนของเขาให้สังหารเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่เขาจะได้พูดให้จบประโยค,ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงสีม่วงวูบผ่าน ร่างของเขาถูกตัดครึ่ง
กระบี่เงาจันทร์ชะโลมไปด้วยเลือด เซี่ยวเฉินหยิบเศษผ้าเก่าๆออกมาเช็ดเลือดออก หลังจากนั้น,เขายิงเส้นสายเปลวเพลิงสีม่วงออกมาและเผาร่างที่อยู่บนพื้น
เซี่ยวเฉินใช้เวลาเพียงพริบตาจัดการกับห้าปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น ด้วยการบ่มเพาะพลังระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธของเซี่ยวเฉิน,พร้อมกับบรรลุทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันและทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เขาไร้ผู้ต่อต้านในระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ
ตามจริง,ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง,หรือมีจิตวิญญาณยุทธที่ตกทอดหรือสมบัติลับอื่นใด,พวกเขาก็ประมือกับเซี่ยวเฉินได้ไม่ถึงสิบกระบวณท่า
หลังจากที่เขาปลดปล่อยทีกษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันออกมาเต็มกำลัง,มันราวกับฟ้าคำรามและสายวายุไหลผ่าน,ราวกับสายฟ้ากำลังฟาดฟัน แต่ละกระบวณท่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ,จนสามารถสังหารศูตรูที่ระดับขอบเขตพลังสูงกว่าของเขาได้ หากเขาพบกับศัตรูที่อ่อนแอ,การสังหารพวกมันจะง่ายดายราวกับผ่าแตงโม
หลังจากใช้พลังปราณไปบางส่วน,เซี่ยวเฉินเผยร่างที่แท้จริงออกมา นี่เป็นผลมาจากการที่คาถาเปลี่ยนลักษณ์ไม่ได้บ่มเพาะถึงระดับที่เพียงพอ;ตราบใดที่เขาใช้พลังปราณ,เขาจะกลับคืนรูปร่างเดิมในทันที
“ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ในวันนี้เป็นเพราะการเยาะหยันของเจียงหมิงเหิง,การใช้กำลังของเขารังแกผู้อ่อนแอ หากมันไม่เพราะตระกูลเจียง,ข้าคงไม่ต้องวิ่งหนีไปมาบนถนนราวกับหนูเช่นนี้, ถูกตามล่าโดยเหล่าตระกูลชั้นสูง”
“หากไม่ใช่เพราะตระกูลเจียง,ผู้บ่มเพาะพลังแขนขาดคนนั้นคงไม่ต้องถูกฆ่า เขาคงจะไม่ถูกลืมเลือนไปอย่างง่ายดายพร้อมกับคำว่า ‘ข้าสังหารมันทิ้งไปแล้ว,ไม่มีอะไรต้องทำอีก’”
ดวงตาของเซี่ยวเฉินแดงก่ำ ตามข่าวของจินต้าเป่า,ผู้นำตระกูลเจียงและผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญของพวกเขาตอนนี้กำลังอยู่ในป่าอำมหิตไล่ล่าหาตัวเขาอยู่
นั่นหมายความว่าไม่มีระดับนักบุญเหลืออยู่ที่บ้านตระกูลเจียง;นั่นจะต้องไม่มีใครสามารถเป็นภัยกับเซี่ยวเฉินได้ นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมนักในโลกนี้; เซี่ยวเฉินไม่สามารถถูกไล่ตามไปตลอดเช่นนี้,และไม่ได้ยินดีที่จะไปจัดการกับพวกเขานัก อย่างไรก็ตาม,ตระกูลเจียงช่างน่ารังเกียจเกินไป พวกเขาไล่กดดันเขาหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อเป็นเช่นนี้,ข้าจัดการพวกเขาให้สิ้นซากไปจะเป็นการดีกว่า,เซี่ยวเฉินคิดในใจ เขาหยิบชุดคลุมดำขึ้นมาสวมและเดินตรงไปที่บ้านตระกูลเจียงอย่างช้าๆ
บ้านตระกูลเจียงตั้งอยู่บนถนนสายใหญ่ทางตะวันตกของเมือง มันกินพื้นที่ไปกว่าหนึ่งพันเมตร ประตูด้านหน้าตกแต่งแสดงถึงความหรูหราสิ้นเปลือง เพียงแค่บันไดขึ้นไปสู่ประตูยังมากกว่าสิบเมตร มีสิบคนระดับเชี่ยวชาญยุทธยืนอยู่แต่ละฝั่ง มีกระทั่งสิงโตหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่แต่ละฝั่ง,ที่มองดูดุเดือด
“ใครอยู่ตรงนั้น? เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือตระกูลเจียง? เผ่นหนีไปซะก่อนที่ข้าจะหักขาเจ้า!” ผู้บ่มเพาะพลังที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลเจียงตะโกนออกมาเมื่อพวกเขาเห็นเซี่ยวเฉิน,แต่งชุดคลุมสีดำ
เซี่ยวเฉินดึงผ้าคลุมลงและเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลา เขามองอย่างเฉียบคมพร้อมกับปลดปล่อยเจตนาฆ่าถึงขีดสุด “ข้าไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะมายืนที่นี่?”
“นั่นเซี่ยวเฉิน! เร็วเข้า,ฆ่ามันซะ ผู้นำตระกูลกล่าวไว้ว่าผู้ใดที่ฆ่าเขาได้จะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส” ทุกคนต่างจำรูปร่างหน้าตาของเซี่ยวเฉินได้ ยี่สิบคนระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธชักอาวุธของพวกเขาและพุ่งไปข้างหน้าพร้อมเจตนาฆ่าที่พลุ่งพล่าน
เปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตและไร้ขีดจำกัดปรากฎขึ้นในตาซ้ายของเซี่ยวเฉินก่อนที่จะกลายเป็นลำแสงสีม่วง
“บึ้ม!”
ยี่สิบคนระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธถูกเผาในทันที พวกเขาร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าถึงตัวเซี่ยวเฉิน,พวกเขากลายเป็นกองขี้เถ้า ผู้บ่มเพาะพลังผู้หนึ่งเปิดประตูของบ้านตระกูลเจียงออกมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกับปิดประตูลงอีกครั้งในทันที
เซี่ยวเฉินผลาญพลังปราณไปครึ่งหนึ่ง เขาหยิบเอาเม็ดยาหวนคืนพลังปราณออกมาและกลืนมันลงไป ยี่สิบคนระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธไม่ได้เป็นอันตรายต่อเขาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการให้มันยืดเยื้อ การต่อสู้นี่จำเป็นต้องจบลงโดยเร็ว เขาต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่เหล่าตระกูลชั้นสูงจะมาถึง
“ปัง!”
เซี่ยวเฉินถีบประตูให้เปิดออก เขาเดินเข้าไปได้เพียงสองเก้าก่อนที่จะมีชายชราถือกระบี่ที่ส่องแสงเย็นเฉียบนำกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังขนาดใหญ่ตรงเข้ามา
ผู้นำคนนั้นคือน้องของผู้อาวุโสหนึ่งแห่งตระกูลเจียง ,เจียงหยุนฟง เขามองไปที่เซี่ยวเฉินพร้อมกับเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
เขาไม่ได้เผยสีหน้าตกใจหรือเป็นสุข เขามีเพียงสีหน้าเกลียดชังและพูดขึ้น “เจ้าไม่เลือกเส้นทางสวรรค์ที่แม้จะไร้ประตูแต่เจ้าก็ยืนยันที่จะลงนรก ข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็นเพื่อแก้แค้นให้กับพี่ใหญ่ของข้า
“ฟิ่ว!”
เขาตอบกลับไปด้วยลูกศรปราณแสง ลูกศรพุ่งตัดผ่านอากาศ,บินไปอย่างงดงาม มันบินไปด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าตรงไปที่หน้าอกของเจียงหยุนฟง
เจียงหยุนฟงตกตะลึง ลูกศรปราณแสงเป็นสิ่งที่สังหารพี่ใหญ่ของเขาก่อนที่จะปักเขาติดไว้กับกำแพงเมืองอย่างน่าอัปยศอดสู เขารู้ซึ้งถึงความรวดเร็วของลูกปราณแสง,รวมถึงพลังของธนูล่าวิญญาณ ไม่มีเวลามากพอที่จะหลบหลีก,เขาวาดกระบี่ในมือของเขาไว้ด้วยพลังปราณและใช้มันป้องกันหน้าอกของเขาเอาไว้
“บูม!” ความรวดเร็วของพลังเต็มกำลังของธนูล่าวิญญาณผสานกับลูกศรปราณแสง แม้ว่าเขาจะสามารถเดาจุดที่ลูกศรพุ่งมาได้อย่างแม่นยำ,เขาก็ไม่มีพลังพอที่จะป้องกันมันเอาไว้ได้
ในจังหวะที่เขายกกระบี่ขึ้นมา,ลูกศรปราณแสงได้เจาะทะลุหน้าอกของเขา พลังมหาศาลทำให้ร่างของเขาลอยไปข้างหลังและปักติดเข้ากับกำแพงสูง เลือดไหลออกมาจากปากของเขาไม่หยุดหย่อน;ตาของเขาปูดขึ้นมาทำให้ผู้พบเห็นต่างหวาดสยอง
พื้นที่โดยรอบกลายเป็นเงียบงัน ทุกคนเห็นร่างของเจียงหยุนฟงที่บวมพอง,ถูกปักยึดเข้ากับกำแพงหลังจากที่เขาพูดจบ พวกเขาทั้งหมดสูดหายใจลึกดึงอากาศเย็นเฉียบเข้าไป;ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เซี่ยวเฉินมองกวาดผ่านฝูงชนด้วยตาของเขาและเก็บธนูล่าวิญญาณ เขาไม่ได้ให้เวลาพวกเขาได้นิ่งงง เขาพุ่งตรงไปข้างหน้าในจุดที่มีระดับปรมาจารย์ยุทธอยู่รวมกันมากที่สุด
ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานถูกรีดกำลังออกมาถึงขีดสุด;เซี่ยวเฉินเร่งความเร็วและได้มาถึงใจกลางของกลุ่มคนในทันที มีเสียงมังกรฟ้าคำราม;เขาใช้วาดกระบี่ออกมา
กระบี่วูบผ่าน,และระดับปรมาจารย์ยุทธถูกฟันขาดเป็นสองท่อน เหล่าผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงต่างตอบสนองอย่างรวดเร็วและปิดล้อมเซี่ยวเฉินเอาไว้
สามผู้บ่มเพาะพล้งด้านหลังของเซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ,ฟันลงมาอย่าไร้ปราณีลงไปที่หลังของเขา หากเซี่ยวเฉินหันกลับไปป้องกัน,จากนั้นความต่อเนื่องของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันจะขาดลง ดังนั้น,เซี่ยวเฉินจึงเมินเฉยพวกเขา
“ฟาดฟันประกายแสง!”
แสงสีม่วงยาวสองเมตรตัดผ่านอากาศ หนึ่งในสามปรมาจารย์ยุทธ,ผู้ที่ไม่อาจหลบได้ทันเวลาถูกประกายแสงตัดผ่าครึ่ง กระแสไฟฟ้าในประกายแสงกระโดดไปรอบๆและสร้างคลื่นกระแทกขึ้น,ผลักผู้บ่มเพาะพลังที่ปิดล้อมเขาให้ถอยหลังกลับไป
“ปัง! ปัง! ปัง!”
มีสามวงแหวนกดลงมา;สามกระบี่ฟันลงไปที่หลังของเซี่ยวเฉิน พลังฉีที่ผสานอยู่ภายในกระบี่เป่าหลังเสื้อของเขากลายเป็นชิ้น
ชายสามคนนั้นเผยสีหน้าเป็นสุข พวกเขาตะโกนออกมา “กดดันเข้าไปและฆ่าไอ้สารเลวนี่ซะ!”
กระบี่ซัดลงไปที่เกราะศึกภายในชุดของเซี่ยวเฉิน แม้ว่าเกราะศึกจะป้องกันคมกระบี่เอาไว้,มันไม่สามารถป้องกันพลังงานที่ผสานอยู่ในกระบี่ แม้ว่าร่างกายของเซี่ยวเฉินจะแข็งแกร่ง,อวัยวะภายในของเขายังคงปั่นป่วน เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเซี่ยวเฉิน
“สายฟ้าผ่าสวรรค์!”
เซี่ยวเฉินไม่สนใจการโจมตีจากทางด้านหลัง เขากดเท้าลงพื้นและลอยขึ้นไปในอากาศอย่างสง่างาม ทันใดนั้นเขาก็แทงไปที่หน้าอกของหกปรมาจารย์ยุทธที่อยู่ข้างหน้า
เลือดกระเซ็นไปในอากาศทันทีและสาดลงบนตัวของเซี่ยวเฉิน มันทำให้เขาดูราวกับปีศาจ ทันทีที่เขาขึ้นไปจากพื้น,เกิดเสียงฟ้าคำราม,และสามปรมาจารย์ยุทธผู้ที่โจมตีเขาจากด้านหลังกลายไปเป็นก้อนเนื้อ
“ฮู่!” ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินหมุนตัวกลางอากาศและหยุดค้างอยู่ตรงนั้น เลือดย้อมเสื้อผ้าของเขาเป็นสีแดง กระแสพลังของเขาพุ่งถึงขีดสุด;ผู้ที่อยู่เบื้องล่างทุกคนต่างสั่นเทิ้ม
“อัสนีฟาดฟัน!”
ฟ้าคำรามกึ้กก้องเบื้องหลังของเขาราวกับคลื่นมหึมาที่พลุ่งพล่านไปถึงท้องฟ้า;แต่ละคลื่นทรงพลังยิ่งกว่าก่อนหน้า นี่ทำให้กระแสพลังที่แตะถึงจุดสูงสุดของเขาพุ่งขึ้นไปถึงจุดที่ไม่อาจสัมผัสได้
“ปัง!”
ปรมาจารย์ยุทธผู้หนึ่งด้านล่างพยายามใช้กระบี่ของเขาปัดป้อง,แต่อาวุธวิญญาณของเขากลับแตกออกเป็นสองในทันที กระบี่เงาจันทร์เคลื่อนไหวจากข้างบนลงไปหาข้างล่าง;ด้วยเสียงอันดัง,ปรมาจารย์ยุทธผู้นั้นถูกตัดผ่าครึ่ง,แต่และครึ่งลอยกระเด็นไปทิศทางตรงกันข้าม
“อัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสอง!”
เสียงฟ้าคำรามอันไร้ขอบเขต,และทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็หยุดชะงักลง พื้นที่กลายเป็นเงียบเชียบ กระบี่เงาจันทร์ทันใดนั้นก็ฉายแสงกระแสไฟฟ้าอันรุ่งโรจน์,กลายเป็นลำแสงสายฟ้ายาว
“ฮู่!”
โดยรอบเซี่ยวเฉินกลายเป็นพายุวน ภายในพายุวน,มีประกายกระแสไฟฟ้านับไม่ถ้วนกระโดดไปโดยรอบ ผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงสองสามคนพุ่งเข้ามา,พยายามจะทำลายพายุวนอันน่าหวาดกลัว
แสงสายฟ้าอันรุ่งโรจน์พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า,และคลื่นกระแทกอันไร้ขอบเขตขยายไปรอบพื้นที่ ผู้บ่มเพาะพลังสองสามคนที่พุ่งเข้ามาถูกซัดลอยกลับไปในทันที
“บูม!” เซี่ยวเฉินตะโกนออกมา กระบี่เงาจันทร์ปักลงไปบนพื้นดินพร้อมเรืองแสงสายฟ้าอันไร้ขอบเขต ฝุ่นควันถูกตลบลอยขึ้นไปในอากาศทันที,และก้อนหินที่อยู่ตามพื้นถูกส่งลอยขึ้นไป
เกิดเสียงร้องโหยหวนมากมาย ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกทำให้กลายเป็นเถ้าถ่านขณะที่ถูกซัดด้วยเรืองแสงสายฟ้า ยังมีคนที่ถูกซัดด้วยก้อนหินที่บินว่อน พวกเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับลอยไปข้างหลัง
เซี่ยวเฉินดึงกระบี่กลับมาและยืนขึ้น เขามองอย่างเย็นชาไปที่ผู้บ่มเพาะพลังที่นอนเกลื่อนกราดไปทั่วทุกทิศทาง เขาสะบัดมือ,และรูปสลักสีทองปรากฎขึ้นในอากาศ
“บูม!” ราชันย์สิงโตทองคำปรากฎตัวขึ้นกลางบ้านตระกูลเจียง มันกระทืบลงไปที่พื้นทันทีและบดขยี้ผู้บ่มเพาะพลังสองสามคนที่หลบไม่พ้น
พลังอำนาจช่างมหาศาล;มันสร้างหลุมขนาดใหญ่ไว้บนพื้น เซี่ยวเฉินควบคุมราชันย์สิงโตทองคำให้พ่นเปลวเพลิงสีทองออกมา บ้านตระกูลเจียงตกอยู่ในกองเพลิงทันที
เมื่อตอนราชันย์สิงโตทองคำยังอยู่ในซากโบราณ,แม้แต่ระดับนักบุญจากหลายตระกูลชั้นสูงยังไม่อาจทำอะไรมันได้ ระดับปรมาจารย์ยุทธของตระกูลเจียงจะรับมือกับมันได้เช่นไร?
เซี่ยวเฉินแต่เดิมไม่ได้อยากใช้ราชันย์สิงโตทองคำ อย่างไรก็ตาม,มีนักบ่มเพาะพลังกล้าตายมากมายในตระกูลเจียง พวกมันทั้งหมดอยากได้หัวของเขาไปแลกกับความั่งคั่งและอำนาจที่ไม่สิ้นสุด
หลังจากที่ราชันย์สิงโตทองคำปรากฎกาย,ไม่มีใครสามารถป้องกันมันได้ ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดต่างกรีดร้องและพยายามหาทางหนี อย่างไรก็ตาม,พวกเขาก็ไม่อาจทำเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดไม่ถูกเหยียบจนเละก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
ผู้นำตระกูลเจียงและระดับนักบุญไม่อยู่ที่นี่ นอกจากนั้น,ผู้นำกลุ่มอย่างเจียงหยุนฟง,ถูกฆ่าตายในพริบตา ตอนนี้ราชันย์สิงโตทองคำที่ไม่อาจโค่นล้มได้ปรากฎตัวออกมา,กำลังใจของพวกเขาร่วงหายไปในทันที