ตอนที่ 6 เทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นาม
ฉู่หยางเงยหน้ามองฉู่ชิงหยุน หัวใจของเขากระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง ดวงตากลายเป็นแดงก่ำและสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เดิมที เขาจะใช้ท่าทางหยิ่งยโสเพื่อให้ฉู่ชิงหยุนส่งมอบตราผู้นำตระกูล จากนั้นค่อยแสดงความแข็งแกร่งของเขา
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันกลับเป็นเขาที่นั่งอยู่บนพื้นและถูกฉู่ชิงหยุนเย้ยหยัน
ฉากที่เกิดขึ้นฉู่หยางเสียหน้าเป็นอย่างมาก เขาอยากจะกระโจนเข้าใส่ฉู่ชิงหยุนและกระหน่ำใช้มีดแทงหลายพันครั้งเพื่อระบายความโกรธและความเกลียดชังของเขา
อย่างไรก็ตาม ฉู่หยางรู้ว่าไม่มีทางทำได้ เขาม้วนตัวไปด้านหลังและยืนขึ้นด้วยท่าทางตื่นตระหนกและหันหน้าไปเผชิญหน้ากับฉู่ชิงหยุน "สุนัขที่น่ารังเกียจ เจ้าซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้อย่างนั้นรึ!"
"วันนี้แม้ข้าจะโชคร้ายที่พ่ายแพ้ให้กับเจ้า แต่สามวันให้หลังจะเป็นวันประชุมประจำตระกูล เจ้าจะไม่มีวันโชคดีแบบนี้อีกเป็นอันขาด ผู้อาวุโสทั้งสามจะร่วมมือกันกล่าวโทษเจ้า แล้วให้เจ้ามอบตราผู้นำตระกูล แม้เจ้าจะไม่อยาก แต่เจ้าก็ต้องส่งมันมา!"
หลังจากนั้น ฉู่ชิงหยางหันหลังกลับไปเพื่อออกจากลาน
"หยุดก่อน!"
ฉู่ชิงหยุนตะโกนด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว และขว้างดาบออกไป
ชิ๋ง!
เสียงแหลมคมดังทะลุท้องฟ้าและเสียงดาบเหมือนกับดาวตก ด้วยความสยดสยองที่เกิดขึ้นภายในใจของฉู่หยาง ทำให้เขะอยากจะเผ่นหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
"อีกแล้ว ตราผู้นำตระกูลไม่ได้เป็นของพวกเจ้า แม้ผู้อาวุโสทั้งสามคนจะคุกคามข้า ข้าก็จะไม่มีวันมอบให้หรือยอมแพ้อย่างเด็ดขาด" ฉู่ชิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ฉู่หยางรู้สึกได้ถึงความสยดสยองของฉู่ชิงหยุน ทำให้สีหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว เขาจ้องมองไปที่ฉู่ชิงหยุนอย่างดุเดือดและพูดว่า "ดี ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่าเจ้าจะทำอะไรได้!"
เมื่อเขาพูดจบ ฉู่หยางดึงดาบขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากประตู และหันไปเหลือบมองฉู่ชิงหยุน
แค่คิดถึงสภาพที่น่าอับอายของฉู่ชิงหยุนที่จะถูกผู้อาวุโสทั้งสามคนเล่นงานในอีกสามวันที่เป็นวันประชุมประจำของตระกูลฉู่ หัวใจของเขากระหน่ำเต้นด้วยความตื่นเต้น สีหน้าของเขาดูไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความคาดหวังแทน
เมื่อฉู่หยางจากไป ทั้งลานก็กลับมาเงียบสงบทันที ฉู่ชิงหยุนยังคงยืนนิ่งและครุ่นคิดถึงเรื่องที่ฉู่หยางพูด
"พี่หยุน ข้าขอโทษ" ในขณะนั้นเอง สุ่ยหลิวเชียงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด "ข้าไม่แข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นพี่หยุนคงไม่ต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้ ข้าสมควรที่จะถูกตำหนิ"
"คนพวกนั้นอยากได้ตราผู้นำตระกูลมานานแล้ว แม้จะไม่มีเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกมันก็จะใช้เหตุผลอื่นเล่นงานข้าอยู่ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนั้นหรอก" ฉู่ชิงหยุนลูบผมของสุ่ยหลิวเชียงและพูดด้วยความหนักแน่นว่า "แต่เจ้าสามารถมั่นใจได้เลยว่า ในการประชุมประจำตระกูลครั้งนี้ ข้าจะไม่ยอมพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!"
กลับในห้อง ฉู่ชิงหยุนปิดประตูและเข้าไปในมิติภายในหินสังสารวัฏ
"ในการประชุมประจำตระกูล ผู้อาวุโสทั้งสามคนจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ข้ายอมจำนนและส่งมอบตราผู้นำตระกูลอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับพลังของข้าในปัจจุบันที่จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น" ดวงตาของฉู่ชิงหยุนหดลงเล็กน้อย
เพราะความแข็งแกร่งเป็นรากฐานของทุกอย่าง
วันนี้ที่ฉู่หยางกล้ามายั่วยุเขาถึงที่เป็นเพราะความจริงที่ว่าระดับพลังของเขาสูงกว่าฉู่ชิงหยุน ถ้าฉู่ชิงหยุนอยู่ระดับจักรพรรดิ อย่าว่าแต่ตระกูลฉู่เลย แม้กระทั่งราชาแห่งราชวงศ์หลิงหยุนก็ยังต้องโค้งคำนับเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนั้น ฉู่ชิงหยุนไม่นั่งสมาธิอีกต่อไป เขานั่งขัดสมาธิและวาดมือที่ซับซ้อนออกมา
"ควบแน่น!" ท่ามกลางความเงียบงัน ฉู่ชิงหยุนลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน และพลังปราณในร่างของเขาเริ่มม้วนตัวเหมือนกับเปลวไฟ และกำลังลุกไหม้อยู่ภายในร่างกาย
เปลวไฟอันนุ่มนวลกำลังลุกไหม้อยู่ในร่างกายของฉู่ชิงหยุน จนกระทั่งรวมเข้ากับเนื้อและโลหิตทุกส่วนภายในร่างกายของเขา
ในตอนนี้ เทคนิคที่ฉู่ชิงหยุนกำลังฝึกฝนเป็นเทคนิคไร้นาม เขาพบมันที่โบราณสถานแห่งหนึ่ง เมื่อเขาเดินทางท่องทวีปหลิงเทียนในชีวิตที่แล้ว
ทักษะยุทธและเทคนิคบ่มเพาะพลังแบ่งออกเป็นห้าระดับ : มนุษย์ จิตวิญญาณ ศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์และพระเจ้า
แต่ทว่าเทคนิคไร้นามนี่แปลกประหลาดมาก มันไม่อยู่ในระดับใดทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม พลังของเทคนิคไร้นามไม่มีข้อกังหาเลย นอกเหนือจากความเร็วในการฝึกฝนแล้วยังมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์อย่างมาก นั่นคือ เปลี่ยนแปลงจิตยุทธ!
ตามที่ทุกคนรู้ มนุษย์จะเชื่อมต่อกับสวรรค์และปฐพีตราบใดที่พวกเขาสามารถรับรู้การดำรงอยู่พลังปราณของสวรรค์และปฐพีได้ และเมื่อพวกเขาสามารถรวบรวมจิตยุทธในร่างกายได้จะถือว่าเป็นจอมยุทธที่แท้จริง
จิตยุทธมีรูปแบบที่แตกต่างกันหลายพันรูปแบบ และมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดยความแข็งแกร่งของจิตยุทธสามารถแบ่งออกเป็นเก้าระดับ
จิตยุทธระดับหนึ่งอ่อนแอที่สุด และจิตยุทธระดับเก้าแข็งแกร่งที่สุด
เหตุผลที่ว่าทำไมสุ่ยเชียนเย่วถึงถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองซีเฟิงนอกเหนือจากความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางแล้ว มันยังเป็นเพราะจิตยุทธของนาง
สุ่ยเชียนเย่วมีจิตยุทธระดับสี่ ในเมืองซีเฟิงมีแค่นางคนเดียวไม่มีคนที่สอง
จิตยุทธเป็นของขวัญที่ได้รับประทานมาจากสวรรค์และปฐพี และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เทคนิคไร้นามทำให้มันเป็นข้อยกเว้น
มันไม่เพียงแต่จะดูดกลืนจิตยุทธของคนอื่นได้เท่านั้น แต่ยังดูดซับพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงจิตยุทธของผู้ใช้ ดังนั้นจิตยุทธของผู้ใช้จะสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะเทคนิคไร้นามที่ทำให้ฉู่ชิงหยุนมีความก้าวหน้าที่ก้าวกระโดด จากนายน้อยไร้ค่ากลายเป็นจักรพรรดิทรราชที่มีชื่อเสียงไปทั่วทวีป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคนิคไร้นามจะขัดต่อสวรรค์ แต่ก็มีข้อบกพร่องมากมายเช่นกัน
หลังจากที่ฝึกฝนเทคนิคไร้นามแล้ว ผู้ใช้สามารถกลืนกินจิตยุทธของคนอื่นได้ แต่ต้องเป็นระดับที่สูงกว่าเท่านั้น
กล่าวอีกนัยคือ ถ้าต้องการกลืนกินจิตยุทธของคนอื่น ในขณะที่จิตยุทธของตัวเองเป็นจิตยุทธระดับสามจะสามารถดูดกลืนได้แค่จิตยุทธระดับสามหรือมากกว่า จิตยุทธระดับหนึ่งหรือระดับสองจะไม่สามารถถดูดกลืนได้
ข้อบกพร่องนี้แปลกประหลาดมาก หลังจากที่ฉู่ชิงหยุนทำการค้นคว้า เขาสามารถสรุปได้ว่าเทคนิคไร้นามมันยังไม่สมบูรณ์
"ในชีวิตที่แล้วของข้า เมื่อข้าได้รับเทคนิคไร้นาม ข้าก็เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว และพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนไป แต่ว่าตอนนี้ ข้ายังเยาว์วัยและอาจทำให้เทคนิคไร้นามสมบูรณ์แบบ และในเวลาเดียว ข้ายังสามารถยกระดับจิตยุทธของข้าให้อยู่ในระดับเก้าหรือแม้กระทั่งสูงกว่านั้น!"
เมื่อคิดเช่นนั้น หัวใจของฉู่ชิงหยุนเต็มไปด้วยความกล้าหาญ และมีเงาของดาบยาวที่เรือนรางปรากฏอยู่ด้านหน้าเขา
ดาบยาวเล่มนี้เป็นจิตยุทธของเขาที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ มันเป็นจิตยุทธระดับหนึ่งและแทบไม่มีประโยชน์อะไร แม้แต่ดาบยาวที่ขายอยู่ในร้านอาวุธยังดีกว่าจิตยุทธของเขาเลยด้วยซ้ำ! ___________
แต่แววตาของฉู่ชิงหยุนไม่มีร่องรอยของความผิดหวัง เขาหลับตาลงเล็กน้อยและเข้าสู่สถานะฝึกฝน
ด้วยความช่วยเหลือจากประสบการณ์ในชีวิตที่แล้วของเขา ฉู่ชิงหยุนใช้พลังที่อ่อนแอของเขาทำให้จิตยุทธแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ทำสำเร็จ
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดที่รุนแรงไหลผ่านเข้ามา ทำให้สีหน้าของฉู่ชิงหยุนซีดขาวราวกับจิตยุทธถูกทำลาย และตัวเขาสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะหมดสติไปแล้ว
แต่ฉู่ชิงหยุนนั้นกัดฟันสู้และอดทนต่อความเจ็บปวดด้วยจิตใจที่แกร่งกล้า แม้ว่าเขาจะตัวสั่นและเหงื่อออก แต่เขาก็ไม่เลือกที่จะยอมแพ้
"ทะลวงผ่าน!" ฉู่ชิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่จิตยุทธ
ตู้ม!
เสียงอู้อื้อออกมาจากร่างกาย และความเจ็บปวดก็หายไปทันทีเหมือนน้ำไหล ดาบที่แขวนอยู่กลางอากาศด้านหน้าเขาเปลี่ยนไป และมีแสงสลัวทั่วร่างกายของเขา
ในแง่ของระดับ มันยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังเป็นจิตยุทธไร้ค่า
แต่หลังจากที่ตรวจสอบอย่างละเลียดจะพบว่าดาบยาวของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับออกมา ซึ่งราวกับว่าดาบของเขายังเป็นตัวอ่อนอยู่ แต่ด้วยความแหลมคมที่มันแสดงออกมาสามารถมั่นใจได้เลยว่ามันจะกลายเป็นสุดยอดดาบในอนาคต
"สมแล้วที่เป็นเทคนิคไร้นาม ในขณะที่เปลี่ยนแปลงจิตยุทธ มันยังทำข้าทะลวงผ่านระดับและก้าวเข้าสู่ระดับหลอมกายาขั้นสามแล้ว" ฉู่ชิงหยุนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งภายในร่างกายและเผยสีหน้ามีความสุขบนใบหน้า
แต่สีหน้าที่มีความสุขของเขาก็คงอยู่ได้ไม่นาน เขาขมวดคิ้วและดูตรึงเครียด
ในหกชั่วโมง ข้าฝึกฝนเทคนิคไร้นามสำเร็จ และทำให้ระดับพลังข้าจากระดับสองไปเป็นระดับสาม ความก้าวหน้าที่รวดเร็วนี้มันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
แต่ความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้ยังไม่สามารถต่อกรกับผู้อาวุโสทั้งสามคนได้ และการเก็บรักษาตราผู้นำตระกูลยังคงเป็นเรื่องยาก
"ถ้าข้ามีเม็ดยาและทรัพยากรบ่มเพาะพลังเพียงพอ ข้าสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้เป็นสองเท่า แต่โชคร้ายที่ทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวของข้าถูกทุกคนช่วงชิงไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ได้แตกต่างไปจากขอทานเลย"
ฉู่ชิงหยุนกัดฟันแน่น แม้แต่เม็ดยาระดับหนึ่งที่ถูกที่สุดยังมีค่าเท่ากับหนึ่งร้อยถึงสองร้อยเหรียญเงิน ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เทคนิคไร้นามที่เขาฝึกฝนอยู่ ยิ่งระดับพลังสูงขึ้นเท่าไหร่ ทรัพยากรที่จะต้องใช้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าเขาต้องการดูดกลืนจิตยุทธของคนอื่น เขาจะต้องแข็งแกร่งก่อน มิฉะนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรง มันจะเป็นเขาที่เอาชีวิตเข้ามาเสี่ยง
ทั้งสองเรื่องทำให้ฉู่ชิงหยุนรู้สึกหมดหนทาง
"ใช่แล้ว!" เมื่อฉู่ชิงหยุนกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขา
ราวกับว่าเขาบ้าคลั่ง เขาหัวเราะไม่หยุดถึงขั้นพูดกับตัวเอง เขาพูดเยาะเย้ยตัวเองว่าทำไมถึงโง่เขลาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีภูเขาทองคำอยู่ตรงหน้าและกลับรู้สึกสิ้นหวังเพราะเงินแค่ไม่กี่ร้อยเหรียญ
ในชีวิตที่ผ่านมา ฉู่ชิงหยุนเป็นถึงจักรพรรดิทรราชผู้ที่เดินทางไปทั่วทวีปหลิงเทียนและประสบการณ์ทั้งหมดก็อยู่ติดตัวเขา
แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลับมาตอนอายุสิบหกปีอีกครั้ง แต่ความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้หายไป
ในความทรงจำของเขา นอกเหนือจากเทคนิคไร้นามแล้วยังมีทักษะยุทธและเทคนิคบ่มเพาะพลังมากมายอยู่ในความทรงจำของเขา ถ้าเลือกหยิบออกมาสักหนึ่งทักษะก็เพียงพอที่จะสร้างความแตกตื่นให้กับเมืองซีเฟิงแล้ว!