GE152 อานุภาพของดาราอัสนี [ฟรี]
ยักษ์สูงใหญ่เก้าจ้างเก้าฉื่อเหยียบย่ำเข้าสู่หุบเขา มวลวิหคแตกตื่น
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากยักษ์ตนนั้น ปีศาจบุบผาแดงรู้สึกคุ้นเคย
หาจำไม่ผิด เป็นของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่อยู่บนเรือเหาะ คาดไม่ถึงว่าผู้เยาว์เช่นนั้นจะบรรลุวิชาขัดเกลาร่างกายในระดับที่ทำให้มันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม
ไม่… จะกล่าวว่าภัยคุกคามก็ไม่ถูก… ยักษ์ตนนั้นให้ความรู้สึกพิกล ราวกับมันปิดบังอะไรบางอย่างไว้
ข่ายอาคมคุ้มกันหุบเขาพังทะลาย ยักษ์ตนนั้นเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปิดทางเข้าหุบเขาเอาไว้
ในยามนั้นเอง เสียงอัสนีฟาดผ่าดังสนั่น หมู่สัตว์มวลวิหคปั่นป่วนโกลาหล ขนลุกชูชันสั่นสะท้าน
ปีศาจบุบผาแดงและยักษ์ตนนั้นจับจ้องกัน ทันใดนั้น แสงดาราที่หน้าผากยักษ์ตนนั้นเปล่งประกายเจิดจ้า หมู่เมฆหนาก่อตัวบนท้องนภา ก่อนปรากฏอัสนีสีเงินฟาดฝ่าเสียงดังสนั่น
ปีศาจบุบผาแดงรู้สึกราวกับอัสนีสายนั้นพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของมันโดยไม่อาจเลี่ยง เมื่ออัสนีเข้าใกล้มัน มันเร่งทิ้งร่างชู่ซวนเชียนสื่อแล้วนำโล่ขนาดเล็กๆออกมาต้านด้วยความตกใจ
วิชาวิญญาณมีอันสนีด้วยหรือ?
ความสามารถของยักษ์ตนนั้นเหนือกว่าที่มันคาดเอาไว้มาก มันไม่กล้าประมาท เพราะหากผู้เชี่ยวชาญที่ครอบเส้นลมปราณอัสนี้ใช้อัสนีจู่โจม มันต้านรับได้ด้วยมือเปล่า แต่อัสนีสีเงินนั้นไม่เกิดขึ้นจากวิชา แต่มันเกิดจากธรรมชาติ ที่มีเพียงแต่เหล่าเทพหรือเซียนเท่านั้นที่ควบคุมได้...
เมื่ออัสนีสัมผัสโล่ โล่วิญญาณระดับสูงก็สลายกลายเป็นผง จนทำให้ดวงตาปีศาจบุบผาแดงเบิกกว้าง
มันคืออสูรที่หลับไหลในดินแดนวิญญาณอสูรนับแสนปี ปราณของมันในคราวนั้นก็สูญสลายไปด้วย
ยามนี้มันฟื้นฟูพลังจนบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แม้มันไม่มีสมบัติวิญญาณ แต่มันก็สังหารผู้เชี่ยวชาญแคว้นซ่งไปไม่น้อย
ในเมื่อมันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม มันจะพ่ายให้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้อย่างไร แต่ยักษ์เกราะเงินเบื้องหน้าที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ กลับน่าสะพรึงกลัว ต่อให้มันฟื้นคืนพลังทั้งดังเก่า ก็ใช่ว่าจะต่อกรกับยักษ์ตนนี้ได้ง่ายๆ
ดังนั้นมันจึงคิดหนี หากต้องสู้กับยักษ์ตนนี้ มันไม่อาจเอาชัยได้ มันจึงใช้ย่างก้าวพริบตาหนีออกจากหุบเขา โดยไม่สนใจเหล่าสตรีที่จับมา
แม้จะน่าเสียดาย แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอันตราย มันย่อมไม่เสี่ยงชีวิต
แต่ปีศาจบุบผาแดงยังไม่ทันได้ออกจากหุบเขา หุบเขากลับถูกม่านแสงสีม่วงปกคลุมไว้
แสงสีม่วงนี้คือข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง เป็นข่ายอาคมป้องกันของนิกายอัสนีม่วง ช่วยป้องกันไม่ให้ปีศาจบุบผาแดงหนีออกจากหุบเขาได้ชั่วคราว
สิ่งที่เกิดขึ้นดูราวกับยักษ์ตนนี้ได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว… ไม่เพียงตั้งใจมาช่วยคน แต่ยังตั้งใจมาสังหารปีศาจบุบผาแดงด้วย
เมื่อไม่อาจหลบหนี สิ่งที่ทำได้คือสู้… สีหน้าปีศาจบุบผาแดงแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ เจตนาต่อสู้เพิ่มพูนพลางกล่าวอย่างดุดัน “เจ้ามนุษย์ หากเจ้าจะตำหนิที่ข้าชิงตัวพวกนางมา ข้าก็ขออภัย… แต่เมื่อเจ้าคิดเป็นศัตรูของข้า จ้าวอสูรผู้หนุนหลังข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
“ฮึ่ม!” ยักษ์ตนนั้นแค่นเสียง มันกำหมัดขนาดใหญ่ อัสนีสีเงินฟาดผ่าเข้าใส่ปีศาจบุบผาแดง มันเร่งหลบสุดกำลัง แววตาเผยเจตนาสังหารรุนแรง
ยักษ์ตนนี้คือหนิงฝาน ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาแอบช่วยชู่ซวนเชียนสื่อและนิกายฝ่ายธรรมะอย่างลับ… ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาทำสิ่งต่างๆไปมากมาย หนึ่งในนั้นคือค้นหาที่ซ่อนตัวของปีศาจบุบผา และแอบวางข่ายอาคมเอาไว้
นอกจากนี้ หนิงฝานยังใช้เวลาว่างศึกษาการสร้างสมบัติวิญญาณ
ดวงดาราบนหน้าผากหนิงฝาน ทำให้หนิงฝานสามารถควบคุมอัสนีได้
อัสนีของหนิงฝานนั้นผิดธรรมดา ราวกับมันตั้งใจจู่โจมไปที่ปีศาจบุบผาแดงโดยตรง มันไม่อาจหลบได้ทัน ทำได้เพียงป้องกัน… หนิงฝานฉวยโอกาสนั้นกลับคืนร่างปกติ มุ่งเข้าหาชู่ซวนเชียนสื่อ นำอาภรณ์ของตนห่มกายให้นาง แล้วนำสร้อมข้อมือใส่ข้อมือของนางไว้
“สวมอาภรณ์ให้เสร็จ หากเจ้าเห็นมันกำลังจะหนี ให้ใช้สร้อยข้อมือนี่จู่โจมมัน...”
ชู่ซวนเชียนสื่อใบหน้าเห่อร้อนด้วยความอาย
นางอายที่ตนเป็นคนขอออกจากเรือเหาะ แต่สุดท้ายหนิงฝานก็กลับมาช่วย หากเขาไม่ม่ นางคงไม่รอดมือปีศาจบุบผาแดงอย่างแน่นอน
ยามนี้นางเปลือยเปล่า ปีศาจบุบผาแดงฉีกกระชากอาภรณ์ของนางจนขาดสะบั้น
นางเร่งสวมใส่อาภรณ์ของหนิงฝานอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อหวนคิดว่าอาภรณ์ที่ตนใส่เป็นอาภรณ์ที่หนิงฝานเคยสวม นางยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก
สร้อยข้อมือที่นางได้นั้น แผ่กลิ่นอายของสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด จนทำให้นางต้องประหลาดใจ
นางคาดไม่ถึงว่าสร้อยข้อมือที่ดูธรรมดานี้ จะเป็นอาวุธที่ทรงพลัง
สร้อยข้อมือที่นางได้รับ เหมือนกับวงแหวนที่นางเคยใช้ ทั้งยังดูทรงพลังกว่าด้วย
สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงขึ้นไปอีกคือ เจตจำนงค์เทพที่แฝงอยู่ภายใน และอำนาจของจักรวาล
“นี่...” นางอุทาน
“สร้อยข้อมือนั่นเป็นของเจ้า...” หนิงฝานกำมือ ดาราบนหน้าผากเปล่งประกาย อัสนีสีเงินฟาดผ่าใส่ปีศาจบุบผาแดง… เขากำลังขบคิดวิธีจะช่วยสตรีที่ถูกจับตัวมา แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะต้องนำพวกนางทั้งหมดเข้ามาไว้ในแหวนกระถางขัดเกลา
“ขอล้ำค่าเช่นนี้เหตุใดต้องมอบให้ข้า?!”
นางตกใจกับการกระทำของหนิงฝาน ยามนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงห้ามนางปฏิเสธ
“รีบออกไปข้างนอกแล้วป้องกันข่ายอาคมไว้!”
ในยามนั้นเอง ปีศาจบุบผาอาศัยช่วงที่อัสนีอ่อนกำลัง หลุดออกจากจู่โจมพันธะนาการมาได้
ดูเหมือนอานุภาพของอัสนีจะขึ้นอยู่กับวิชาขัดเกลาร่างกาย...
ชู่ซวนเชียนสื่อเข้าใจสถานะการณ์ นางจึงบเก็บคำถามและข้อสงสัย แล้วออกจากหุบเขาเพื่องป้องกันข่ายอาคม และไม่ปล่อยให้ปีศาจบุบผาหลบหนี
ในเมื่อมีสร้อมข้อมือนั้นอยู่ นางก็มั่นใจว่าปีศาจบุบผาแดงจะทำอันตรายนางไม่ได้
นางออกจากหุบเขาไป เหลือเพียงหนิงฝานกับปีศาจบุบผาแดง
หากไม่ทุ่มเต็มกำลัง ปีศาจบุบผาแดงก็ไม่อาจทะลวงข่ายอาคมไปได้… เมื่อมันหลุดจากการจู่โจมของอัสนเงินได้ มันเริ่มหวาดกลัว
“มนุษย์เอ๋ย… เจ้าคิดจะเข่นฆ่าให้ตายกันไปข้างเลยใช่มั้ย? นายท่านของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ท่านเป็นถึง 1 ใน 12 ขุนพลอสูร!”
“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!”
หนิงฝานประหลาดใจกับสิ่วที่มันกล่าว
ในสมัยโบราณมีข่าวลือว่า มีเพียงสัตว์อสูรที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเท่านั้นที่จะได้รับการกล่าวขานว่าขุนผลอสูร บางทีอสูรตนนั้นอาจเป็นผู้สลัก
ในเมื่อได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับมัน หนิงฝานก็ไม่อาจปล่อยมันไปได้อีก ไม่งั้น แคว้นเยว่อาจกลายเป็นเหมือนแคว้นซ่ง
แต่เรื่องขุนผลอสูรนั้น หนิงฝานเชื่อว่าหากจับปีศาจบุบผาแดงได้แล้วลบอักษรที่สลักบนหน้าผากของมันออก ต่อให้ขุนพลอสูรแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจหาเขาพบ
“วังวนมังกรเพลิง!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา มังกรเพลิงทมิฬทะยานออกจากร่าง แปรเปลี่ยนเป็นเสาเพลิงขนาดใหญ่
แต่ในชั่วยพริบตานั้น สีหน้าและแววตาที่หวาดกลัวของมันกลับแปรเปลี่ยนเป็นมีความสุข
“เพลิงปีศาจทมิฬ! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีเพลิงปีศาจทมิฬ นายท่านลี่ป่านต้องการเพลิงชนิดนี้! หากท่านได้เพลิงปีศาจทมิฬมา ท่านจะกลายร่างเป็นมังกรได้… ได้ยินข่าวลือว่ามันปรากฏในแคว้นเยว่ แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะนำมันมาให้ข้าถึงที่”
อีกฝ่ายคิดจะช่วงชิงเพลิง แต่ด้วยอานุภาพของเพลิงชนิดนี้รุนแรงมาก ต่อให้เป็นหนิงฝานยังยากจะชิงมัน
“มนุษย์เอ๋อ… เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง! วิชาอสูร ‘บุบผาร่วงโรย’”
ปีศาจบุบผาแดงขยับมือเป็นท่าทาง ก่อนจะปรากฏกลีบดอกไม้จำนวนมาก
นางใช้วิชาในระดับดวงแรกเริ่ม
ด้วยระยะห่างจากหนิงฝานไม่มากนัก ทำให้มันเชื่อว่าหนิงฝานจะไม่มีทางหลบได้ ...