ตอนที่แล้วGE150 กายาเก้าจ้างเก้าฉื่อ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE152 อานุภาพของดาราอัสนี [ฟรี]

GE151 ความอัปยศของชู่ซวนเชียนสื่อ [ฟรี]


ยามนี้ชู่ซวนเชียนสื่อออกจากเรือเหาะของหนิงฝานได้ 3 วันแล้ว นางมุ่งหน้าไปยังนิกายฝ่ายธรรมะของแคว้นซ่ง และร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่นั่นตามหาปีศาจบุบผาแดง

ตลอด 3 วันที่ผ่าน หนิงฝานติดตามนางห่างๆ เมื่อเห็นว่านางไปถึงนิกายฝ่ายธรรมะได้อย่างปลอดภัย เขาก็ปลีกตัวออกมาเพราะมีเรื่องอื่นต้องทำ

ในวันที่ 7 ชู่ซวนเชียนสื่อและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพบร่องรอยของปีศาจบุบผาแดง ระหว่างทางที่ติดตาม ทั้งหมดพบศพของสตรีอยู่หลายศพ พวกนางถูกพรากพรหมจรรย์ ปราณหยินแรกเริ่มแห้งเหือด

ในวันที่ 19 พวกนางไปถึงภูเขาแห่งหนึ่ง ที่นั่นพวกนางพบปีศาจบุบผากำลังดูดซับปราณหยินแรกเริ่ม ในระหว่างการต่อสู้ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำตายไป 1 คน อีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส ปีศาจบุบผาหนีไปได้ ทั้งยังทิ้งศพไว้หลายศพ

เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญบาดเจ็บ ทั้งหมดต้องยกเลิกการค้นหา ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนถูกลักพาบุตรสาวและภรรยา พวกมันจึงเคียดแค้นและตามล่าปีศาจบุบผา แม้ภรรยาและบุตรสาวของคนเหล่านี้จะถูกเหลือเพียงศพ แต่พวกมันยังคงโอบกอดด้วยความรัก ก่อนจะฝังศพเหล่านั้นไว้

ผ่านไป 1 เดือน ชู่ซวนเชียนสื่อยังไล่ล่าปีศาจบุบผาแดง ยามนี้คนในกลุ่มเหลือเพียง 7 คน

แม้นางจะทุ่มความพยายามขนาดไหน นางยังคงตามตัวมันไม่ได้

ยิ่งนานไปจำนวนผู้เชี่ยวชาญที่ออกล่าก็ยิ่งน้อยลง ส่วนปีศาจบุบผาที่ดูดซับปราณหยินแรกเริ่มอย่างต่อเนื่อง ก็เพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ไม่รู้เพราะเหตุใดระดับพลังของปีศาจบุบผาแดงถึงได้เสียหายมากขนาดที่มันต้องดูดซับปราณหยินแรกเริ่มเพื่อฟื้นฟู

แต่เมื่อมันฟื้นฟูสู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้ว ผู้ที่ตามล่ามันก็เริ่มจะลังเลว่าควรไล่ล่ามันต่อดีหรือไม่

“เอาไงดี?” ประมุขนิกายซ่างชุนกล่าว พลางมองปีศาจบุบผาแดงด้วยความระมัดระวัง

“มันฟื้นคืนสู่ขอบเขตประสานวิญญาณแล้ว พวกเราคงจับตัวมันไม่ได้ เพราะหากมันตอบโต้ พวกเราก็ไม่รอด… ดูมันสิ เรื่องกาจู่โจมมันไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือจะป้องกันการโต้กลับของมันยังไง” ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความหวาดกลัว

“อืม… เราเลิกไล่ล่ามันก่อน… ทุกคนรีบกลับนิกายตน และเตรียมการป้องกันสูงสุด” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวพลางถอนหายใจ ทุกคนพยักหน้า มีเพียงชู่ซวนเชียนสื่อที่ไม่เห็นด้วย

“ไม่ได้! พวกท่านจะถอดใจไม่ได้ นึกถึงภรรยาและบุตรสาวที่ตกอยู่ในกำมือของมัน... พวกท่านจะถอยไม่ได้!”

“แม่นางเชียนสื่ออย่าเพิ่งโมโหไป… พวกข้าเองก็อยากช่วยภรรยาและบุตรสาว แต่มันในตอนนี้บรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้ว พวกข้าจะไปสู้มันได้ยังไง… ในแคว้นซ่งนี้ไม่มีผู้ใดสู้มันได้” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าว

“ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้วยังไง หากเขาลงมือ...” ชู่ซวนเชียนสื่อนึกถึงหนิงฝาน นางทำได้เพียงขบฟัน แววตาเศร้าหมอง

นางไม่อาจกล่าวต่อ เพราะยังไงซะหนิงฝานก็ไม่มีทางมาช่วย

ความหวังของนางแตกเป็นเสี่ยงๆ

เขาไม่มีทางมาแน่นอน...

ขณะที่นางนิ่งเงียบ ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ

“แม่นาง ที่เจ้าช่วยเหลือแคว้นซ่งเรา เราซาบซึ้งมาก แต่อีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม พวกข้าไม่อาจต่อกร… ยามนี้เราทำได้เพียงรอให้มันกินจนอิ่มแล้วจากไป...” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวพลางเผยแววตาที่หวาดกลัว

“กินจนอิ่ม… นี่ท่านกล่าวว่ากินจนอิ่ม! นั่นหมายถึงให้สตรีไปเป็นกระถางขัดเกลาของมันนะ?” นางกล่าวด้วยโทสะ

“อืม… ข้าคิดว่า หากเรารวบรวมสตรีพรหมจรรย์ได้หมื่นคนส่งให้กับมัน บางมีอาจจะพึงพอใจแล้วยอมจากไปแต่โดยดี...” ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกล่าว

“นี่ท่าน!” นางขบฟันแน่น ดวงตาหลี่ลงด้วยโทสะ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น

สิ่งที่ทำให้นางผิดหวังมากที่สุดคือส่งสตรีพรหมจรรย์ให้มัน นั่นเป็นวิธีการที่โหดร้ายทารุณ

หาสตรีพรหมจรรย์นับหมื่นเพื่อสนองตัณหาของมัน แต่เหล่าสตรีที่ถูกส่งไปจะไม่มีทางกลับมา

“ความเห็นของท่านน่าสนใจ… เรามาพูดคุยหาทางออกเถอะ...”

“ฮึ่ม! ไอ้พวกขี้ขลาด!”

นางด่าทอแล้วจากไปโดยไม่หันกลับ

ความนับถือที่นางมีให้ หายวับไปกับตา

น่าผิดหวัง… น่าผิดหวังยิ่งนัก… ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกตั้งแต่เกิดมา

ไร้บ้านในแคว้นเยว่

แคว้นซ่งไม่อาจพึ่งพิง

ทะเลไร้สิ้นสุดช่างห่างไกล ตัวนางเพียงลำพัง...จะทำอย่างไร

ต่อให้ไปถึงทะเลไร้สิ้นสุด แต่สหายในยามเด็กของนางจะจดจำนางได้หรือไม่?

นางนำขวดหยกที่ใส่ไว้ในอาภรณ์ออกมา กุมมันไว้ในมือ

ขวดหยกนี้คือโอสถที่จื่อเฮ่อมอบให้

ยามนี้นางสูญเสียปราณไปมาก จึงกินโอสถเพื่อฟื้นฟูปราณ โอสถมีรสหวานอร่อย แต่ในใจนางกลับขมขื่น

“หนิงฝาน… มีคนเห็นเรือของเจ้าจอดเทียบท่าที่ข่ายอาคมแบ่งโลก… หรือเจ้ากำลังรอข้า? ข้าควรกลับไปหรือไม่? หากข้ากลับไป...ข้าคงถูกหัวเราะเยาะ… ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ...ช่างน่าขัน”

นางก้าวเดินอย่างเปล่าเปลี่ยว ขบคิดสิ่งต่างๆมากมาย เดิมทีนางอยากมุ่งมั่นในฝ่ายธรรมะ แต่โลกใบนี้ กลับไม่มีฝ่ายธรรมะที่แท้จริง

หากไม่มีคุณธรรมให้ปกป้อง… เช่นนั้นนางจะทำอย่างไร

ในชั่วลมหายใจนั้น นางสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ

สายลมปีศาจสีแดงฉานได้พัดล้อมตัวนาง

นางรู้สึกหนาวเหน็บ ไม่อาจส่งเสียง จิตใจปั่นป่วน นางถูกลอบจู่โจม!

ในขณะที่จิตใจของนางปั่นป่วนนั้น นางสัมผัสได้ราวกับมีปราณสายหนึ่งลุกล้ำเข้ามาในร่างของนาง สะกดปราณของนางจนไม่อาจใช้ และปรากฏเสียงของปีศาจบุบผาแดงดังขึ้น

“ฮึ่ม! หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเจ้าคงตามล่าข้าอย่างมีความสุขเลยสิท่า… ยามนี้เป็นคราวของข้าบ้าง! คนรักตัวน้อยๆของเจ้าไม่ช่วยเจ้าแล้วหรือ?” สายลมปีศาจตรึงร่างของนาง หอบพัดพานางไปยังหุบเขาทางตะวันตกของแคว้นซ่ง

เมื่อได้ยินคำกล่าวของปีศาจบุบผา สีหน้านางแปรเปลี่ยนโกรธแค้น “หุบปาก… ข้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องกัน...”

“หรือเหรอ? ข้าก็อยากรู้จริงๆ ว่าข้าถ้าข้ากระชากอาภรณ์เจ้าออกจะเป็นยังไง? ดูซิว่าคนรักของเจ้าจะยังสงบใจได้หรือเปล่า? ปากกล่าวอ้างฝ่ายธรรมะ ทำตัวเย่อหยิ่งอวดดี… ข้าจะให้เจ้าได้ตายช้าๆ...”

“เจ้ากล้าเหรอ?” นางตะเบงเสียงด้วยโทสะ

“ฮึ่ม! ทำไมจะไม่กล้า! สาวน้อย ข้ามีอายุมากกว่าแสนปี สิ่งที่ข้าชอบที่สุดคือสตรีที่เย่อหยิ่งเช่นเจ้า… ยิ่งเจ้าอวดดีมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งชอบมากเท่านั้น!”

“แสนปี! เป็นไปได้ยังไง? เจ้าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม เหตุใดอายุยืนยาวขนาดนั้น? หรือเจ้าจะเป็นอสูรโบราณที่หลับไหล! ไม่… หากเป็นอสูรโบราณที่หลับไหล เมื่อยามตื่น ตัวเจ้าสมควรมีพลังในขอบเขตแก่นทองคำ… เจ้าคงเกี่ยวข้องกับอสูรในขอบเขตตัดวิญญาณ”

“ฮึ่ม! เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ข้ามีความสุขมาก… ข้าจะเล่นกับเจ้าให้หนำใจเลย...”

ชู่ซวนเชียนสื่อประหลาดใจกับสติปัญญาของปีศาจบุบผาแดง นางคาดไม่ถึงว่าสตรีที่ดูด้อยปัญญาเช่นนั้นจะเฉลียวฉลาด มันยอมให้นางตามล่าอยู่หนึ่งเดือนเต็ม กระทั่งทำให้นางถอดใจเอง

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม พายุก็หยุดลงในหุบเขาที่เต็มไปด้วยโลหิตทางตะวันตกของแคว้นซ่ง

หุบเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของนิกายแห่งหนึ่ง แต่ยามนี้ปีศาจบุบผาได้ทำลายไปแล้ว

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เหลือเพียงโกรกเหวภายในที่ยังอยู่ในสภาพดี

ภายในข่ายอาคม… ปีศาจบุบผาแดงได้อุ้มร่างอรชรของชู่ซวนเชียนสื่อลงไปในหุบเหวลึก

ด้วยที่นางเป็นสตรีที่ไวต่อสัมผัส เมื่อร่างกายต้องสัมผัสปีศาจบุบผาแดง แม้อีกฝ่ายจะเป็นสตรีด้วยกัน นางยังรู้สึกแปลกๆ

ในยามนี้ นางได้ยินเสียงร้องของสตรีดังระงม ทำให้สีหน้านางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

ลึกลงไปในหุบเขา มีสตรีเปลือยเปล่าจำนวนมากร้องโอยครวญ

สตรีเหล่านั้นเป็นผู้ฝึกตน แต่พลังของพวกนางหายไป อย่างมากก็หลงเหลือพลังเพียงขอบเขตประสานวิญญาณ พวกนางถูกสะกดปราณในร่าง ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงมากจนไม่อาจขยับร่างกาย ทำให้พวกนางไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป

หว่างขาของพวกนางเปรอะไปด้วยคราบโลหิต… พวกนางถูกพรากพรหมจรรย์

แต่สตรีที่เคยแต่งงานแล้ว ไม่รู้ปีศาจบุบผาแดงใช้วิธีการใด พวกนางจึงสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ส่งเสียงครางกระเส่าระงม

จนทำให้ใบหน้าของชู่ซวนเชียนสื่อแดงก่ำ

แต่นั่นยิ่งทำให้ปีศาจบุบผาแดงชื่นชอบนางมากขึ้น

“ข้าเป็นผู้พรากพรหมจรรย์ของพวกนางด้วยมือของข้า… พวกนางไม่เป็นงาน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ข้าก็สอนให้… สาวน้อย ดูท่าร่างกายของเจ้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ข้าคงต้องสอนให้เจ้ารู้ว่าควรทำอย่างไรเสียก่อน...”

“เจ้าพูดเรื่องอะไร! นี่เจ้ากล้าเหรอ!” นางคาดไม่ถึงว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอย่างนางจะต้องมาถูกปีศาจจับตัว ขังไว้ในหุบเขาลึก ต้องวิชาลวงตาที่จะทำให้นางดูไม่ต่างจากสตรีมากตัณหา...

ไม่นานหลังจากนั้น ปีศาจบุบผาแดงได้วางร่างนางลงบนพื้น แล้วเริ่มปลดอาภรณ์ของมันออก

ใบหน้าของมันดูอัปลักษณ์ มีรอยเหี่ยวย่น รอยถูกฟันด้วยกระบี่ และรอยไหม้

แม้ใบหน้าของมันจะอัปลักษณ์ แต่รูปร่างของมันกลับสมบูรณ์แบบ ผิวเนียมนุ่มชุ่มชื้นราวกับบุบผาแรกแย้มในยามเช้า

มันดึงปิ่นปักผมออก ปล่อยผมยาวสลวยทิ้งตัวลงบนแผ่นหลัง

รูปร่างของมันกลับดีกว่าชู่ซวนเชียนสื่อเสียอีก!

นางสงสัยว่า หากปีศาจตนนี้ฟื้นคืนรูปลักษณเก่า มันจะงดงามขนาดไหน… แต่เมื่อขบคิดก็ต้องเลิกคิดไป นางไม่อยากฟุ้งซ่าน

เมื่อปีศาจบุบผาปลดอาภรณ์ทั้งหมดออก แววตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น และหันมองสาวน้อยเปลือยเปล่านางหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อสาวน้อยนางนั้นเห็นปีศาจบุบผาแดงเคลื่อนเข้าใกล้ นางก็กรีดร้องขอความเมตตา

“ไม่… อย่าเข้ามา!”

ปีศาจบุบผาแดงไม่สนใจคำอ้อนวอนนาง มันกดร่างของนางลงกับพื้นแล้วเริ่มลูบสัมผัส

เมื่อเรือนร่างต้องสัมผัส สาวน้อยนางนั้นก็ไม่อาจต้านทาน ใบหน้าแดงก่ำ เปล่งเสียงครางกระเส่า

เพียงแต่เสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ว่า ต่อให้ตายก็ไม่จะไม่ยอมให้มันสมใจ

ปีศาจบุบผาแดงโกรธเคือง มันเคลื่อนมือสัมผัสยังอวัยวะเพศของสตรีนางนั้นพลางยิ้มอย่างโหดเหี้ยม

“ปากบอกไม่ต้องการ… แต่ร่างกายกลับมีความสุข… ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่านี้!”

ชู่ซวนเชียนสื่อมองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เพราะปีศาจบุบผาได้นำแท่งหยกขนาดใหญ่ออกมา จากนั้นเสียบเข้าไปใน...!

สตรีนางนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“ร้องขอความเมตตาข้าสิ แล้วข้าจะเปลี่ยนอันที่เล็กกว่านี้ให้…” ปีศาจบุบผาแดงนำแท่งหยกที่เล็กกว่าออกมา

“ไม่… เอามันออกไป!” สตรีนางนั้นดิ้นรนขัดขืน

“ฮึ่ม! ดูเหมือนเจ้าอยากได้แรงกว่านี้... ย่อมได้!” ปีศาจบุบผาแดงขยับมือเร็วขึ้น ขาทั้งสองข้างของสตรนางนั้นหนีบแน่น โลหิตเริ่มไหลริน

ผ่านไปครู่ใหญ่ สตรีนางนั้นเริ่มทนไม่ไหว กระทั่งหลั่งของเหลวแห่งความสุขออกมา...

เมื่อสัมผัสกับการกระทำเช่นนี้ แม้เป็นสตรีที่เก่งกาจเพียงใดก็ไม่อาจทนได้… แล้วสาวน้อยนางนั้นก็ไม่อาจขัดขืน

“เห็นแก่เจ้า… ข้าจะเปลี่ยนอันที่เล็กลงให้...”

“กางขาออกมาซะ...”

“ไม่!”

“อื้ม~~”

สุดท้ายนางก็ฝ่ายยอมกางขาออกเอง

จากนั้น นางก็เปล่งเสียงร้องด้วยความสุขจนยากจะบรรยาย

หลังจากสาวน้อยบรรลุถึงจุดสุดยอด ปีศาจบุบผาแดงจะนำขวดหยกมารองของเหลวและโลหิตจากอวัยวะเพศของนางเก็บไว้อย่างดี

“สตรีนางนี้ไม่ธรรมดา… ปราณหยินแรกเริ่มในขอบเขตประสานวิญญาณของนาง จะช่วยให้ข้ายกระดับพลังได้ในอนาคต...”

แล้วปีศาจบุบผาแดงก็เก็บขวดหยกใส่กระเป๋า ในนั้นมีขวดในลักษณะเดียวกันอยู่มากมาย

แล้วปีศาจบุบผาก็หันกลับมามองชู่ซวนเชียนสื่อ

“ถึงคราวเจ้าแล้ว… เจ้าอยากได้อันเล็กหรือใหญ่...”

“ข้าไม่อยากได้!”

ปีศาจบุบผาแดงค่อยๆเข้ามาใกล้นางทีละก้าว เป็นครั้งแรกที่นางหวาดกลัวมากขนาดนี้ เพราะไม่ว่าเป็นสตรีคนใด...ย่อมหวาดกลัว

ปีศาจบุบผาแดงกระชากอาภรณ์ของนาง เหลือเพียงกระโปรงบางที่สวมทับส่วนล่างของร่างกาย แต่สุดท้าย ก็ถูกมันกระชากขาด

นางพยายามจะดิ้นรนขัดขืน แต่ด้วยปราณถูกสะกด ร่างกายจึงอ่อนแอไร้กำลัง

ในขณะที่นางหลับตาอย่างหมดหนทาง ข่ายอาคมที่ป้องกันหุบเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

ไกลออกไปปรากฏร่างของยักษ์สูงเก้าฉื่อในชุดเกราะสีเงิน กำลังเดินเข้ามา

ซากปรักหักพังและศิลาที่ขวางทาง ถูกเหยียบจนแบน!

ยักษ์ตนนั้นแผ่แรงกดดันในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม จนทำให้ปีศาจบุบผาแดงสัมผัสได้ถึงอันตราย

“ทะลาย!”

ยักษ์ในเกราะเงินเหวียงหมัดชกเข้าที่ข่ายอาคมจนเกิดเสียงดังสนั่น

ข่ายอาคมระดับแก่นทองคำขั้นสูงแตกเป็นเสี่ยงๆในพริบตา

เสียงของยักษ์ตนนั้นสะท้อนก้องในหุบเขาราวกับอัสนีฟาดผ่า

“ข้าเคยบอกแล้วว่าจะไม่มีครั้งที่ 4!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด