ตอนที่แล้วตอนที่ 285 จิตใจที่ล่มสลาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 287 คังอี้มอบของกำนัล

ตอนที่ 286 คนที่ประจบประแจงโดยไม่มีเหตุผลมักจะซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้


“พระองค์ควรกลับไปนั่งที่ของพระองค์ได้แล้วเพคะ” เฟิงหยูเฮงถอนสายตาของนาง และพูดกับหลี่คุนเบา ๆ “อาเฮงทำให้พระองค์สบายใจแล้ว และหม่อมฉันเห็นว่าพระองค์ควรกลับไปยังที่นั่งของตนเอง”

ใบหน้าของหลี่คุนยังเป็นสีแดงจากสิ่งที่ซวนเทียนเก้อพูด และใช้โอกาสที่เฟิงหยูเฮงพูดแบบนั้นรีบจากไปอย่างรวดเร็ว

ซวนเทียนเก้ออยากจะเล่นตลกกับเฟิงหยูเฮงสักพักหนึ่ง แต่การร้องเพลงและการร่ายรำก็หยุดลง และทันใดนั้นนางรำก็จากไป จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงขันทีจางหยวนประกาศจากฝ่ายฮ่องเต้ “ราชทูตจากเฉียนโจวเข้าเฝ้า !”

ราชทูตจากเฉียนโจว!

หลังจากที่ประกาศ ไม่เพียงแต่เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้ว ซวนเทียนเก้อก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

“ในสี่อาณาจักรที่มีพรมแดนติดกับราชวงศ์ต้าชุน เฉียนโจวเป็นอาณาจักรที่ไม่สงบมากที่สุด พวกเขาก่อการร้ายที่ชายแดน และเสด็จลุงก็ทรงกังวลกับสิ่งที่พวกเขาทำ” นางเอนตัวใกล้เฟิงหยูเฮงและพูดเบา ๆ “คราวนี้ที่พ่อของเจ้าไปทางเหนือเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ข้าสงสัยว่าเขาพูดเรื่องการก่อการร้ายของเฉียนโจวหรือไม่ ?”

เฟิงหยูเฮงส่ายหน้า “เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ เราไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่”

ซวนเทียนเก้อพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

ในเวลานี้ราชทูตจากเฉียนโจวยังคงอยู่นอกห้องโถงเฟ่ยซุย อย่างที่ซวนเทียนหมิงเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้คนที่มาหาราชวงศ์ต้าชุนในครั้งนี้คือองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงน้อย องค์หญิงน้อยเป็นคนที่เกเร ในขณะที่เดินเข้าไปนางเชิดหน้าและมองคนที่อยู่รอบข้างอย่างใกล้ชิด บางครั้งนางอาจจะกลอกตาเมื่อมองเห็นคุณหนูบางคน และนี่ก็น่ารำคาญจริงๆ

สำหรับองค์หญิงใหญ่ นางเป็นคนสง่างามและหนักแน่น เมื่อคำนวณอายุของนาง นางอายุมากกว่า 30 ปี แต่นางดูแลผิวพรรณได้ค่อนข้างดี ดังนั้นนางจึงมีดูอ่อนกว่าวัย อาณาจักรทางเหนือมีลมแรงและดินแข็ง ผู้คนจากภูมิภาคนั้นจะมีความแข็งแกร่งและสูงกว่าคนจากภาคกลางเล็กน้อย แต่องค์หญิงใหญ่ผู้นี้มีผิวขาวและร่างกายที่สมส่วน นางเป็นสมาชิกของราชวงศ์อย่างแท้จริง ใบหน้าของนางงดงามจนดูไม่เหมือนโดนลมและหิมะ

ซวนเทียนเก้อโน้มตัวใกล้เฟิงหยูเฮงและกล่าวเบา ๆ ว่า “ครอบครัวของฮ่องเต้เฉียนโจวใช้แซ่ฟุง ฮ่องเต้ปัจจุบันของพวกเขาขึ้นครองบัลลังก์เมื่ออายุ 17 ปี และตอนนี้พระองค์เพิ่งอายุ 23 ปี องค์หญิงใหญ่นี้เป็นพระเชษภคินีของพระองค์ ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้องค์ก่อนหน้าไม่ได้ดูแลพระโอรสคนนี้อย่างดี และมันเป็นแผนการลับขององค์หญิงใหญ่ที่ทำให้พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ นางแต่งงานแล้ว น่าเสียดายที่พระสวามีของนางเสียชีวิตเร็วแต่ก็ทิ้งพระธิดาไว้ องค์ชายแห่งเฉียนโจวทรงเคารพพระเชษภคินีผู้นี้มาก พวกเขาตามใจพระนัดดาผู้นี้มาก”

ซวนเทียนเก้อเป็นเหมือนผู้บรรยายอัตโนมัติ ในขณะที่องค์หญิงทั้งสองเดินไปที่ที่นั่ง นางได้บอกนางอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับความเป็นมาของราชวงศ์เฉียนโจว เฟิงหยูเฮงพบว่ามันมีประโยชน์มาก

“คังอี้นำรุ่ยเจียมาคารวะฮ่องเต้ของราชวงศ์ต้าชุน เราหวังว่าพระองค์จะมีชีวิตยืนยาว ทรงพระเจริญเพคะ เราหวังว่าราษฎรของราชวงศ์ต้าชุนจะประสบความสำเร็จและเพลิดเพลินไปกับการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้ องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวคุกเข่าพร้อมกับบุตรสาวเพื่อคำนับ ข้างหลังนางมีกลุ่มบ่าวรับใช้คุกเข่า

ฮ่องเต้ใจดีมากในการปฏิบัติต่อสตรีในขณะที่เขาหัวเราะ และพูดว่า "องค์หญิงต้องลำบากลำบนจากการเดินทางไกล รีบลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยเพคะ” องค์หญิงใหญ่คังอี้ไม่พูดด้วยเสียงอ่อนโยนราว

เฟิงหยูเฮงเริ่มคิด สามารถในการช่วยน้องชายขึ้นไปบนบัลลังก์ นี่เป็นหญิงในตำนาน

พอนางลุกขึ้นยืน พวกเขาเห็นองค์หญิงใหญ่หันไปทางด้านข้าง และคำนับข้าราชสำนักของราชวงศ์ต้าชุนแล้วพูดว่า “คังยี่คารวะขุนนางทุกท่าน ความสำเร็จของราชวงศ์ต้าชุนไม่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามของพวกท่าน คังอี้ชื่นชมพวกท่านอย่างมาก”

ถ้าองค์หญิงพูดเช่นนี้ ข้าราชสำนักก็ต้องยืนขึ้นและคำนับกลับโดยพูดว่า “องค์หญิงพูดเกินจริงพะยะค่ะ”

องค์หญิงใหญ่ไม่ได้อวดอ้างนานเกินไป ขณะที่นางหันไปทางฮูหยินและคุณหนูด้วยรอยยิ้มที่สง่างาม และโค้งคำนับเล็กน้อย “คารวะท่านฮูหยินและคุณหนู”

ทุกคนรีบคำนับอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่หนึ่งความประทับใจของทุกคนที่มีต่อองค์หญิงคังยี่นั้นมากขึ้น อย่างไรก็ตามซวนเทียนเก้อไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นจริง เฟิงหยูเฮงได้ยินนางพูดพึมพำกับตัวเอง “คนที่ประจบประแจงโดยไม่มีเหตุผลมักจะซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้”

เหรินซีเฟิงรีบเตือนว่า “เจ้า ! เจ้ากำลังโมโหอะไรอยู่ พระองค์เป็นคนสุภาพมาก นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้ล่ะ ?”

ซวนเทียนเก้อวางเดิมพันกับนาง “ข้าเดิมพัน 500 เหรียญเงิน ที่องค์หญิงคังยี่มาราชวงศ์ต้าชุนนี้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์”

“ได้” เหรินซีเฟิงมีความประทับใจที่ดีต่อองค์หญิงใหญ่และพยักหน้า “เดิมพันเท่ากัน”

เฟิงเทียนหยูได้ยินการพนันนี้ นางส่ายหน้า “ซีเฟิง เจ้ากำลังจะแพ้จริง ๆ”

เหรินซีเฟิงสับสน “ทำไมเจ้าพูดอย่างนั้น?”

เฟิงเทียนหยูตอบว่า “เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยได้ยินว่าท่านพ่อพูดอะไรดีเกี่ยวกับชายแดนทางเหนือ ทุกครั้งที่เฉียนโจวมาร่วมงานเลี้ยง เขาก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกังวล เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงในพระราชวังเมื่อสามปีที่แล้ว?”

เหรินซีเฟิงตัวแข็งทื่อและสีหน้าของนางก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เฟิงหยูเฮงเห็นว่านางดูเหมือนจะเสียใจ นางถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว ?”

เป่ยฟู่หรงอธิบายให้นางฟัง “ในเวลานั้น ไม่กี่เดือนหลังจากเจ้าออกจากเมืองหลวง ในปีนั้นราชฑูตมาร่วมงานตามปกติ ก่อนที่จะเข้ามาในพระราชวัง เขาพักอยู่ในศูนย์เปลี่ยนม้า 1 คืน อย่างไรก็ตามในคืนนั้นเองที่ศูนย์เปลี่ยนม้าถูกไฟไหม้ ไฟขนาดใหญ่เผาของกำนัลทั้งหมดที่เฉียนโจวนำมา ซึ่งมีผ้าไหมตำหนักจันทรา 4 พับ นี่คือสิ่งที่ทำให้คนทุกข์ใจอย่างมาก ไม่เพียงแต่ของกำนัลที่ถูกเผาไหม้เท่านั้น แม้แต่ผู้ร่วมงาน 2 คนจากเฉียนโจวก็ตายไปกองไฟ ราชทูตล้มป่วยลงด้วยความกลัว ไม่มีสิ่งใดที่องค์ฮ่องเต้ทำได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นบนแผ่นดินของราชวงศ์ต้าชุนและในเมืองหลวง เพื่อเป็นการปลอบใจเฉียนโจว หลายสิ่งถูกส่งกลับพร้อมราชทูต”

ซวนเทียนเก้อพยักหน้า “ใช่หลังจากสามปีนี่เป็นครั้งแรก ข้าจะรอดูว่าพวกเขานำอะไรมาบ้างหลังจากเก็บออมเป็นเวลา 3 ปี”

ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวรับรายการของกำนัลจากบ่าวรับใช้ จากนนั้นกล่าวกับฮ่องเต้ว่า “เฉียนโจวปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะตลอดทั้งปี ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับดินที่อุดมสมบูรณ์ของราชวงศ์ต้าชุน และไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับดินแดนของซงซุย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมปริมาณของกำนัลจึงน้อยกว่า กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะไม่รังเกียจเพคะ”

เมื่อนางพูดเสียงของนางหนักแน่นมาก มันไม่ใช่ประจบและมันก็ไม่สุภาพเกินไป มันสงบมากราวกับว่านางกำลังพูดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

พูดตามตรงนอกเหนือจากผ้าไหมตำหนักจันทรา 4 พับ รายการของกำนัลที่เหลือก็ไม่ได้น่าสนใจมากนัก เมื่อเทียบกับซงซุยมันแย่กว่ามาก แต่ฮ่องเต้เข้าใจสิ่งที่องค์หญิงคังอี้กล่าว ภาคเหนือไม่สามารถเปรียบเทียบกับภาคตะวันออกได้ เพราะหิมะตกตลอดทั้งปีในเฉียนโจว มันยากที่จะปลูกพืช ดังนั้นจะมีหลายสิ่งหลายอย่างได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นเป็นผู้หญิงที่มาเดินทางมา รวมถึงนางเป็นคนที่เอาใจใส่และสุภาพ เขาจะว่านางอย่างไร?

เขาเผยรอยยิ้ม “ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นก็ดีแล้ว ความสามารถในการผลิตสิ่งนี้ช่างโดดเด่นอย่างแท้จริง”

เมื่อเขาพูดอย่างนี้องค์หญิงหรู่เจียที่เงียบและยืนอยู่ข้าง ๆ คังยี่ จู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านแม่ดูสิ ข้าบอกท่านแม่แล้วว่าฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าชุนจะไม่โต้เถียงในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ข้าบอกให้ท่านแม่ทิ้งผ้าไหมตำหนักจันทราไว้ให้จุนเอ๋อ แต่ท่านแม่ก็ไม่ทำตามที่ข้าบอก”

“โอ้ อย่างนั้นหรือ ?” ฮ่องเต้หัวเราะเบาๆ และมองดูองค์หญิงรุ่ยเจียแล้วถามว่า “เจ้าอยากได้ผ้าไหมตำหนักจันทราเช่นนั้นหรือ ?”

รุ่ยเจียพยักหน้า “ใช่แล้ว ! ผ้าไหมนั้นเป็นของหายากมาก ผ้าพับนี้ถูกทอขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ในที่สุดก็จะต้องถูกส่งมายังราชวงศ์ต้าชุน พวกเราเองไม่เคยสวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมนี้เลย”

ใบหน้าของคังยี่เต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่นางดุรุ่ยเจีย “เจ้าพูดเรื่องอะไร ? หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้ !” จากนั้นนางก็โค้งคำนับฮ่องเต้ “เด็กสาวคนนี้ซนและดื้อรั้น มันเป็นความผิดของคังยี่ที่เลี้ยงดูนางมาแบบตามใจ พระองค์อย่าตำหนินางเลยเพคะ”

“อ่า !” ฮ่องเต้โบกมือของเขา “เด็กน้อยมีความรู้สึกไวเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงนาง อย่างที่เราเห็นรุ่ยเจียนั้นพูดตรงไปตรงมามาก เจ้าต้องการผ้าไหม ดี ! จากนั้นเราจะมอบให้เจ้า 1 พับ ! ไม่สิ 2 พับ !”

“จริงหรือเพคะ ?” ดวงตาของรุ่ยเจียเป็นประกาย

ฮ่องเต้พยักหน้า “ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ”

“ดีมากเลยเพค่ะ !” รุ่ยเจียเริ่มกระโดด “เสด็จแม่ ฮ่องเต้ของราชวงศ์ต้าชุนใจดีเพียงใด พระองค์ใจดีกว่าเสด็จลุง !”

เขาเป็นคนง่ายเกินไป แม้แต่เฟิงหยูเฮงก็รู้สึกว่าฮ่องเต้นั้นใจอ่อนเกินไปเมื่อเผชิญหน้ากับองค์หญิงสองพระองค์นี้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงผ้าไหมตำหนักจันทรา 2 พับ แต่ก็ต้องรู้ว่านี่ไม่ใช่ของกำนัลปกติ

นางมองไปที่ด้านข้างของฮองเฮา และเห็นว่าพระสนมของฮ่องเต้ทุกคนมีสีหน้าขมขื่น ความไม่เต็มใจและอิจฉาของพวกเขาถูกเขียนไปทั่วใบหน้า

“เกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้ ?” นางมองไปที่ซวนเทียนเก้อ “ข้ารู้สึกว่าพระองค์พยายามระงับอารมณ์อยู่”

“ฮะ” นางได้ยินเสียงซวนเทียนเก้อถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ข้ามีเสด็จป้า นางเป็นองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ต้าชุน นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อของข้านำขึ้นมา เพราะตอนนั้นข้ายังเด็กเกินไปอายุแค่ 3 ขวบ ข้าจำไม่ได้ว่าเสด็จป้าของข้าเป็นอย่างไร แต่เสด็จพ่อบอกว่าเสด็จป้าของข้าเป็นพระเชษภคินีของเขาและเสด็จลุง และนางก็คอยดูแลทั้งสองตั้งแต่อายุยังน้อย เสด็จปู่ก็ยุ่งมาก ดังนั้นเสด็จป้าจึงเป็นคนดูแลพวกเขา แต่ต่อมาเสด็จป้าแต่งงานกับคนผู้หนึ่ง และเสด็จปู่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นเสด็จปู่จึงสั่งให้คนไปทำร้ายเขา แต่เสด็จป้าก็ยังต้องการแต่งงานกับคนผู้นั้น ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่เสด็จปู่ทำได้ เสด็จปู่จึงลดบรรดาศักดิ์เสด็จป้าให้เป็นคนสามัญเพื่อให้นางแต่งงานกับคนผู้นั้น แต่หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแต่เพราะคนนั้นถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเกินไป สามเดือนต่อมาเขาก็สิ้นใจ เสด็จป้าตรอมใจมากหลังจากนั้นหนึ่งปีป้าก็เสียชีวิต สำหรับองค์หญิงใหญ่จากเฉียนโจวผู้นี้ พระองค์เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องราวคล้ายกันกับเสด็จป้าและสามีของนาง เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เสด็จลุงต้องนึกถึงเสด็จป้าเมื่อพระองค์เห็นองค์หญิงใหญ่”

เฟิงหยูเฮงมองที่องค์หญิงใหญ่อีกครั้ง ในตอนแรกนางมองการเดิมพันระหว่างซวนเทียนเก้อและเหรินซีเฟิงว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินเรื่องนี้นางเชื่อมั่นว่าเหรินซีเฟิงจะแพ้แน่นอน

การมีองค์หญิงที่มีเรื่องราวคล้ายกันกับองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ต้าชุนมาเป็นราชทูตของราชวงศ์ต้าชุน นางไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อมองดูว่าฮ่องเต้มององค์หญิงที่อาวุโสที่สุดด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อนจากนั้นก็ให้ผ้าไหมตำหนักจันทรา 2 พับ เฉียนโจวจัดฉากเรื่องนี้ได้ดีมาก

“แต่ข้าไม่รู้ว่านางจะทำอะไร” นางมองไปที่ซวนเทียนเก้อ “ลองเดาดู ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูด และนางซ่อนความชั่วร้าย นางพยายามจะทำอะไร?”

ซวนเทียนเก้อไตร่ตรองมานาน และได้แต่ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ อาเฮงเจ้ารู้ไหมว่าข้าไม่เก่งในเรื่องเหล่านี้ แล้วเจ้าล่ะคิดว่ายังไง”

ทันใดนั้นนางก็เริ่มยิ้ม “ข้าเดาว่ามีโอกาสเกี่ยวข้องกับครอบครัวของข้า”

แน่นอนว่าองค์หญิงน้อยซึ่งได้รับผ้าไหมตำหนักจันทรามีความสุขมาก จากนั้นองค์หญิงคังยี่ก็พูดว่า “การมาที่ราชวงศ์ต้าชุนในครั้งนี้ คังอี้ก็ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ด้วย หม่อมฉันต้องขอบคุณขุนนางคนหนึ่งของราชวงศ์ต้าชุนสำหรับความเมตตาของเขา”

“โอ้ ?” ฮ่องเต้ถามนางว่า “ใครหรือ?”

คังยี่ตอบว่า “ท่านเสนาบดีของราชวงศ์ต้าชุน, เฟิงจินหยวน, ใต้เท้าเฟิง”

เฟิงหยูเฮงยักไหล่ ตามที่นางคิดไว้ !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด