ตอนที่ 115 การมาถึงของหอคอยขนนกโลหิต
"น่าทึ่ง!"
เมื่อเห็นเม็ดยาสีดำที่เจียงวู่เฉิงออกมา ทุกคนรอบๆต่างรู้สึกทึ่ง
"ยาทะลวงคอขวด"เซียวหมางมองไปที่เจียงวู่เฉิงด้วยความประหลาดใจ"เจ้ามีมันได้อย่างไร"
"เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นใคร"เจียงวู่เฉิงพูดออกมา
ยาทะลวงคอขวดนั้นเป็นยาหายากและมีค่าอย่างมากในราชวงศ์เทียนซ่ง ผู้ปรุงโอสถที่สามารถปรับปรุงเม็ดยานี้ออกมาได้นั้นหายากอย่างมาก
ยาที่ใช้ทะลวงคอขวดนั้นยากที่จะสร้างขึ้นมา ดังนั้นมันจึงเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมากสำหรับคนทั่วไปที่จะมีมัน
แต่เจียงวู่เฉิงนั้นมาจากวังมังกร ซึ่งในศาลาลับนั้นมีสมบัติมากมาย มันมีทุกสิ่งมี่คนต้องการ ยาทะลวงคอขวดนั้นแทบจะหาไม่ได้ในโลกภายนอก แต่ในวังมังกรนั้นมีราคาเพียงแค่5000คะแนนเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะทะลวงเข้าสู่อาณาแก่นทองคำ เขาได้ซื้อยาทะลวงคอขวดมาทั้งหมดสามเม็ด เขาใช้มันไปสองเม็ดเพื่อทะลวงคอขวด ตอนนี้เขายังเหลืออยู่อีกหนึ่งที่อยู่ในมือของเขา
แต่ถ้าเจียงวู่เฉิงรู้ว่าเซียวหมางต้องต่อสู้อย่างหนัก เพื่อที่จะนำดอกบัวทมิฬไปใช้วัตถุดิบในการสร้างเม็ดยาทะลวงคอขวด เขาจะมอบมันให้แก่เซียวหมาง มันไม่จำเป็นเลยที่พวกเขาต้องสู้กันอย่างดุเดือด
"เจ้าเป็นคนดี ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า"เจียงวู่เฉิงส่งยาทะลวงคอขวดให้แก่เซียวหมาง
เซียวหมางค่อนข้างที่จะลังเล แต่ในที่สุดเขาก็ยอมรับมัน เขามองเข้าไปในดวงตาของเจียงวู่เฉิงและพูด"ขอบคุณเจ้ามาก!"
เจียงวู่เฉิงเฉิงยกคิ้วและขยับไปที่ด้านหน้าของต้นไม้ขนาดใหญ่ เขายกมือขึ้นและทำลายต้นไม้จนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ทำให้แหวนมิติที่ฝังลึกอยู่ในลำต้นตกลงไปอยู่ในมือของเขา
"ดอกบัวทมิฬ"เมื่อมองดูแหวนมิติ เจียงวู่เฉิงก็ยิ้มขึ้นมา
"พี่สาม"ซูรูกล่าวขณะที่อยู่ข้างหลังเจียงวู่เฉิง
"โชคดีที่ข้าทำสำเร็จ"เจียงวู่เฉิงพูดพร้อมกับส่งแหวนมิติให้แก่นาง
ซูรูรับมา หลังจากส่งพลังลมปราณเข้าไปในแหวน นางรู้สึกได้ถึงดอกบัวทมิฬที่อยู่ภายใน จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง
"ขอบคุณมากพี่สาม"ซูรูขอบคุณเขา จากนั้นนางก็ยื่นเมล็ดดอกบัวทมิฬที่อยู่ในมือของนางให้แก่เขา
"เมล็ดดอกบัวทมิฬ"เจียงวู่เฉิงมองไปที่ซูรู
เขารีบมาที่ยอดเขาเพื่อต่อสู้กับเซียวหมาง ในขณะที่ทะเลสาบจันทร์กระจ่างเหล่านักรบในขั้นอาณาแก่นทองคำจะต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเมล็ดดอกบัวทมิฬทั้งเจ็ดอย่างดุเดือด การต่อสู้นั้นค่อนข้างที่จะรุนแรง เจียงวู่เฉิงไม่ได้คาดหวังว่าซูรูจะได้รับมันมาจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนั้น
"พี่สาม เมล็ดดอกบัวทมิฬนี่เหมาะสำหรับท่าน ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะทำความเข้าใจในแก่นแท้แห่งน้ำ เมล็ดดอกบัวทมิฬนี้จะช่วยท่านได้"ซูรูกล่าว
"เจ้าไม่ต้องการมัน?เจ้าก็เข้าใจในแก่นแท้แห่งน้ำ!"เจียงวู่เฉิงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
"ดอกบัวทมิฬนั้นเพียงพอแล้วสำหรับข้า และเมล็ดดอกบัวทมิฬนี้ก็มีประโยชน์สำหรับข้าเพียงเล็กน้อย"ซูรูกล่าว
"เยี่ยม"เจียงวู่เฉิงไม่ปฏิเสธ เขาเอื้อมมือและยอมรับเมล็ดดอกบัวทมิฬ
"การต่อสู้เพื่อแย่งดอกบัวทมิฬได้จบลงในที่สุด"เจียงวู่เฉิงแสดงความคิดเห็นขณะที่มองไปรอบๆ
จบ!
ทุกอย่างจบแล้ว!
เมล็ดดอกบัวทมิฬได้มีเจ้าของ และแม้แต่ดอกบัวทมิฬก็เป็นของเจียงวู่เฉิงในที่สุด
แม้ว่าจะจบลง แต่การต่อสู้ในวันนี้ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ผู้คนชอบพูดถึง มันได้แพร่กระจายไปทั่วราชวงศ์เทียนซ่งในไม่ช้า
ในขณะเดียวกัน อันดับบนรายชื่อทำเนียบปฐพีจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ผู้คนต่างประทับใจในตัวนักดาบ และจำได้ว่าเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบจันทร์กระจ่าง!
ชายที่อยู่ขั้นอาณาแก่นทองคำแรกเริ่มและเข้าในแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิดในเวลาเดียวกัน และเป็นผู้มอบความพ่ายแพ้ให้แก่เซียวหมาง
สถิติที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทั้งโลกชื่นชมในตัวเขา มันทำให้เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะถูกจัดอันดับในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพี
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คนอื่นยังพูดถึงการต่อสู้ระหว่างนักดาบและเซียวหมาง ได้มีคนที่รูปร่างผอมปรากฏตัวขึ้นในฝูงชน
ชายร่างผอมนั้นมีการบ่มเพาะในขั้นอาณาแก่นทองคำเท่านั้น นอกจากนี้เขายังส่วนร่วมในการแย่งชิงเมล็ดดอกบัวทมิฬ แต่ความสามารถเขานั้นไม่ได้โดดเด่น ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเขา แต่ในขณะนี้ชายคนดังกล่าวกำลังจ้องมองไปที่เจียงวู่เฉิงอย่างโหดร้าย
"นักดาบ..."
"เขาอยู่ในขั้นอาณาแก่นทองคำแรกเริ่มเท่านั้น แต่เขาได้เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิดด้วยความเข้าใจที่สูงมาก!"
"ใช่แล้ว เขาคือเจียงวู่เฉิง"
"เป้าหมายของคำสั่งสีเลือด เจียงวู่เฉิง!"
หลังจากได้รับการยืนยัน ชายร่างผอมก็ส่งข้อความในทันที
เวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงเวลากลางคืน
แม้ว่าแสงจันทร์จะส่องสว่างทำให้มองเห็นได้ชัดเจน แต่แสงของมันส่องไปไม่ถึงเทือกเขาไร้ขอบเขต ดังนั้นภายในเทือกเขายังเต็มไปด้วยความมืดมิด
หวืด!หวืด!หวืด!หวืด!หวืด!
ร่างในชุดดำพัดผ่านไปเหมือนภูตผี เป็นเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงป่าที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบจันทร์กระจ่าง
ชายทุกคนสวมเสื้อคลุมสีดำและหน้ากากบนใบหน้า พวกเขามีทั้งหมดสิบสองคน ในบรรดาพวกเขามีสิบคนที่สวมหน้ากากทองคำ ในขณะที่อีกสองคนสวมหน้าสีม่วง
นักฆ่าสิบคนสวมหน้ากากสีทองและนักฆ่าอีกสองคนสวมหน้ากากสีม่วง นี่คือรูปแบบการต่อสู้ที่จัดโดยหอคอยขนนกโลหิตในครั้งนี้
"เป้าหมายอยู่ข้างหน้าพวกเรา"หนึ่งในนักฆ่าที่สวมหน้ากากสีม่วงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ"หอคอยขนนกโลหิตทีมที่หนึ่งและทีมที่สอง พวกเจ้าต้องตรวจสอบให้แน่ใจจนพบว่ามีโอกาสที่เหมาะสมและฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง อย่าทำให้พวกข้าทั้งสองต้องลงมือ"
มือสังหารหน้ากากม่วงทั้งสองนั้นระมัดระวังตัวอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวหากไม่จำเป็นจริงๆ
นักฆ่าหน้ากากทองทั้งสิบที่ยืนอยู่ที่แห่งนั้น ในหมู่พวกเขาหัวหน้าของนักฆ่าสวมหน้ากากทองหัวเราะและกล่าวว่า"เขาเป็นเพียงศิษย์ของวังมังกรที่มีการบ่มเพาะเพียงอาณาแก่นทองคำแรกเริ่ม ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับแก่นแท้แห่งสวรรค์และโลกนั้นสูงกว่าคนทั่วไป แล้วยังไง?หอคอยขนนกโลหิตทีมที่หนึ่งและทีมที่สองลงมือพร้อมกัน พวกท่านแค่เพียงยืนมองก็พอ"
"ดาบทมิฬเจ้าไม่ควรที่จะดูถูกเป้าหมายของตัวเอง จากข้อมูลที่ได้รับ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงดอกบัวทมิฬ เขาสามารถที่จะเอาชนะเซียวหมางได้ เซียงหมางคืออันดับที่22ในทำเนียบมังกรปฐพี เจ้าต้องอย่าลืมว่าเซียวหมางนั้นมีอันดับสูงกว่าเจ้า"นักฆ่าที่สวมหน้ากากสีม่วงพูดเสียงต่ำ
"แล้วยังไง?"ดาบทมิฬยังคงไม่ยอม"ข้าเป็นนักฆ่า การต่อสู้โดยตรงไม่ใช่สิ่งทีข้าถนัด แต่เมื่อข้ามีโอกาสแม้แต่ผู้ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของทำเนียบมังกรปฐพีก็ไม่รอด อย่าไปพูดถึงคนที่อยู่อันดับ22"
ดาบทมิฬเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แต่เขามีความสามารถเพียงพอที่จะพูดเช่นนี้
ดาบทมิฬ..เขาอยู่อันดับที่41ในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพี
แม้ว่าอันดับของเขาจะสูงกว่า40 แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือนักฆ่าจากหอคอยขนนกโลหิต ในฐานะที่เขาเป็นนักฆ่า เมื่อพบโอกาสที่เหมาะสม เขาจะเป็นนักฆ่าที่น่ากลัวอย่างมาก
"อย่างไรก็ตาม ระวังตัวด้วย อย่าลืมว่าเขาคือเป้าหมายของคำสั่งสีเลือด ซึ่งมีคำสั่งมาจากท่านที่สวมเสื้อคลุมม่วง ครั้งนี้เราต้องฆ่าเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเราล้มเหลวเราทุกคนจะถูกฆ่า!"นักฆ่าที่สวมหน้ากากสีม่วงแสดงออกอย่างจริงจัง
"จำไว้ อย่าให้เขามีโอกาส!"
"ฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวและหลบหนีในทันที"
"ไป"
เมื่อนักฆ่าที่สวมหน้ากากม่วงพูดจบ นักฆ่าสวมหน้ากากสีทองก็ออกล่าโดยทันที
...