บทที่ 179 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (5) [18-07-2019]
บทที่ 179 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (5)
เวลาได้ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งปี นับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานเข้ามาในดันเจี้ยนรวมๆก็ 2 ปีแล้ว และก็เป็นเวลาที่โลกได้ผ่านมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 มาแล้ว 2 ปี 2 เดือน
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับยูอิลฮานที่จะรู้ถึงเวลาที่ชัดเจนได้เนื่องจากว่าท้องฟ้าในดันเจี้ยนต่างก็ปกคลุมไปด้วยสีแดงไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือดึกก็ไม่ต่างกันเลย แถมร่างกายของยูอิลฮานก็ได้พัฒนาขึ้นมาจนในตอนนี้ต่อให้เขาไม่นอนเลยก็แทบจะไม่เป็นอะไรแล้ว
แต่ถึงแบบนั้นเขาก็จำถึงช่วงเวลาที่เขาเปิดบาเรียซึ่งเขาได้เปิดมันในทุกๆเดือนตอนที่ทูตสวรรค์บอกเวลากับเขา ภายในบาเรียเขาจะซ่อมอุปกรณ์ของเขา เติมอุปกรณ์ที่สิ้นเปลือง ทำอาหาร ตรวจสอบค่าสเตตัสแล้วก็ฝึก
"หืม"
ตอนนี้มันก็ครบสองปีที่เขาได้ใช้ชีวิตในโลกนี้แล้ว ยูอิลฮานได้คิดย้อนไปกับฉากที่อยู่ตรงหน้า
"นี่มันไม่ได้ยากอีกต่อไปแล้ว"
[อ่า ใช่เลย!] (เลีบร่า)
เลียร่าได้ฝืนตอบกลับไปทั้งๆที่สายตายังจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เบื้องหน้าคือกองเนื้อกระจายและหยดเลือดที่ไร้ที่สิ้นสุด เสียงร้องที่ดังสะท้อนไปทั่ว ฉากๆนี้คือนรกที่แท้จริง แน่นอนว่ามันต่างตรงที่คนลงโทษและคนรับกรรมสลับตำแหน่งกัน
[ก๊าซซซซซซซซซซ!]
[กี๊ซซซซซซ!]
กับดักต่างๆรวมไปถึงบาริสต้าไม่เคยจะสูญเสียเป้าหมายไปเลยสักนิดเดียว มันไม่ได้มีแค่นี้เท่านั้นแต่ยังมีโดรนที่บินอยู่คอยจับศัตรูหรือดึงพวกปีศาจมารวมกัน หรือไม่ก็ขัดขาปีศาจไม่ก็ทำการโจมตีตรงๆเลยด้วย
สิ่งนี้คือไอเทมที่แสดงถึงการพัฒนาในด้านวิศวกรรมเวทย์ของยูอิลฮาน
แน่นอนว่าเขายังไม่อาจจะฆ่าพวกปีศาจได้แต่อุปกรณ์พวกนี้ได้ บางทีเขาอาจจะฆ่าพวกมันได้หากพวกมันเป็นมอนสเตอร์คลาส 4 ตามปกติ แต่ว่าสำหรับเจ้าพวกนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยและยูอิลฮานก็รู้เป็นอย่างดี
ดังนั้นอุปกรณ์ทั้งหมดที่เขาติดตั้งเอาไว้จึงไม่ได้เน้นไปที่ารโจมตีแต่เป็นการจับดึงความสนใจจากศัตรูและหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน อย่างแรกเลยทำให้พวกมันไม่สนใจยูอิลฮานและสองเขาจะเปิดใช้งานปกปิดตัวตนได้ง่ายขึ้น แค่นี้สำหรับยูอิลฮานก็ยิ่งกว่าพอแล้ว
สิ่งที่เขาไว้ใจมากที่สุดและเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะพัฒนามันมากที่สุดเลยก็คือร่างกายของเขาเอง และการปกปิดตัวตนที่ตอนนี้มันคือส่วนหนึ่งของเขา
"ฮ่าห์"
[ติดคริติคอล!]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ ??847?34523?]
ยูอิลฮานได้ยิ่งอิสระมากยิ่งกว่าใครในพื้นที่นี้ของเขาและหอกของเขาในพื้นที่นี้อันตรายมากยิ่งกว่ากับดักใดๆในพื้นที่ เขาได้จัดการสะบั้นคอของพวกเลเวลที่ต่ำๆก่อนเป็นอย่างแรก
ยูอิลฮานที่ได้ดูดซับบันทึกของพวกปีศาจมาตลอดสองปีทำให้ในตอนนี้เขาสามารถจะมองดูพลังชีวิต จุดอ่อน รูปแบบ สกิลและแม้กระทั่งกระบวนการคิดที่เรียบง่ายของพวกมันได้แล้ว!
[มีพวกมันอยู่ที่นี่ประมาณ 50 ตัวแล้วแต่นี่มันไม่ท้าทายเลย!] (เลียร่า)
[67 ต่างหากเลียร่า] (เอิลต้า)
[ด้วยพวกมันจำนวนมากขนาดนี้ พวกมันกระทั่งโจมตีโดนกันเองด้วย พวกมันเอาแต่โจมตีเหมือนคนบ้าโดยที่ไม่รู้ตัวอะไรเลย] (สเปียร่า)
ด้วยเสียงระเบิดที่เต็มไปทั่วทุกที่รวมไปถึงลูกธนูที่ปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศทางทำให้พวกปีศาจโจมตีอย่างบ้าคลั่ง โดยปกติแล้วการโจมตีที่เล็งมาที่ยูอิลฮานก็มักจะพลาดและในบางครั้งก็โดนพวกเดียวกันเองด้วยซ้ำ จริงๆแล้วพวกปีศาจมันฆ่ากันเองตายมากกว่ากับดักซะอีก!
ยูอิลฮานได้อยู่ภายใต้การต่อสู้นี้ด้วยการขยับตัวไปรอบๆตลอดเวลา แต่ว่าเขาก็รู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้พวกมันไม่มีทางโดนตัวเขาแม้แต่เส้นผมแน่
การต่อสู้ที่ไม่มีความตื่นเต้นอะไรมันจะไปเป็นการฝึกได้ยังไงกัน! ไม่ว่าเขาจะทำแบบนี้ไปนานแค่ไหนสกิลของเขาก็ไม่มีทางยกระดับขึ้นแน่
"ฉันใช้อาร์ติแฟคมากเกินไปหรือป่าวนะ?... หรือว่าฉันควรจะลดจำนวนอาร์ติแฟคลงแล้วไปสู้ตรงๆแทน?"
[ขอล่ะอย่าเลย] (เลียร่า)
[ถึงมันอาจจะไปได้ดี แต่ว่าอย่าดีกว่านะ! ฉันจะเกลียดนายจริงๆนะถ้านายทำอะไรโง่ๆแบบนั้น] (เอิลต้า)
[แต่ถ้าเป็นยูอิลฮานฉันคิดว่าจะต้องไม่เป็นไร...] (สเปียร่า)
[หยุดให้ความเชื่อที่ไม่มีมูลนะ!] (เอิลต้า x เลียร่า)
เขาจะทำตามแผนการฝึกนี้แน่หากว่ามันไม่เสี่ยงต่อชีวิตของงเขา แต่ว่าเขาไม่อาจจะเอาอุปกรณ์ความปลอดภัยออกไปได้นี้เองทำให้เขาไม่ทำ ยูอิลฮานได้แต่หยักหน้ารับกับคำขอกดดันของทูตสวรรค์
"งั้นก็ช่วยไม่ได้แหะ ตอนนี้ก็เปลื่ยนเป็นเพิ่มเลเวลล่ะกัน"
เลเวลของยูอิลฮานยังคงอยู่ที่ 195 อยู่ดีไม่ว่าเขาจะได้รับค่าประสบการณ์จากมอนสเตอร์มากแค่ไหนก็ตาม แถมในดันเจี้ยนจำนวนของพวกปีศาจที่เกิดขึ้นมาก็ยังมีจำกัดอีกด้วยทำให้ในตอนนี้การพัฒนาของเขากำลังถูกจำกัด
[จำกัด? จำกัดอะไรรรรรรรรร?] (เลียร่า)
"อ่า เธอนี่น่ารำคาญจริงๆ"
แน่นอนเหตุผลที่พัฒนาของเขาช้าลงก็ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือยูอิลฮานเอาแต่ต้องการล่าเป็นกลุ่มทำให้เขาต้องไปหาล่อมอนสเตอร์เป็นกลุ่มตามหลังตลอดเวลา ยังไงก็ตามหากเขาจัดการฆ่าทุกๆอย่างที่เจอเลยโดยไม่มาเสียเวลาล่อพวกมันเป็นกลุ่มๆเลเวลของเขาก็น่าจะเพิ่มเร็วขึ้นอีก
แม้ว่าเขาจะเจ็บใจที่เขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญในทุกๆสกิลอย่างที่เขาต้องการได้ แต่เขาก็ตัดสินใจจะเชื่อว่าอย่างน้อยจะต้องมีสกิลมากกว่าสองสกิลที่เขาจะเชี่ยวชาญได้ก่อนที่จะได้รับภารกิจคลาส 4
"เอาล่ะ ถ้างั้นฉันก็ควรจะเริ่มต้นฆ่าพวกมันทั้งหมดที่นี่"
ในวินาทีที่เขาตัดสินใจได้แบบนี้เขาได้เปิดใช้งานกับดักระเบิดทั้งหมดในพื้นที่จนเกิดเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นมา พลังทำลายมันก็เรื่องหนึ่งแต่ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือแรงระเบิดที่เฉียบพลันและรวดเร็ว
มันไม่มีทางที่ปีศาจพวกนี้จะได้รับผลแค่แสงหรือเสียงปกติเท่านั้น อาร์ติแฟคพวกนี้คือสิ่งที่ยูอิลฮานได้สร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อนำมาทำลายระบบป้องกันของพวกมันโดยเฉพาะ
[กี๊ซซซซซซซ!]
[ก๊าซซซซว!]
ในวินาทีที่พวกปีศาจทั้งหมดนิ่งงันไป เขาได้ใช้คลื่นกระแทกที่ปีกพุ่งตัวออกไปหามันและใช้การกระโดดซ้ำๆ
"โอโรจิ!!!"
[กรรรรรรรรร!]
ฉากๆนี้คล้ายกับในมังงะ เป็นฉากๆที่พระเอกกับพลังแฝงรวมพลังกัน แต่อันนี้คือยูอิลฮานกับโอโรจิที่เชื่อมต่อกันผ่านสกิลการปกครองได้ส่งพลังไปที่ปลายหอกมังกรแปดหาง
บนปลายหอกมังกรแปดหางที่เขาจับไว้แน่น เขาได้ใช้พลังเหนือมนุษย์เลเวล 99 พลังแห่งเผ่าพันธ์มังกรจากโลหิตมังกร ประกายเพลิงเลเวล 90 ความคมของดาบที่ซึ่งเขาต้องการมาที่สุดในตอนนี้ ทั้งหมดนี้ได้อัดแน่นกันอยู่ที่ปลายหอก ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่ยูอิลฮานได้ฝึกฝนขัดเกลามาจนถึงตอนนี้
เดี๋ยวสิ ไม่ ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง
"ฮ่าห์"
ระหว่างการพุ่งไปด้วยความเร็วที่เขาควบคุมไม่ได้แล้ว ยูอิลฮานก็ได้เหวี่ยงหอกของเขาไปข้างหน้าใส่สิ่งที่ขว้างทางเขา ในตอนนี้เองปีศาจที่อยู่ในระยะทั้ง 6 ทิศทางต่างก็เลือดพุ่งออกมา
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[สกิลหอกไร้วิถีได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 83]
[ติดคริติคอล!]
ในขณะเดียวกันที่เขาแทงหอกไปด้านหน้า จำนวนหอกที่เขาใช้แทงได้ก็เพิ่มมากขึ้น สเปียร่าได้ตะโกนออกมาทันทีเมื่อเห็นแบบนี้
[นี่มันทำให้รู้สึกได้ถึงความชำนาญในระดับที่น่าทึ่งของสกิลขั้นสูงแล้วเนี้ย!?] (สเปียร่า)
[อิลฮานนายทำอะไรลงไปรู้ตัวไหม?] (เลียร่า)
[สเปียร่า ตอนนี้เธอกลัวว่าศิลปะการต่อสู้ของเธอจะถูกจะถูกยูอิลฮานไล่ทันงั้นหรอ?] (เอิลต้า)
[เงียบน่า] (สเปียร่า)
สงครามเล็กๆครั้งที่ 14 ของทูตสวรรค์ได้เกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว แต่ยูอิลฮานก็ยังไม่เอามาใส่ใจเช่นเดิม เขาได้จัดการเอาชนะศัตรูด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจนเลเวลเขาใกล้จะถึง 200 แล้ว แถมเขายังได้ยกระดับสกิลประกายเพลิงกกับหอกไร้วิถีขึ้นมามาก แต่แน่นอนว่าสกิลพวกนี้ก็ใช้มานามากเช่นกัน!
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[คุณได้เชี่ยวชาญสกิลโจมตีคริติคอล ตอนนี้การค้นหาจุดอ่อนของศัตรูที่เจอกันในครั้งแรกจะทำได้ง่ายขึ้นและพลังจากการโจมตีคริติคอลจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก]
ทั้งเลือดเนื้อได้กระจายไปทั่วท้องฟ้า ยูอิลฮานได้ใช้ความเร็วที่มากกว่าเดิของเขาเพื่อหลบหลีกจากสายตาศัตรูและปกปิดตัวตนของเขา จากนั้นก็จะเกิดเสียงร้องเต็มไปทั่วพื้นที่และความตายขึ้นมาหลังจากผ่านไประยะหนึ่่ง
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ ?94?4512?453]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 53?4435??501]
และในที่สุดแล้วช่วงเวลานั้นก็มาถึง
[คุณได้เชี่ยวชาญสกิลกระโดด ข้อจำกัดของการกระโดดซ้ำอีกครั้งรวมไปถึงระยะหน่วงก่อนการกระโดดอีกครั้งจะหายไปโดยสมบูรณ์ ยังไงก็ตามคุณจะต้องระวังการกระโดดซ้ำๆให้ดีเพราะมันจะสร้างภาระให้กับร่างกายของคุณ]
[ถ้าคุณได้เติมเต็มเงื่อนไขในการวิวัฒนาการสกิลคุณก็จะวิวัฒนาการสกิลนี้ไปเป็นสกิลขั้นสูงได้]
[หินพลังเวทย์คลาส 3 จำนวน 4,643,549/100,000 ก้อน]
[หนพลังเวทย์คลาส 4 จำนวน 19,685/1,000 ก้อน]
[เลือดของเผ่าพันธ์เวทมนตร์จำนวน 201,559/1,000 ลิตร]
[บรรลุความสำเร็จในเรื่องของการกระโดด 2/2]
[เงื่อนไขการวิวัฒนาการสกิลกระโดดได้ถูกเติมเต็มแล้ว คุณต้องการจะวิวัฒนาการสกิลหรือไม่?]
"...เอ๋?"
แม้ว่าเขาจะอย่างเชี่ยวชาญในสกิลพลังเหนือมนุษย์ก่อนเป็นสกิลแรก แต่กลับจบด้วยการที่เขาเชี่ยวชาญสกิลกระโดดก่อนซะงั้น เอาเถอะมันก็ไม่ได้แย่อะไร
'ต่างกับสกิลภาษาที่ต้องใช้หินพลังเวทย์คลาส 5'
ถ้าหากว่าสกิลภาษาต้องใช้คุณภาพ งั้นสกิลกระโดดก็จำเป็นต้องใช้ปริมาณ แน่นอนว่าเรื่องนี้คิดคำนวนจากมาตราฐานของยูอิลฮานเท่านั้น เขาได้มัวแต่คิดในสิ่งที่จะทำต่อไปจนลืมไปเสียสนิทว่าเขากำลังต่อสู้อยู่
[ก๊าซซซซซซซซ!]
"โอเคๆ ฉันกำลังจะเข้าไปแล้ว"
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปเหมือนกับกำลังเล่นกับลูกหมาตัวน้อยๆ ตัวสุดท้ายนี้ที่เหนืออยู่ก็คือตัวที่เขาคุ้นเคยกับมันมากที่สุด ปีศาจสั่นสะเทือน
"โอ้ววววว!"
[ก๊าซซ!]
หลังจากหลบหนวดทั้งหมดที่พุ่งเข้าใส่เขาแล้วยูอิลฮานก็ได้แทงหอกออกไป
[ติดคริติคอล!]
หอกมังกรแปดหางที่ได้เมินแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดและเผาไหม้ต่อไป คมหอกที่ซ่อนอยู่ภายใต้เพลิงได้ตัดหัวของปีศาจจนขาดครึ่ง
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 196 พละกำลังเพิ่มขึ้น 2 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
"ฆ่าปีศาจจนหมดนี่ให้เลเวลฉันแค่เลเวลเดียวเองแหะ"
ยูอิลฮานได้บ่นออกมาก่อนที่จะเก็บศพของปีศาจ บาลิสต้าและกับดักทั้งหมดลงไป เขาไม่ลืมที่จะจัดการดูแลอุปกรณ์ทั้งหมดในทันทีเพื่อเตรียมใช้ในอนาคตอีกด้วย แล้วก็ด้วยเพลิงนิรันดร์ที่ได้ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนทำให้การซ่อมง่ายเหมือนปอกกล้วย
และหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้วมันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องมาคิดเรื่องการวิวัฒนาการสกิลกระโดด
[วิวัฒนาการสกิลกระโดดงั้นหรอ? สกิลกระโดดที่เป็นหนึ่งในส่วนเสริมของสกิลพลังเหนือมนุษย์ใช่ไหม?] (เลียร่า)
[ถึงแม้ว่าในตอนเริ่มจะเป็นแบบนั้น แต่ในตอนนี้มันน่าจะต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ฉันไม่เคยมีสกิลนี้เลยเพราะว่าฉันไม่ได้เชี่ยวชาญในการเคลื่อนไหวร่างกาย... แต่ว่าเลียร่า สเปียร่า พวกเธอทั้งสองคนไม่มีสกิลนี้เลยหรอ?] (เอิลต้า)
เลียร่ากับสเปียร่าได้ส่ายหัวออกมาทั้งคู่
[ฉันเป็นพวกประเภทที่เข้าประชิดแล้วก็ทุบพวกให้แหละในทีเดียวน่ะ] (เลียร่า)
[ปกติทุกๆหอกของฉันจะโจมตีอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าวน่ะ ในส่วนการเคลื่อนไหวฉันพึ่งมามีตอนเป็นทูตสวรรค์] (สเปียร่า)
[เธอบอกแค่ว่าไม่มีก็ได้นะ...] (เอิลต้า)
ถ้าว่าพวกเธอไม่ให้เหตุผลอะไรออกไปพวกเธอรู้สึกเหมือนกับจะแพ้ยูอิลฮานเลยทำให้พวกเธอพูดออกมาแบบนี้ แน่นอนว่ายูอิลฮานไม่ได้สนใจที่พวกเธอคุยกันเลย เขากำลังยุ่งกับการคิดเรื่องสกิลกระโดด
"ฉันควรจะวิวัฒนาการสกิลนี้ใช่ไหม?"
[ถ้านายไม่ได้มีแผนจะเอาหินพลังเวทย์คลาส 4 ไปทำอะไรอย่างอื่นแล้วล่ะก็นะ ฉันคิดว่าควรเลยล่ะ] (เอิลต้า)
คำแนะนำของเอิลต้ามีประโยชน์มาก ยูอิลฮานได้สะบัดหัวไล่ความลังเลสุดท้ายออกไปและเลือกที่จะวิวัฒนาการสกิล หินพลังเวทย์ส่วนหนึ่งกับเลือดมังกรที่เขามีอยู่ได้ปรากฏขึ้นมาด้านนอกและปกคลุมตัวเขาในทนัที
และอย่างสุดท้ายคือความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับสกิลกระโดด 'ผู้รวดเร็วที่สุด' 'กบที่กระโดดพ้นกำแพง' ทั้งสองฉายาได้ถูกถอดออกมาและเปลื่ยนไปเป็นบันทึกที่สูงขึ้น แน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมสองฉายานี้ถึงเป็นความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับการกระโดด
[มันแปลกมากที่สกิลนี้วิวัฒนาการเพียงลำพังได้ตั้งแต่แรกเลยได้...] (เลียร่า)
[ผลลัพธ์จะออกมาแบบไหนกันนะ? ฉันชักอยากจะเห็นมันแล้ว] (เอิลต้า)
[ไม่ว่าเงื่อนไขของการวิวัฒนาการจะยิ่งใหญ่แค่ไหนมันก็ยังมีอยู่หลายๆกรณีที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ถึงขั้น แต่แน่นอนว่าฉันหวังไม่ให้มันเป็นแบบนั้น ยังไงก็ตามถ้านายหวังมากเกินไปนายก็จะ...] (สเปียร่า)
ในตอนที่สเปียร่ากำลังจะพูดจบ เลือดมังกรที่คลุมยูอิลฮานอยู่ได้กลืนกินหินพลังเวทย์ลงไปจำนวนมากและดูจะเปลื่ยนรูปแบบไปก่อนที่จะถูกร่างกายยูอิลฮานดูดเข้าไป
พวกทูตสวรรค์รู้ได้ทันทีว่ามานาที่มีคุณภาพและปริมาณมากกำลังเปลื่ยนไปเป็นในรูปแบบที่พวกเธอ 'รู้จักเป็นอย่างดี'
[...หืม]
[ฉันคิดว่าฉันมั่นใจนะ] (เอิลต้า)
[แต่ว่าความสามารถนี้... หืม?] (สเปียร่า)
ระหว่างที่ทูตสวรรค์กำลังสงสัยกันอยู่นี้ ยูอิลฮานก็ยังได้เริ่มทำความเข้าใจในเอกลักษณ์ของพลังที่พุ่งพล่านในตัวเขาไปแล้ว และในที่สุดก็มีข้อควมโผล่ขึ้นมาที่ม่านตาของเขา
[คุณได้รับสกิลข้ามมิติ พลังการกระโดดขั้นสูงที่จะบิดเบือนมิติเวลาและจะทำให้คุณไปในที่ที่คุณต้องการได้ ด้วยการใช้หินพลังเวทย์จำนวนมากจะทำให้การข้ามมิติเป็นไปได้และคุณจะไปที่ไหนก็ได้ตราบเท่าที่คุณรู้จักที่แห่งนั้นอย่างละเอียด คุณยังจะสามารถพาคนอื่นไปได้ด้วยการใช้หินพลังเวทย์เพิ่มขึ้น]
"..."
หลังจากได้เข้าใจถึงเอกลักษณ์ของพลังที่อยู่ในตัวเขาแล้ว เขาได้รู้สึกการผสมผสานแปลกๆระหว่างอิสรภาพ ความว่างเปล่า ความผิดหวังและความยินดี เขาได้พูดขึ้นมา
"ตอนนี้ก็กลับบ้านกันเถอะ"
เลียร่าได้เป็นตัวแทนในหมู่ทูตสวรรค์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใสไร้กังวล
[โอเค!]