ตอนที่ 2 การแสวงหาผลประโยชน์ของตระกูล
ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!
ตำนานที่เลือนหายไปเกือบหมดในยุคสมัยดวงดาวนั้น แท้จริงแล้วเฟิงหลินผู้มาจากอดีตกลับคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ตอนนี้พลังเขามีแค่0.4 นับว่ายังห่างไกลกับมาตรฐานพลังของมนุษย์ในยุคนี้
แต่มนุษย์ในยุคโลกโบราณมีสถิติพลังสูงสุดแค่0.1เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับร่างดั้งเดิมของเขาบนโลก พลังของเขาก็ถือว่าแข็งแกร่งขึ้นถึงสี่เท่า
เมื่อพลังเพิ่มขึ้น ความทรงจำจะแข็งแกร่งขึ้น ความแข็งแรงและความเร็ว พร้อมกับลักษณะทางกายภาพอื่นๆย่อมเพิ่มขึ้นตาม
เขาอาจลืมเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับตำนานที่เขาเคยอ่านเมื่อเขากลับมาบนโลก แต่พวกมันยังอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของจิตใจเขา ตอนนี้หากเขาเพ่งสมาธิและพยายามนึกถึงมัน เขาย่อมจำตำนานมากมายบนยุคโลกโบราณได้
เฟิงหลินรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนเส้นทางสู่การเป็นเทพจำนวนนับไม่ถ้วน
ความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจเขา เขาออกจากประตูโรงเรียนและนั่งบนรถแม่เหล็กไฟฟ้ากลับบ้าน
สิ่งก่อสร้างมากมายนับพันดูคล้ายเสาหลักที่นำไปสู่สวรรค์ รถกำลังบินพร้อมทิ้งเส้นแสงไฟไว้ด้านหลัง หุ่นยนต์อัจฉริยะกำลังยุ่งอยู่กับงานทั่วทุกมุมเมือง ...
นี่เป็นยุคที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรไร้ขอบเขตทุกคนสามารถกลายเป็นมังกรเหนือคนอื่นได้!
...
แม้ว่าเฟิงหลินจะได้รับความทรงจำทั้งหมดของยุคนี้ เขาก็ยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมทั้งหมดนี้ด้วยตนเอง
ความเร็วของรถไฟนั้นเร็วถึง 3,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง
เขาถึงบ้านภายในสิบนาที!
ตึกตระกูลเฟิง!
ตึกสีเงินขนาดมหึมาที่สร้างขึ้นจากโลหะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา มันสูงหลายร้อยเมตรคล้ายกับภูเขาลูกเล็กๆ ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่
เฟิงหลินขมวดคิ้ว ความทรงจำที่ไม่ค่อยดีปรากฏในหัวของเขา
เขาลงจากรถไฟแล้วเดินเข้าไปข้างใน เมื่อเขาเข้าไปในอาคาร ลำแสงสีแดงก็ส่องแสงเข้ามาหาเขา "การสแกนไมโครชิปเสร็จสมบูรณ์ ยืนยันตัวตนแล้ว! คนในตระกูลขั้น 9, เฟิงหลิน... " อีกประตูหนึ่งเปิดขึ้นหลังจากนั้นและเฟิงหลินก็ก้าวผ่านมันมาถึงห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง
บันไดเลื่อนมากมายสามารถมองเห็นการเชื่อมกันของชั้นต่างๆ การตกแต่งที่นี่สวยงามมาก มีสระว่ายน้ำ, ห้องบ่มเพาะ, ห้องนวด ... มีทุกอย่างที่นี่ ให้เพลิดเพลินอย่างเต็มที่ตามต้องการ มีผู้หญิงสวยๆหลายคนในชุดแม่บ้านเดินอยู่รอบ ๆ นี่เป็นเหมือนวังของจักรพรรดิที่มีอยู่ในสมัยศักดินา
เฟิงหลินเหลือบมองสักพักก่อนละสายตาและหันออกมา เขาเดินไปอีกมุมนึง ตรงนี้จะมีลิฟต์โบราณลงไปที่ชั้นใต้ดิน
มีเด็กหนุ่มจำนวนมากเดินผ่านเขา พวกเขาทุกคนเดินไปยังชั้นที่สูงขึ้น ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครพูดอะไรกับเฟิงหลินสักคำ พวกเขาไม่แม้แต่จะมองเฟิงหลิน
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนในตระกูลของเขา
ยุคสมัยดวงดาวเป็นยุคที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว จักรวาลไร้ขอบเขต
ที่นี่มีอิสระเสรีไร้สิ้นสุด และความหวาดกลัวไม่รู้จบ จักรวาลทั้งมืดมนและหนาวเย็น สามารถกลืนกินทุกสิ่งอย่างในโลกเราได้ สัตว์ประหลาดในห้วงอวกาศอันตรายมากต่อมนุษย์ พวกมันสามารถกลืนมนุษยชาติได้จนหมด!
จักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตนั้น ดำเนินตามกฎแห่งป่า การคัดเลือกโดยธรรมชาตินั้นแพร่หลายและผู้แข็งแกร่งคือกฎเกณฑ์ที่แท้จริง
ไม่เพียงแต่จะมีการแข่งขันระหว่างเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่ทุกคนในยุคสมัยดวงดาวต่างก็แข่งขันกันเองเช่นกัน ประชากรของมนุษยชาติมีจำนวนมากถึงหลายล้านล้านคนและเพราะมีจำนวนมาก การแข่งขันจึงรุนแรงเกินไป
ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีอิสรภาพ
ผู้อ่อนแอต้องรวมตัวกันเพื่อความอบอุ่น แต่การอยู่รวมกันแทบจะไม่สามารถช่วยให้มีชีวิตรอดได้
ตระกูล – โครงสร้างโบราณนี้ได้ถูกนำกลับมาอีกครั้งและได้รับความนิยมในยุคสมัยดวงดาว คนส่วนใหญ่ต้องรวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอด
และจากการพัฒนากว่าหมื่นปี ทรัพยากรของโลกในระบบสุริยะจึงหมดไปเกือบหมดแล้ว พื้นที่นอกโลกได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าภูมิภาคดวงดาว มันอาจเหลืออยู่แค่ชื่อเท่านั้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมันถือว่าด้อยกว่าเมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นและความวกวนแปรปรวนก็มากที่สุด ตระกูลเล็ก ๆ มีลักษณะคล้ายกับสังคมขนาดเล็ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโครงสร้างภายในของรังมด ตระกูลทั้งหมดมีความสามารถที่แตกต่างกัน และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พวกเขาเหมาะสมกับงานที่แตกต่างกันไป บางคนเหมือนมดขยันและเงียบ บางคนจะรับผิดชอบในการปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลเช่นมดทหาร นอกจากนี้ยังมีบางคนที่มีสถานะสูงขึ้น มีอำนาจและพลังที่ยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เทียบเท่ากับราชามดและราชินีมด ...
ตระกูลเฟิงบนโลกเป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้น ทั้งหมดอาศัยอยู่ในตึกสีเงินที่สร้างขึ้นจากโลหะชื่อว่า 'ตึกตระกูลเฟิง' และตระกูลสามารถแบ่งออกเป็น 9 ขั้นที่แตกต่างกัน
ขั้นที่ 9 นั้นถือเป็นขั้นที่ต่ำที่สุดในขณะที่ขั้นที่สูงสุดคือขั้น 1
คนที่มีความสามารถโดดเด่นถือเป็นหัวหน้าและอาศัยอยู่บนชั้นบนสุด เพลิดเพลินไปกับการดูแลเหมือนราชา ไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก และสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่ได้รับการบ่มเพาะมาฟรีๆจากคนอื่นๆในตระกูล พวกเขาเป็นเหมือนบุตรสวรรค์
สำหรับผู้ที่มีความสามารถปานกลาง สถานะของพวกเขาจะน่าสังเวชเพราะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะมีโอกาสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย พวกเขามักจะถูกส่งไปช่วยกลุ่มตามการกระจายคำสั่งงาน ผลิตภัณฑ์ใดๆที่เกิดจากการใช้แรงงานรายวันจะถูกมอบให้พวกเขา พวกเขาจะได้รับรายได้ที่น่าเวทนาทุกๆเดือนซึ่งแทบจะไม่เพียงพอใช้เลี้ยงครอบครัว
อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญคือไม่มีใครต้องการที่จะออกไป สถานการณ์ข้างนอกนั้นรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับการอาศัยอยู่ในตระกูล หากพวกเขาออกจากตระกูล พวกเขาจะไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้
แม้ว่าชีวิตภายในตระกูลจะไม่ราบรื่นนัก คนในตระกูลก็ยังได้รับการปกป้องและไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัย
จุดประสงค์ของตระกูลคือพวกเขาต้องการรวบรวมทรัพยากรของกลุ่มและหวังว่าจะหล่อเลี้ยงอัจฉริยะที่แท้จริงที่จะสามารถเดินทางระหว่างดวงดาวได้ จากนั้นพวกเขาอาจกลายเป็นคนระดับบนในหมู่มนุษย์ สร้างชื่อให้ตระกูลและยกระดับตระกูลได้
ตระกูลเฟิงไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวที่ทำสิ่งนี้ แต่นี่ก็เป็นภาพสะท้อนของตระกูลเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนบนโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่น
เฟิงหลินเป็นพี่ใหญ่ในปีสามในโรงเรียนมัธยม ร่างกายของเขาผอมและอ่อนแอ พลังของเขาแค่ 0.4 ไม่ถึง 1.0 ในฐานะเป็นคนฐานะต่ำสุดในตระกูล เขาย่อมไม่ได้รับทรัพยากรบ่มเพาะ
ดังนั้นที่ที่เขาอยู่คือห้องใต้ดิน ...
แม้ว่ามันจะเป็นห้องใต้ดิน แต่มันก็เป็นพื้นที่ใต้ดินที่กว้างมาก มีอุปกรณ์ทุกชนิดที่นี่รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ... มีทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์มากมายที่นำไปสู่สถานที่ต่าง ๆ ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องใต้ดินอาจถูกมองว่าเป็นชุมชนเล็ก ๆ และผู้คนหลายพันคนก็สามารถอยู่ที่นี่ได้
เทคโนโลยีในยุคสมัยดวงดาวได้รับการพัฒนาอย่างมาก และประชากรก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตอนนี้บนโลกใบเล็ก ๆ มีคนมากกว่า 26.8 ล้านคน
อาคารที่สร้างขึ้นเหนือพื้นดินถูกสร้างขึ้นและสูงขึ้น และยังขยายลึกลงไปในพื้นดิน สำหรับชั้นใต้ดินเหล่านี้แม้ว่าจะมีการสร้างดวงอาทิตย์เทียม ความอบอุ่นและแสงที่มาจากดวงอาทิตย์เทียมจะไปดีเท่าแสงแดดธรรมชาติได้อย่างไร
ชุมชนใต้ดินเหล่านี้เป็นสถานที่สำหรับคนชั้นต่ำ กลุ่มคนชั้นสูงจะไม่มีทางลงมาที่นี่
เฟิงหลินเดินเดินไปทางบันไดเลื่อนที่จะนำพาเขาไปอุโมงนค์ นำสู่บ้านเขา บางครั้ง จะมีคนผ่านเขาไปเงียบๆ บรรยากาศที่นี่ดูน่าหดหู่
คนเหล่านี้ล้วนเป็นขั้นต่ำที่สุดของตระกูลเฟิง
ครั้งหนึ่งเฟิงหลินก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน มีความรู้สึกไม่สบายลึก ๆ เกิดขึ้นในใจเสมอเมื่อเขาคิดถึงมัน
คนเหล่านี้ทำงานหนักมาก แต่รายได้จากการทำงานของพวกเขาทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับตระกูล ในขณะที่พวกเขาจะได้รับเพียงเงินเดือนที่แสนน้อยนิด เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดจะรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก
นี่เป็นเพียงการหาผลประโยชน์
เฟิงหลินพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่ามนุษยชาติได้พัฒนาไปแล้วในยุคสมัยดวงดาว แต่เรื่องโหดร้ายเหล่านี้ยังเกิดขึ้นทุกที่
และแน่นอนตราบใดที่ยังมีความแตกต่างกันของชนชั้น มันก็ย่อมมีเรื่องของผลประโยชน์
สวรรค์ไม่เคยห่างไกลจากนรก
ทุกคนมาจากตระกูลเดียวกัน แต่มีเก้าระดับที่แตกต่างกันในการแยกสถานะของพวกเขา
"ฉันต้องออกไปจากตรงนี้ให้ได้ !" เฟิงหลินพึมพำอย่างเงียบ ๆ
เขาจะไม่ยอมจำนน
เขาเคยใช้ชีวิตมาก่อน และนี่อาจเป็นชีวิตที่สองของเขา หากเขายังไม่มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม – สมมติว่ามีคนข้ามมาแบบเขาอีก มันจะไม่นับว่าเสียหน้ารึไง?
เมื่อสแกนตัวตนที่หน้าประตูโทรม ประตูเหล็กเก่าๆก็เปิดออก เผยให้เห็นห้องประมาณ60ตารางเมตร
คู่รักวัยกลางคนกำลังยุ่งกับงานของพวกเขา ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เกิดจากความเหนื่อยล้ายาวนานหลายปี
"ลูกกลับมาแล้ว" เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินกลับมาพวกเขาก็เอียงหัวแล้วร้องออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ก้มหน้าและยุ่งกับงานของพวกเขาอีกครั้ง
เฟิงหลินไม่ได้สนใจ สองคนนี้เป็นพ่อแม่ของเขามาตลอดชีวิต
บนโต๊ะมีขวดของแหลวสีดำและไร้รสชาติ มันคืออาหารเย็นของคืนนี้ สารละลายธาตุอาหารระดับต่ำชนิดนี้ผลิตขึ้นเป็นกลุ่มที่ผ่านการสังเคราะห์ทางด้วยกระบวนการต่างๆ และแทบจะไม่เพียงพอต่อคุณค่าทางสารอาหารต่อวันเลย อย่างไรก็ตาม มันมีรสชาติเหมือนน้ำเพราะไร้รสชาติ
อาหารตามธรรมชาติมีราคาแพงมาก มันไม่ใช่ของที่ครอบครัวของเฟิงหลินสามารถจ่ายได้
"พี่ชาย!" ในขณะนั้น เงาร่างเล็กผอมสองร่างก็วิ่งมา ทั้งสองเป็นฝาแฝด น้องชายของเฟิงหลินเฟิงเฉินและน้องสาวคนเล็กเฟิงซิน ทั้งคู่อายุ7ขวบแล้วและมักชอบเกาะติดพี่ชาย
หลังจากสืบทอดความทรงจำของเฟิงหลิงคนเดิม เฟิงหลินก็ได้รับอารมณ์มาด้วย เขาจ้องมองพี่น้อง ความเศร้าอัดแน่นในหัวใจเขา
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาเป็นลูกคนเดียว เขาไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นคนมีน้องหลังข้ามโลกมา
"มากินกันเถอะ!" พ่อของเขาที่ทำงานอยู่พูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
ด้วยความที่เป็นครอบครัวยากจน มันจึงกลายเป็นเรื่องลำบากที่จะส่งเสริมเฟิงหลิน ไม่น่าแปลกใจว่าพ่อแม่ของเฟิงหลินต้องทนกับความขมขื่นมาตลอดหลายปี
ทุกคนในครอบครัวเงียบ ค่อยๆจิบขวดสารละลายอาหารรสจืดกันอย่างเงียบๆ
ปัง!
ทันใดนั้นก็มีภาพโฮโลแกรมออกมา
ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าเย็นยะเยือกยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน จ้องมองครอบครัวของเฟิงหลินด้วยความรังเกียจ
เขาไม่ได้พูดอะไรกับพ่อแม่ของเฟิงหลิน ดวงตาของเขาเหมือนนกอินทรีที่กำลังล่าสัตว์บนอากาศ จากนั้นเขาก็พูดว่า "เฟิงหลิน ในฐานะสมาชิกตระกูลขั้นที่ 9 เธอกำลังจะสำเร็จการศึกษา อย่างไรก็ตามสถิติพลังของเธออยู่ที่0.4 และเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะ หลังจากที่เธอเรียนจบ เธอจะต้องทำงานในโรงงานพลังงานของตระกูล ภายในหนึ่งเดือนเธอสามารถไปที่นั่นและเริ่มเรียนรู้เรื่องโรงทำเชือกได้ ไม่ว่าในกรณีไหน เธอจะไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธออยู่ในตระกูลมาหลายปีและตามกฎหมายของตระกูลแล้ว เธอควรจะเริ่มสร้างผลงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 70% ของเงินเดือนจะจ่ายให้กับตระกูล และเธอจะได้รับส่วนที่เหลืออีก 30% ... "
ตั้งแต่ต้นจนจบชายชราไม่ฟังอะไรจากเฟิงหลินหรือพ่อแม่ของเขาเลยสักคำ เขาเพียงแค่แจ้งให้ทราบและพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งแม้แต่น้อย
หลังจากพูดจบภาพโฮโลแกรมก็หายไป
บรรยากาศในบ้านยิ่งอึดอัดหนักขึ้นไปอีก เฟิงเฉินและเฟิงซินเหลียวมองกันและกันด้วยความท้อแท้ แต่ก็ไม่กล้าหายใจดังเกินไป
พ่อแม่ของเฟิงหลินใบหน้าดูเคร่งเครียดยิ่งขึ้น พวกเขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจออกมาโดยเลือกที่จะไม่พูดอะไร
พวกเขามีความคุ้นเคยกันมานานในชีวิตเช่นนี้ พวกเขาเรียนรู้มานานแล้วว่าจะต้องไม่ต่อต้าน
เกิดในตระกูล ตายในตระกูล มันเป็นเช่นนั้นมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
ในยุคสมัยดวงดาว การไม่มีพรสวรรค์ทางยีนบาปที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!
ถ้าใครอยากจะหนีชะตากรรมของคนธรรมดาๆ มันก็ต้องแสดงความสามารถที่โดดเด่นก่อน พวกเขาจึงจะได้รับการยอมรับจากตระกูล และสมารถยกระดับขั้นของตัวเองไปสู่ขั้นที่สูงกว่ากลายเป็นกลุ่มคนชั้นสูงได้
เมื่อเจอกับชะตากรรมอันน่าเศร้าที่จะเกิดขึ้นกับลูกชายและพวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พ่อกับแม่ของเฟิงหลินจึงหันไปพูดกับน้องอีกสองคนแทน "ลูกๆต้องตั้งใจและปลุกยืนบรรพกาลในตัวขึ้น จากนั้นลูกก็จะได้รับความสนใจของตระกูลและกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดดาว หลีกเลี่ยงชะตากรรมเหมือนพี่ชายของพวกลูก!”
ความจริงที่ว่าพวกเขาล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขา ทำให้พวกเขาหายใจอย่างยากลำบาก
เฟิงหลินยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับกำมือแน่น ความมุ่งมั่นปรากฎอยู่ภายในดวงตา
ชะตากรรมเช่นนี้…เขาไม่ต้องการมัน!
ในฐานะลูกชายคนโตของครอบครัว เขาจึงมีห้องเล็กเหมือนกระท่อมที่มีลักษณะคล้ายกับที่เก็บขยะขนาดเล็ก
เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและฝึกบังคับลมหายใจ และเริ่มฝึกทักษะการบ่มเพาะขั้นเริ่มต้น
นี่เป็นทักษะการบ่มเพาะขั้นต่ำ หนึ่งควรปรับการหายใจเพื่อกระตุ้นศักยภาพเริ่มต้นของยีน
แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เฟิงหลินก็ค่อยๆสงบลง ลมหายใจของเขาช้าลงและช้าลงจนในที่สุดก็แทบจะสงบนิ่ง มีเพียงการสูดหายใจเข้าออกเบา ๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้นที่ระบุว่าเขายังมีชีวิตอยู่
เขาค่อยๆรู้สึกถึงกระแสพลังอุ่นในส่วนลึกของร่างกาย กระแสที่อบอุ่นเข้าสู่เส้นเอ็น เนื้อและเลือดของเขา เซลล์แต่ละเซลล์และนิวเคลียสรวมทั้งยีนของเขา
ในขณะนั้นร่างกายของเขาก็มีอาการสั่นที่อธิบายไม่ได้จากส่วนลึกของยีน คลื่นลึกลับของพลังงานความเย็นที่ไม่รู้จักก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วขยายในตัวเขา
ทันใดนั้นสายตาของเขาพล่ามัว ในความมืดของความว่างเปล่า เงาของมนุษย์ที่โปร่งใสก็ปรากฎออกมาให้มองเห็น แสงที่ส่องมาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นเดียวกันกับดวงดาวนับไม่ถ้วนในท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสว่างในตัวเอง
คุณสมบัติของภาพเงานั้นคล้ายกันกับเขาจริง ๆ
ในขณะนี้การหลั่งไหลของข้อมูลก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างลึกลับ
=======
ชื่อ: เฟิงหลิน
พลัง: 0.4
ยีนลิง: 2
ยีนหิน: 1
ศักยภาพทางพันธุกรรม: 1468%
=======