ตอนที่ 113 เป็นที่สนใจ
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงเมล็ดดอกบัวทมิฬได้สิ้นสุดลง
เมล็ดทั้งเจ็ดนั้นมีเจ้าของ
ใบหน้าของคนเหล่านั้นไม่สามารถที่จะทำให้สงบได้
"บัดซบ!ข้าเกือบจะได้มันแล้ว"
"ข้าว่าจ้างเจ้าเพื่อให้ได้รับเมล็ดดอกบัวทมิฬ แต่เจ้าไม่ทำสำเร็จ ดังนั้นข้าจะจ้างเจ้าไปเพื่อ?"
"พวกเจ้ามันพวกไร้ประโยชน์"
โชคดี แม้จะไม่ได้ดอกบัวทมิฬ แต่อย่างน้อยข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ มันดีกว่าคนที่ต้องจบชีวิตลงอยู่มาก"
"น่าสลดจริงๆ มีคนตายมากเกินไป ข้าเกรงว่าถ้าข้ารีบเข้าไปเพื่อแย่งชิงเมล็ดดอกบัวทมิฬ ข้าจะเป็นหนึ่งในคนที่ตาย!"
ผู้ที่มีชีวิตรอดนั้นมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน มันทั้งความโกรธ ความเสียดาย และรู้สึกดีใจ
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ครั้งนี้ได้จบลง นักรบอาณาแก่นทองคำสามารถผ่อนคลายลงได้
แต่ในขณะนั้น...
ปัง!
ทันใดนั้น เสียงที่ดังกึกก้องก็ดังมาจากที่ใกล้ๆ ทุกคนต่างหันกลับไปมองในทันที
ที่ยอดเขาของภูเขาลูกหนึ่ง มีอำนาจทางพลังลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองที่แตกต่างกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด
ราวกับโลกกำลังกู่ร้องและสั่นสะเทือน! ก้อนกรวดที่แตกกระจายนั้นกลิ้งลงมาจากยอดเขาดั่งเม็ดฝน
ทุกอย่างได้รับการเปิดเผย
"นี่..."
นักรบอาณาแก่นทองคำที่ยืนอยู่ใกล้กับทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็ตกใจและขยับหนีทันที
"นั่นคือเซียวหมางและนักดาบที่สวมชุดคลุมสีดำซึ่งมีระดับอยู่ที่อาณาแก่นทองคำแรกเริ่ม"
"พวกเขายังสู้กันอยู่?"
"มันนานเท่าไหร่แล้ว ยังไม่มีผู้ชนะระหว่างพวกเขา?"
"ไปเถอะ ไปดูกัน!"
"ฮ่าฮ่า การต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งทั้งสอง!เร็วเข้า!"
"เร็ว"
ทุกคนนั้นตื่นเต้น ภายในดวงตาของพวกเขาเหมือนกับมีเปลวเพลิงอยู่ พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปที่ภูเขาลูกนั้น
"พี่สาม"ซูรูกล่าวและมองไปที่เขาลูกนั้น จากนั้นนางก็มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการลังเล
"เสี่ยวหมางและเด็กหนุ่มคนนั้นต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน?"กูเถาคิด ความประหลาดใจฉายอยู่ในดวงตาของเขา เขากัดฟันและวิ่งไปในทันที
ที่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง นักรบทุกคนต่างชื่นชอบการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนยอดเขา นักรบที่ถูกว่าจ้างมานั้นไม่สนใจความต้องการของผู้ว่าจ้างอีก ในขณะนั้นนักรบจำนวนมากต่างปีนป่ายไปยังยอดเขาเหมือนฝูงผึ้ง
แต่หลังจากที่พวกเขาไปถึงยอดเขา พวกเขาต่างตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า!
พื้นดินพังทลาย มันเต็มไปด้วยหลุมและเศษดิน มีร่องรอยจากดาบขนาดใหญ่ที่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่ง
พื้นที่ที่เป็นป่าหินต่างถูกทำลายไปเรียบร้อย หลงเหลือเพียงเศษหินบางก้อน
ทันใดนั้นแสงกระบี่อันเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้าหาเจียงวู่เฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว
ด้วยความที่เป็นเป้าหมายของแสงกระบี่ เจียงวู่เฉิงหลบการโจมตีด้วยการขยับร่างกายของเขา จากนั้นกระบี่ก็ฟันลงไปที่หินใต้เท้าของเขา
ฉึบ!
หินที่มีความสูงเท่ากับมนุษย์ถูกแยกออกเป็นสองส่วนราวกับเต้าหู้ที่สัมผัสกับใบมีด
เพ้ง!
หลังจากแยกหินออกเป็นสองส่วน แต่ไม่สามารถหยุดการโจมตีของกระบี่ได้ มันเคลื่อนที่ไปต่อที่พื้น ทำให้เกิดรอยแยกที่พื้นไปสามหรือสี่เมตร
"บ้าน่า!"ฝูงชนตกตะลึง
ชึบ!
สิ้นเสียง เงาดาบทะลุช่องว่างและเคลื่อนที่ไปหาเซียวหมางอย่างรวดเร็ว
เซียวหมางรีบหลบในทันที
ดังนั้นดาบยาวของเจียงวู่เฉิงจึงแทงเข้าไปในกำแพงหินด้านหลังของเซียวหมางด้วยเสียงที่ดังกังวาน หินนั้นพังเป็นชิ้นๆด้วยการโจมตีในครั้งนี้ ในเวลาเดียวกันก็มีรูที่มีความลึกหนึ่งเมตรปรากฏบนกำแพง
รอยดาบนี้ปกคลุมครึ่งนึงของกำแพงหิน ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าครึ่งหนึ่งของหินหายไปโดยสิ้นเชิง
นักรบทั้งหมดที่มาชมการต่อสู้เงียบไปหลังจากเห็นสิ่งนี้
แม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกูเถา เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็เผลอกลืนน้ำลายอย่างไม่ตั้งใจ
"บ้าน่า! ช่างเป็นพลังที่น่าหวาดกลัว!ใครจะสามารถต้านการโจมตีของพวกเขาได้?"กูเถาคิด
เป็นไปได้หรือที่ใครบางคนจะสามารถทุบหินขนาดมหึมาด้วยการฟันเพียงหนึ่งครั้ง และทำให้เกิดรอยแตกลึกลงบนพื้นผิว หรือแทงหินก้อนใหญ่ด้วยแรงและทำให้หินทั้งก้อนถูกทำลาย?
มันน่าเหลือเชื่อ!
"พวกเขายังอยู่ในขั้นอาณาแก่นทองคำ?"
"นักรบอาณาแก่นทองคำ? เป็นไปไม่ได้!"
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่พวกเขาด้วยการแสดงออกที่แปลกประหลาด โดยเฉพาะพวกที่มีการบ่มเพาะอยู่ที่อาณาแก่นทองคำอันลึกซึ้งหรือจุดสูงสุดของอาณาแก่นทองคำ
ต้องรู้ก่อนว่าหนึ่งในสองคนนั้น มีหนึ่งคนพึ่งอยู่ในขั้นอาณาแก่นทองคำแรกเริ่ม ซึ่งมีระดับต่ำกว่าใครหลายคนในที่นี้
ลมกรรโชกอย่างรุนแรง และปรากฏอยู่ทุกที่ในบริเวณ
ในเวลาเดียวกัน เจียงวู่เฉิงยังคงหลบการโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เฝ้ามองต่างได้ยินเสียงที่น่ากลัวและรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาเฝ้ามองการแตกกระจายของหิน
ทันใดนั้น เจียงวู่เฉิงหยุดเคลื่อนไหวและจ้องมองไปทีเซียวหมางด้วยสายตาที่เปล่งประกาย
การแสดงออกของเซียวหมางพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที
ในตอนแรกเขาไม่ได้สนใจการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาอยู่ในขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ ในขณะที่เจียงวู่เฉิงเพิ่งจะอยู่ในขั้นอาณาแก่นทองคำแรกเริ่ม
แต่ในระหว่างการต่อสู้ เขาพบว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่เขาคาดคิด
"เซียวหมาง นี่คือพลังที่แท้จริงจริงของเจ้า?"เจียงวู่เฉิงถามด้วยน้ำเสียงที่ดัง"เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ สมควรที่จะได้อยู่ในอันดับที่22ของทำเนียบมังกรปฐพี แต่ข้าจะเป็นผู้ชนะและได้รับดอกบัวทมิฬไป"
อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นในทันทีหลังจากที่มีการเบิดของลำแสงสีแดงจำนวนมาก ตามมาด้วยเงาดาบของเจียงวู่เฉิง
เปลวไฟปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน
เซียวหมางกวังแกว่นดาบของเขาอย่างรวดเร็วและเปลวเพลิงก็แตกออก เมื่อเห็นแสงประกายจากดวงตาของเจียงวู่เฉิง จากนั้นแสงสลัวของดาบยักษ์ก็ถูกฟันลงมาอีกครั้ง...
แต่คราวนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปคือดาบที่ไร้รูปร่างและไม่มีความแน่นอน
การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบระหว่างแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิด แก่นแท้แห่งลม,ปฐพีและไฟที่แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจียงวู่เฉิง
"เขาแข็งแกร่งเกินไป!เขาเป็นใครกัน?ข้าไม่เคยรู้จักนักดาบที่สวมชุดคลุมสีดำ!ความแข็งแกร่งของเขามากมายถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?"
"เขาเข้าใจในแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิดในเวลาเดียวกัน!พระเจ้า!"
"แม้ว่าเซียวหมางจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังเข้าใจเพียงแค่แก่นแท้แห่งลม ขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาเข้าใจแก่นแท้ทั้งสามชนิด หากแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์ การต่อสู้ของเขาจะไร้ที่ติ"
นักรบหลายคนตกอยู่ในความหวาดกลัว
การเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้ในสายตาของพวกเขา แต่เจียงวู่เฉิงสามารถที่จะทำได้
...
ปล.วันที่12-18ไม่อยู่นะครับ ผมไปต่างประเทศ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ