บทที่ 178 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (4) [15-07-2019]
บทที่ 178 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (4)
มันใช้เวลาไม่นานนักที่ยูอิลฮานจะชินกับการล่ามอนสเตอร์พวกนี้
"ตอนนี้ฉันไม่กลัวปีศาจสั่นสะเทือนอีกต่อไปแล้ว"
[นายก็ไม่ได้กลัวมันตั้งแต่แรกแล้วนี่] (เลียร่า)
[แต่เรายังกลัวพวกมันนะ] (เอิลต้า)
"ไม่ ไม่เลย ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกว่าฉันจะแพ้อะไรก็ตามในดันเจี้ยนอีกแล้ว"
การต่อสู้กับมอนสเตอร์พวกนี้ได้กลายเป็นง่ายมากขึ้นอย่างตัวที่เขาฆ่าไปตะกี้ เขาได้ใช้แค่การโจมตีสองครั้งก็ฆ่ามันได้แล้ว แต่แน่นอนว่าการโจมตีสองครั้งนั่นก็มากพอที่จะแยกพื้นโลกออกได้แล้ว มอนสเตอร์ที่ทนกับการโจมตีแบบนี้ได้ถึงสองครั้งก็น่ากลัวมากแล้ว
นี่มันไม่ได้หมายความว่าศัตรูอ่อนแอเลย ไม่เลยสักนิด พวกมอนสเตอร์พวกนี้จะแข็งแกร่งขึ้นหากยูอิลฮานเพิ่มเลเวลขึ้นอีกด้วย ถ้างั้นก็เหลืออยู่แค่คำตอบเดียวเท่านั้น เครื่องหมายคำถามที่มีอยู่ในบันทึกที่ยูอิลฮานดูดซับมาตลอดเวลาที่ฆ่าพวกมันได้เริ่มแสดงผลออกมาแล้ว
[ฉันคิดว่าผลของบันทึที่นายดูดซับไปมันเพิ่งจะแสดงผลออกมาในตอนที่นายรู้ตัวว่าที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของโลกนะ] (เลียร่า)
"เธอพูดถูก ฉันเห็นด้วย"
[ถึงฉันจะใช้ชีวิตมาเป็นเวลานานมากๆแล้ว แต่บันทึกนภาก็ยังคงเต็มไปด้วยสิ่งที่เราไอาจจะเข้าใจได้ เราไม่เคยจะรู้ได้เลยว่าทำไมบันทึกนภาถึงไม่อาจจะดีความในบันทึกที่ยูอิลฮานได้มาในตอนนี้] (สเปียร่า)
[โลกของอิลฮานมันแปลกตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งการเชื่อมกับโลกอื่นๆ บางทีอาจจะต้องใช้เวลาในการตีความก็ได้นะ] (เอิลต้า)
มันไม่ใช่ว่าเขาเข้ามาที่นี่ด้วยวิธีปกติอยู่แล้ว นี่คือผลลัพธ์ที่แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นมาจากปรากฏการณ์ที่แปลกๆที่เกิดขึ้นมาบนโลก แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีเวลาว่างมัวไปสนใจเรียนรู้เรื่องบันทึกนภา
ยูอิลฮานได้คิดย้อนกลับไปในการต่อสู้เมื่อตะกี้นี้ การต่อสู้กับปีศาจสั่นสะเทือนที่แกร่งที่สุดและตัวใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาเคยเผชิญหน้ามา แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้เขาได้มองเห็นส่วนที่อ่อนแอในร่างกายของมันได้ในทันทีจากระยะไกล
เขาได้พุ่งตัวออกไปยิงไพท์บังเกอร์ใส่ส่วนนั้นของร่างกายของมันทันทีเพื่อที่จะสร้างความเสียหายให้มากที่สุดก่อนที่จะโจมตีซ้ำด้วยค้อนสายฟ้า จากนั้นก็เสริมด้วยประกายเพลิงที่ผ่านการผสมระหว่างเพลิงนิรันดร์ โลหิตมังกร และเสียงสะท้อนที่ผสานกับสกรูกระดูกที่ฝังอยู่ในร่างของมอนสเตอร์ การโจมตีในคราวนีไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือขุดเจาะมรณะหรือหอกมังกรแปดหางเลยสักนิด
[ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็น่าจะได้คลาส 4 มาภายในเวลา 5 ปี] (เลียร่า)
[ถึงฉันจะอยากเห็นมัน แต่ว่าลึกๆแล้วฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลย... ] (เอิลต้า)
เลียร่ากับเอิลต้าได้พูดกันด้วยความกังวลและคาดหวัง ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ส่ายหัวอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินพวกเธอคุยกัน
"ถ้าหากเป็นแบบนี้ฉันทำไม่ได้แน่"
[นายหมายความว่าไงที่ทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าค่าประสบการณ์ของนายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอยู่หรอกหรอ?] (เอิลต้า)
"แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้..."
ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมา ท้องฟ้าสีเลือดที่ส่องแสงตลอด 24 ชั่วโมงได้ย้อมใบหน้าของเขา แม้ว่ามันจะไม่มีดวงอาทิตย์อยู่เลยก็ตามที
[ถ้าเป็นนี้จะทำไม?] (เลียร่า)
"สกิลของฉันไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย..."
[อ่า...]
[หืม...]
"แค่การยิงไพท์บังเกอร์ออกไปกับหวดค้อนมันไม่ได้ทำให้สกิลของฉันพัฒนาเลย จนถึงตอนนี้ฉันได้พยายามที่จะต่อสู้ทุกแบบเพื่อที่จะพัฒนาสกิลทุกๆอย่างขึ้นมาพร้อมๆกัน"
ระหว่างที่ทูตสวรรค์กำลังตกตะลึงกับคำพูดที่ไม่น่าเชื่อของยูอิลฮานนี้ สเปียร่าที่ภายในเห็นด้วยกับเขาก็ได้พึมพัมออกมาเบาๆ
[... สะ สมแล้วที่เป็นผู้ฝึกหอกสะบั้นจักรวาล!] (สเปียร่า)
[อย่ามาทำเป็นใจเย็นนะ!] (เลียร่า)
ยูอิลฮานได้ตรวจดูค่าสเตตัสของเขาอีกครั้งหนึ่งและได้ข้อสรุปว่าเขาจะทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว มีสกิลอยู่จำนวนมากที่เขาจะต้องเชี่ยวชาญมันให้ได้ก่อนที่จะไปถึงคลาส 4 แต่ว่าหากเป็นแบบนี้จะไม่มีแม้แต่สกิลเดียวที่จะพัฒนาได้เลย
"แถมดูเหมือนฉันจะยังไปสู้กับบอสไม่ได้เลยด้วย"
เขาไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหนตั้งแต่แรก แล้วก็พวกทูตสวรรค์ก็ไม่เคยเป็นประโยชน์กับเขาในเวลาแบบนี้เสมอ
"ช่วยไม่ได้แหะ ฉันได้แต่ต้องเพิ่มจำนวนมอนเสเตอร์ที่เผชิญหน้าแล้ว"
[หืม เพิ่มจำนวน นายหมายความว่าไง?] (เลียร่า)
[เจ้าพวกมอนสเตอร์ที่น่าจะมีเลเวลมากกว่า 260 เนี้ยนะ?] (เอิลต้า)
[...ทำให้ดีที่สุดยูอิลฮาน] (สเปียร่า)
เลียร่ากับเอิลต้าได้ตัวสั่นด้วยความกลัว ส่วนสเปียร่าได้ให้กำลังใจออกมาทำให้เลียร่ากับเอิลต้าได้หันไปมองและตะโกนออกมาพร้อมๆกัน
[เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องของคนอื่นหรือไง ถ้าอิลฮานตายเราก็จะตายไปด้วยนะ! นอกไปจากนี้เมื่อไหร่ที่เธอใช้พลัง เธอจะถูกขับออกจากสวรรค์เลยนะ] (เลียร่า)
[ยูอิลฮานด้บ้าไปแล้วเพราะเขาโลภกับการพัฒนา พวกเราจะต้องหยุดเขาและทำให้เขาได้พัฒนาไปพร้อมๆกัน] (เอิลต้า)
[ถ้าเป็นยูอิลฮานฉันคิดว่ามันเป็นไปได้นะ...] (สเปียร่า)
ทูตสวรรค์ได้ตกกันไปในความสับสนหมดแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงยูอิลฮานก็ไม่ได้สนพวกเธอเลยสักนิด
"อย่างแรกฉันจะต้องเริ่มจากการโจมตีด้วยไพท์บังเกอร์เพื่อสร้างความได้เปรียบ ดังนั้นฉันจะต้องฝึกโหลดกระสุนไพท์บังเกอร์ให้เร็วขึ้น"
[นายเอาจริงงั้นหรอ!?] (เลียร่า)
"หลังจากนั้นฉันจะต้องติดกับดักไว้ด้วยแล้วก็ใช้อาร์ติแฟคที่โจมตีอัตโนมัติในตอนที่เป้าหมายเข้าม... โอโรจิ พวกเรามีวิญญาณที่มีสติปัญญามากแค่ไหน?"
วิญญาณที่มีสติปัญญาจะทำให้ควบคุมอาร์ติแฟคได้ง่ายขึ้น ในเมื่อเขาแทบจะไม่มีขีดจำกัดในการใช้สกิลการปกครองเพราะการพัฒนาของสกิลทำให้เขาไม่ต้องลังเลเลย
[กรรร.... 81 ตัว เป็นคลาส 4 แล้วก็คลาส 3 อีกมาก แต่ว่าถ้าสู้กับมอนสเตอร์พวกนั้นแค่วิญญาณมีสติปัญญาคลาส 3 ยังไม่น่าจะพอ] (โอโรจิ)
"แล้ว้วิญญาณมีสติปัญญาของพวกปีศาจล่ะ?"
[สำหรับตอนนี้มันยังยากเกินไป]
ไม่ใช่ว่าปีศาจจะไม่ทิ้งวิญญาณที่มีสติปัญญาเอาไว้เล แต่ว่าพวกมันก็เอาแต่คำรามออกมาอย่างเดียวเหมือนกับในตอนมีชีวิต ดังนั้นโอโรจิจึงไม่อาจจะฝึกจเจ้าพวกนี้ ไม่สิจริงๆแล้วแค่สู้หนึ่งต่อหนึ่งยังยากแล้วเลย
"ถ้างั้นก็ทำเท่าที่ทำได้ก่อนล่ะกัน ฉันจะทำอาติร์แฟคทที่ติดตั้งแล้วก็ถอนออกได้ง่ายล่ะกัน... ดีล่ะในตอนนี้ทำเท่าที่ทำได้ก่อน"
[แผนของเขาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เราจะทำยังไงกันดี?] (เลียร่า)
[อ่า นี่สินะราคาที่ต้องจ่ายกับการปล่อยให้เขาออกมาจากโลก ในที่สุดเราก็ต้องชดใช้แล้ว...] (เอิลต้า)
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานนาฬิการทรายที่บังเอิญใช้ได้อีกครั้งแล้วอย่างพอดี ในตอนนี้เขาก็ได้รับเวลาที่จะอยู่คนเดียวทำงานกับทั่งตีเหล็กแล้ว
เขาได้ทำการสร้างบาริสต้าที่จะทำการยิงออกไปโดยอัตโนมัติเมื่อศัตรูเข้ามาในระยะ รวมไปถึงกับระเบิด ระเบิดมือ กับดักสายฟ้าและกับดักน้ำแข็งที่จะทำหน้าที่ในการหยุดศัตรู! ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะสกิลวิศวกรรมเวทย์ของยูอิลฮานที่เพิ่มขึ้น
"โอ้ นี่มันดูตลกดีนะที่ไอเทมระดับตำนานโผล่ออกมาง่ายๆเลย"
[ทำไมถึงไม่มีไอเทมระดับมหากาพย์โผล่ออกมาสักชิ้นเลยล่ะ] (เลียร่า)
"ฉันเพิ่งจะได้มาชิ้นนึงตะกีไง เป็นกับดักที่จะทำให้พื้นที่รอบๆตกอยู่ในสายฟ้าไง แต่ว่าฉันได้เสริมออฟชั่นทำให้มันแกร่งขึ้นจากการดูดมานาของศัตรูเข้าไปด้วยนะ เฮ้ยังมีออฟชั่นสะท้อนการโจมตีด้วย แล้วก็ฉันยังคิดจะทำออฟชั่นป้องกันพันธมิตรเอาไว้ด้วยถึงมันจะฟังดูน่าเจ็บปวดที่ฉันไม่มีพรรคพวกอยู่ด้วยเลยก็ตามที"
[....] (เลียร่า)
เมื่อได้เห็นอาร์ติแฟคและกับดักระดับมหากาพย์แล้ว เธอไม่อาจจะพูดอะไรได้อีกแล้ว ความสำเร็จแห่งประวัติศาสตร์ได้เกิดขึ้นแล้วภายในดันเจี้ยนลับที่ไม่มีใครรู้เลย
เขาได้สร้างอาร์ติแฟค ฝึกหอกสะบั้นจักรวาล รวมไปถึงหอกไร้วิถีและสกิลอื่นๆด้วยทำให้เวลาสองเดือนได้ผ่านไปภายในพริบตาเดียว
ถ้าเป็นคนอื่นๆคงจะไม่พยายามยืดระยะเวลาอยู่ในคนเดียวในดันเจี้ยนแบบนี้ต่อให้มีนาฬิกาทรายแห่งการเวลา แต่ว่าสำหรับยูอิลฮานแล้วมันไม่ได้ต่างไปจากเวลาพักเที่ยงกินข้าวเลย
"ถึงจะน่าเศร้าที่ฉันเรียนหอกสะบั้นจักรวาลไม่สำเร็จ แต่ก็ไปกันเถอะ"
[โอเค ไปกันเลย!] (เลียร่า)
[รีบๆไปจบเรื่องนี้กันเลย!] (เอิลต้า)
ในช่วงเวลาสองเดือนนี้ก็ทำให้ทูตสวรรค์ได้แต่ปลง ในเมื่อพวกเธอจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเธอก็ได้แต่ยอมรับสนุกไปกับการต่อสู้! พวกเธอต้องก้าวไปข้างหน้าให้สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูง
และดังนั้นตอนนี้ก็ได้ถึงเวลาแล้ว
[กรี๊ดดดดด! อย่างที่คิดเลย ฉันทำแบบนี้ไม่ได้! พวกมันกำลังมามากกว่าสองตัวซะอีก!] (เลียร่า)
[ยูอิลฮานมันอยู่ใต้เท้านายแล้วนะ! ข้างล่างงงงงง!] (เอิลต้า)
ปลงก็บ้าแล้ว แม้แต่รถไฟเหาะที่น่ากลัวที่สุดในโลกก็ยังไม่เคยทำให้พวกเธอกรีดร้องเท่านี้มาก่อนเลย
"ฮ่าห์!"
ยูอิลฮานได้ขยับตัวตามที่ทูตสวรรค์ทั้งสองคนได้บอกเขาโดยไม่ถามอะไร
[กรรรรรรร!]
[ก๊าซซซซซซซซซซ]
เขาได้รู้ถึงเสียงของพวกมันในทันทีโดยที่ไม่ต้องหันหลังกลับไป มันได้ยิงหนวดสั่นสะเทือน ไฟ น้ำแข็งหรือสายฟ้าที่กำลังจะกลืนกินตัวเข้าไปทั้งตัวหากหลบผิดทาง
"เยี่ยม ถ้ามันไม่ตื่นเต้นแบบนี้สกิลก็ไม่พัฒนาน่ะสิ!"
[นายมันบ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้วจริงๆ!]
ยูอิลฮานได้เชี่ยวชาญการบินหลบหลีกการโจมตีของศัตรูในวินาทีสุดท้ายและหลบทั้งไฟ สายฟ้า น้ำแข็งและหนวดหมดแล้ว!
ยังไงก็ตามแม้แต่ในตอนที่กำลังหลบ เขาก็ไม่ได้ทำแค่การหลบธรรมดา ในตอนที่กำลังเขาจะปล่อยคลื่นกระแทกที่ด้านหลังก็จะมีตลับกระสุนปรากฏขึ้นมาตรงคลื่นกระแทก
"แล้วก็ยิงเลย!"
ตลับกระสุนจะต้องแตกกระจายจากคลื่นกระแทกแน่นอน ตลับกระสุนนี้ได้เต็มไปด้วยพลังที่ดูดซับเอาไว้และได้รับการเสริมขึ้นจากวัสดุที่สร้างขึ้นจากปีศาจสั่นสะเทือนทำให้มันได้ดูดแรงกระแทกทั้งหมดและส่งกระสุนออกไปทั่วทุกทิศทาง
[ติดคริติคอล!]
[กรรรร!]
[ก๊าซซซซ!]
ตลับกระสุนได้แตกระเบิดออกมาอย่างสวยงามทำให้ปีศาจต้องร้องออกมาจากความเสียหายของไอเทมที่สร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนของตัวพวกมันเอง แต่หากเป็นมอนสเตอร์คลาส 4 ในโลกภายนอกก็คงจะตายไปแล้วจากการโจมตีนี้
ยังไงก็ตามความบ้าคลั่งของยูอิลฮานไม่ได้มีแค่นี้แน่ เขาได้ล่อพวกมอนสเตอร์พวกนี้เข้ามาในระยะที่เขาได้จัดเตรียมบาริสต้าขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และใหญ่พิเศษเอาไว้แล้ว
แม้ว่าพวกปีศาจจะโดนโจมตีทั้งระเบิดขว้างและกับระเบิดอย่างไร้ปราณีมาจนถึงตอนนี้แต่พวกปีศาจก็ยังคงหน้ามืดไล่ตามยูอิลฮานอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิมซะอีก
[ก๊าซซซซซซซซซซซซซซ!]
[กรรรรรรร!]
กองทัพป้อมปืนบาริสต้าได้เริ่มยิงหอกกระดูกออกมาอย่างไร้ปรารีมาที่ศัตรูทำให้ปีศาจได้เริ่มร้องออกมา แม้ว่าพวกมันจะอยากแก้แค้นายที่ทำให้ร่างพวกมันเป็นรูยังไง แต่ว่าพวกมันก็ต้องพ่ายแพ้ไปกับทุกกลวิธีที่ชายตรงหน้าสรรหาออกมาจัดการพวกมัน
[เจ้าพวกนี้ทุกตัวโง่เง่ากันจริงๆเลยแหะ!] (เลียร่า)
[ยูอิลฮานนายมาถึงจุดที่นายยืมพลังในการปกปิดตัวตนของนายไปให้อาร์ติแฟคได้แล้วผ่านหินพลังเวทย์...] (เอิลต้า)
ยูอิลฮานได้วิ่งวุ่นไปทั่วและใช้อาร์ติแฟคทุกชนิดรวมไปถึงกับดักโจมตีศัตรู บวกกับเขายังปรับใช้การกกระโดดซ้ำๆเพื่อหลบจากสายตาพวกมันเพื่อเข้าหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการซ่อนตัวและจัดการบั่นหัวของศัตรูที่ไร้การป้องกันอย่างไร้ปราณีด้วยการโจมตีทีเผลอ
สิ่งนี้ทำให้ข้อความที่ปรากฏขึ้นมาให้ยูอิลฮานเห็นบ่อยที่สุดเลยก็คือ...
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
นี่ไม่ใช่เพราะว่าบันทึกนภาพังไปแล้ว มันก็แค่ว่ายูอิลฮานได้ใช้หอกไร้วิถีสามครั้งในการโจมตีหอกเดียว และเนื่องจากว่าการโจมตีทั้งหมดนั้นได้เกิดคริติคอลขึ้นด้วยทำให้ไม่มีพวกมันสักตัวเดียวที่สามารถจะทนได้
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 4??9??87??5??1]
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 187 พละกำลังเพิ่มขึ้น 2 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
[สกิลหอกไร้วิถีได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 68]
[สกิลกระโดดได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 96]
วัตถุประสงค์หลักของยูอิลฮานได้เป็นไปด้วยดี ตัวเขาในตอนนี้กระทั่งเลเวลเพิ่มขึ้นมาจากการล่าปีศาจพวกนี้ทั้งหมดในคราวเดียวอีกด้วย
ยูอิลฮานรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตและพลังเวทย์ที่ถูกเติมเต็มขึ้นมาและเขาได้พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม บนปลายหอกของเขาในตอนนี้ได้มีเพลิงสีขาวที่เป็นการรวมกันของเพลิงนิรันดร์กับประกายเพลิงอยู่ เพลิงนี้ได้เปล่งประกายแสงสีขาวออกมาสว่างจ้า
"พวกแกทั้งหมดน่ะ เข้ามาเลยยยยยย!"
[พวกเรา... จะยังทนได้จนยูอิลฮานคลาส 4 อยู่หรอ?] (เลียร่า)
การล่าระดับโครตๆนรกของยูอิลฮานได้เปิดม่านขึ้นมาแล้ว
...เปิดขึ้นโดยที่ไม่รู้เลยแม้แต่นิดถึงสิ่งที่ผู้คนบนโลกในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่