DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 58
ตอนที่ 58
“คุณหมายถึงทำงานเป็นทีมน่ะเหรอ?!”
เย่ซวงถามด้วยความลังเล แต่หันชูกลับยอมรับได้อย่างเกินความคาดหมาย เพียงแค่ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเข้าสู่โหมดที่เย่ซวงไม่เคยคิดมาก่อน “มีสมาชิกกี่คน?! แต่ละคนมีความถนัดอะไรเป็นพิเศษบ้าง?”
ที่แท้ก็มีการทำงานเป็นทีมอยู่...เย่ซวงทอดถอนใจ แอบนับถืออยู่เงียบๆ ว่าธุรกิจเฮดฮันเตอร์นั้นลึกซึ้งเกินคาดเดา “...ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือคนรับภารกิจยังมีแค่คนเดียว แต่แค่บางครั้งฉันมีธุระ ระหว่างการทำงานอาจจะให้อีกคนหนึ่งมาช่วยจัดการแทน...เอ่อ คุณดูค่อนข้างลำบากใจนะคะ?!”
“เอกสารแบบทีมจะป้อนข้อมูลยากกว่าแบบบุคคลหน่อย แต่อย่างที่คุณบอกก็ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้ไปเสียทั้งหมด” หันชูถอนหายใจ เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่ตกปากรับคำฟางม่อไปเสียแล้ว
หันชูมีเพื่อนที่ยอมรับแค่ไม่กี่คน และฟางม่อเองก็ไม่ค่อยจะได้คุยกับเขา ถ้าปฏิเสธไปคงเป็นการทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าและทำลายความเป็นเพื่อนกัน...แต่หันชูไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่รับมาจะมีเงื่อนไขข้อจำกัดแบบนี้อยู่ เมื่อถอนหายใจแล้ว หันชูก็กลับไปดูข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์ม พร้อมกับเอ่ยถาม “เท่าที่ผมเข้าใจคือ คุณหมายความว่าจะทำเป็นทีมสองคน แต่ยังคงรับงานแค่คนเดียว? มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอะไรไหม?”
ตามความเคยชินและการทำงานเป็นเฮดฮันเตอร์ของหันชู ไม่ว่าลูกค้าหรือบุคลากรที่สต๊อกไว้จะมีความต้องการอะไร ล้วนแต่ไม่อยู่ในการพิจารณาของเขา ที่เขาต้องพิจารณามีเพียงสองเรื่องเท่านั้น หนึ่งคือขอบเขตการว่าจ้างที่เหมาะสมของบุคลากร สองคือโอกาสการทำภารกิจสำเร็จลุล่วง...ยิ่งบุคลากรระดับสูงก็ยิ่งมีความต้องการและข้อจำกัดเยอะ คนเหล่านี้ถึงขั้นสามารถรับหรือปฏิเสธการว่าจ้างจากองค์กรตามความชอบของตนได้
การชอบทำงานเป็นทีมไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เช่นอย่างที่เย่ซวงบอก คือการรวมกลุ่มสองคนเพื่อทำภารกิจหนึ่งให้สำเร็จ ในมือของหันชูยังมีคู่พี่น้องแฮกเกอร์อยู่คู่หนึ่ง...เรื่องนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่คนสองคนยังไงก็แตกต่าง ไม่ใช่คนเดียวกัน เวลารับงานจึงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดช่องโหว่ได้ อย่างน้อยความสามารถส่วนบุคคลก็ไม่เท่ากัน ความถนัดก็แตกต่างกัน ดังนั้นการควบคุมจึงไม่ดีเหมือนทำคนเดียว...ถ้าเป็นทีมใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
...หลังจากได้รู้จากปากเย่ซวงแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีรีเควสอะไรกับการรับงาน ความอัดอั้นตันใจของหันชูก็ถึงได้ดีขึ้นบ้าง เขาก้มดูแบบฟอร์ม ในนั้นยังไม่ได้กรอกแนวโน้มภารกิจที่จะรับ แต่ด้านความถนัดมันค่อนข้างจะ...
“ต่อสู้ ทำอาหาร ความจำ ขับรถ ภาษาต่างประเทศ...” อ่านไปหันชูก็รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากอ่านจบ กดบันทึกไฟล์ ปิดโน้ตบุ๊กแล้วก็ได้แต่ยกมือนวดหว่างคิ้ว เงียบไปครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยปาก “ผมว่าเราคงเข้าใจอะไรกันผิด ตอนแรกฟางม่อบอกผมว่าคุณเป็นบุคลากรมีความสามารถที่หาได้ยาก...” แต่ดูจากความถนัดที่กรอกในเอกสารแล้วนี่มันอะไรกัน?!
อันดับแรกเลย ทักษะความถนัดไม่ได้เอนเอียงไปทางไหนเลย รายละเอียดที่กรอกก็คลุมเครือ เช่น ต่อสู้ แชมป์มวยโลกก็เรียกต่อสู้ ผู้หญิงสองคนตบตีกระชากผมริมถนนก็เรียกต่อสู้...ปัญหาคือคุณอยู่ระดับไหน?! อย่างน้อยก็ควรจะระบุศิลปะการต่อสู้ที่ถนัดบ้าง!
หันชูรู้สึกหมดแรงจริงๆ
เย่ซวงยิ้มเขิน “จริงๆ ฉันคิดว่าตัวเองยังสามารถพัฒนาศักยภาพได้อีกมาก แต่ประเด็นคือตอนนี้ไม่มีเวลาสอบใบรับรอง และไม่มีโอกาสได้พิสูจน์...”
เช่นการเลือกม้าครั้งนี้ จริงๆ เธอไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้ แต่ถ้าอาศัยความรู้ที่ถ่ายทอดทางยีน ผ่านการวิเคราะห์โครงสร้างของสิ่งมีชีวิต เธอก็สามารถทำงานประเภทนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้...พูดอีกอย่างก็คือ ในด้านทฤษฎี เย่ซวงมีความรู้สะสมไว้อย่างเพียงพอ แต่เธอกลับไม่รู้ว่าบนดาวเคราะห์ดวงนี้ สามารถแสดงออกไปเป็นทักษะในด้านใดได้
บวกกับปัญหาการปฏิบัติจริงและประสบการณ์แล้ว ทำให้ตอนนี้เย่ซวงอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“คำว่า ‘คิดว่า’ มันไม่มีความหมาย” หันชูขมวดคิ้ว “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน สถานการณ์ของคุณไม่มีใครสามารถรับประกันได้ แต่ผมต้องให้เกียรติฟางม่อ เท่าที่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ผมคงได้แค่จัดงานประเภทผู้ช่วยระดับ C ให้คุณ แต่ถ้าลูกค้าไม่พอใจ ผมก็จะเอาภารกิจของคุณโอนให้คนอื่นจัดการแทน และคุณก็จะไม่ได้ค่าตอบแทน แบบนี้ตกลงไหม?”
ภารกิจที่อยู่ในระดับสูงเกินไปหรือเป็นมืออาชีพเกินไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำไม่สำเร็จ และงานประเภทผู้ช่วยก็ไม่ได้สำคัญหรือเร่งด่วนอะไรมาก ถึงแม้จะมีปัญหา เขาก็สามารถส่งคนไปช่วยเสริมได้...ถือเป็นการให้เกียรติฟางม่อ ให้เพื่อนของอีกฝ่ายได้เล่นสนุก ถึงตอนนั้นถ้าไม่ไหว หันชูค่อยยกเรื่องปฏิเสธมาพูดก็ไม่ได้หนักหนาอะไร
“ไม่มีปัญหาค่ะ!” เย่ซวงพยักหน้าสบายๆ ยังไงตอนนี้แค่มีงานทำก็พอแล้ว
หันชูไม่ได้ขมวดคิ้วแน่นเหมือนเดิม เขาแอบถอนหายใจในใจ ผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้เอกสารหมายเหตุไม่ชัดเจน ดูแล้วยังคาใจในระดับความสามารถ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าฟังที่พูด ไม่ได้อาศัยความสนิทสนมกับฟางม่อมาทะนงตัว “ภารกิจระดับ C มีทั้งแบบเดี่ยวและแบบหลายคน จากคุณสมบัติและประสบการณ์ของคุณแล้ว เริ่มแรกผมจะให้คุณร่วมงานทำภารกิจกับคนอื่นก่อน...พูดง่ายๆ ก็คือ ผมจะจัดคุณเข้าไปในทีม และค่าตอบแทนก็ต้องแบ่งเท่าๆ กันกับคนอื่น”
เย่ซวงยังคงไม่ได้ออกความเห็นอะไร
หันชูพอใจแล้ว ก็เปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ปรับแก้เอกสาร อ่านทวนนิดหน่อย แล้วใส่หมายเหตุก่อนปิดบันทึกเข้าฐานข้อมูล กดปิดโน้ตบุ๊ก แล้วลุกขึ้นยืน “อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ เอกสารส่วนบุคคลจะมีการอัปเดตบันทึกใหม่ทุกสามเดือน บางครั้งอาจต้องใช้ผลการตรวจสุขภาพหรือทดสอบอะไร คุณควรบันทึกไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้ถึงเวลาผมโทรหาแล้วไม่สะดวก...โอเค ถ้าไม่มีปัญหาแล้ว ผมจะพาคุณไปพบนายจ้าง!”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?!” เย่ซวงแปลกใจ
หันชูยืนอยู่ข้างโซฟา ในมือถือกระเป๋า หลุบตาลงมอง “นี่ไม่ถือว่าเร็ว นายจ้างอยู่ที่นี่พอดี ก็ถือโอกาสจัดการให้เรียบร้อยเลย...แต่เขาอาจจะไม่ใช้งานคุณก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องรอจัดงานอื่นให้คุณคราวหน้า”
เย่ซวงลุกขึ้นตาม “โอเคค่ะ งั้นขอถามได้ไหมคะ หรือว่านายจ้างเป็นคนในกลุ่มเมืองหลวงนั่นเหรอคะ?!”
“ก็นับว่าใช่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณชายฟางที่แต่งงานมาอยู่ที่นี่ เมื่อไม่นานมานี้ย้ายออกจากบ้านสามีเก่าเพราะมีการฟ้องหย่า เพราะอย่างนั้นก็เลยต้องการผู้ช่วย แม่ครัวส่วนตัว บอดี้การ์ดกับทนายความ...” หันชูเดินไปพลางพูดไปพลาง “คุณน่าจะเคยได้ยิน เพราะบางครั้งก็มีรายงานข่าวทางทีวีกับหนังสือพิมพ์ ฝ่ายนั้นแซ่เฉิน สามีชื่อเฉินเหอ คุณนายเฉินชื่ออันจื่อหนิง”
">“...” บังเอิญจริงๆ แบบนี้ไม่เท่ากับว่าส่งตัวเองเข้าบ้านสาวคนนั้นหรอกเหรอ...
สามารถติดตามอ่านตอนต่อไปได้ที่ หอหมื่นอักษร