ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 56
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 58

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 57


ตอนที่ 57

โดยทั่วไปแล้วหันชูถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงคนเมืองหลวง

ชื่อเสียงในที่นี้ไม่ใช่เพราะความขัดต่อหลักสัจธรรมของเขา แต่เพราะทุกคนค่อยๆ ค้นพบว่าอุตสาหกรรมเฮดฮันเตอร์ที่อีกฝ่ายเลือกนั้นค่อนข้างน่าสนใจ หากมีเรื่องที่จัดการยาก แต่ไม่ด่วนมากขนาดนั้น แค่ไปเสนอราคาให้หันชู ฝ่ายนั้นก็จะจัดหาคนที่เหมาะสมมาจัดการให้ อีกทั้งความพอใจในภารกิจก็สูงถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์...แต่โชคไม่ดีที่คราวนี้คุณชายฟางอยู่ในห้าเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ

“หันชู!!” ในตอนที่คุณชายฟางเดินเข้ามา เขาก็ใช้เสียงต่ำจนแทบจะเป็นเสียงลอดไรฟันพูดขึ้นมา

พอเห็นสาวๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังรอตนเดินเข้าไปให้เยาะเย้ย คุณชายฟางก็รู้สึกเหมือนชีวิตมืดมน “คุณบอกว่าชาวต่างชาติคนนี้เป็นนักขี่ม้าที่เก่งที่สุดไม่ใช่เหรอ?”

“เขาเก่งที่สุดครับ และรับรองว่าเป็นมืออาชีพด้วย” หันชูเหลือบมองคุณชายฟาง ไม่ได้สนใจเย่ซวงที่ยืนฟังบทสนทนาอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่อินังขังขอบ “ประสบการณ์ การขี่ม้า การกระโดดข้ามรั้วและผลการทดสอบการแข่งขันของออร์เซอร์อยู่ในระดับแนวหน้ามาตลอด เคยเข้าร่วมการเดิมพันและการแข่งม้าเร็วระดับนานาชาติและได้แชมป์มาหลายครั้ง...ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงสองสามปีนี้เตรียมที่จะวางมือ ดูจากฐานะและตารางงานที่เต็มตลอด เดิมทีคงไม่สามารถหาเวลามารับงานส่วนตัวของคุณได้หรอกครับ”

คุณชายฟางฟังไม่เข้าใจ และไม่สนด้วยว่าประสบการณ์หรือคุณสมบัติจะดูเปล่งประกายแค่ไหน สิ่งที่เขาสนใจที่สุดก็คือ “ทำไมคราวนี้ถึงได้แพ้?!”

หันชูปรายตามองเย่ซวงที่ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนด้วยความเจ็บใจ ก่อนหันมาแล้วถอนหายใจ “ต้องถูกจังหวะและต้องมีดวงด้วย”

“...” ให้ตาย! ฟังไม่เข้าใจเลย!

คุณชายฟางขบฟันแน่น กำลังเตรียมจะจี้ถามต่อ แต่ในตอนนั้นเอง หรวนหร่วนที่กำลังยินดีกับชัยชนะก็วิ่งเข้ามา เธอตื่นเต้นจนใบหน้ารูปไข่เห่อแดง ดวงตาเป็นประกาย เชิดคางขึ้นด้วยความอวดดีในยามที่ประกาศบอก “ฉันชนะแล้ว!”

คุณชายฟางชะงักกึก ท่าทางตื่นเต้นจนโอเวอร์ของสัตว์ตัวน้อยทำเอาลืมความโมโหเมื่อครู่ไปวูบหนึ่ง “เอ่อ...อืม ผมยอมแพ้”

“จ่ายมา!” หรวนหร่วนเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย เธอจึงแบมือออกมาตรงหน้าคุณชายฟางอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “หนึ่งหมื่นหยวนตามที่คุยกันไว้!”

เย่ซวงที่ค่าตัวสี่หมื่นเงียบไป แม้แต่หันชูที่รู้เรื่องการวางเดิมพันของคุณชายฟางมาตั้งแต่แรกยังทำหน้าแปลกๆ

...มองอีกแง่หนึ่ง คนที่ยอมควักเงินหลายหมื่นเพียงเพื่อเงินวางเดิมพันหมื่นเดียวนี่ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ ...

เมื่อมองคุณชายฟางนับเงินเดิมพันให้หรวนหร่วน บวกกับเงินที่หรวนหร่วนต้องให้ตนอีกสามหมื่น ทำให้ตอนที่เย่ซวงรับค่าตอบแทนมา ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตนควรจะทำหน้ายังไง

โลกของคนรวยไม่ใช่โลกที่เธอจะเข้าใจได้เลยจริงๆ

ในขณะเดียวกันนักขี่ม้าชาวต่างชาติที่ยังไม่เข้าใจและกำลังเป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักของตัวเองก็ถูกเรียกมาด้วยเช่นกัน การแลกเปลี่ยนหลังจากนี้ของทีมเมืองหลวงและทีมท้องถิ่นก็เป็นเรื่องของพวกเขาเองแล้ว หันชูพาเย่ซวงกับออร์เซอร์นักขี่ม้าไปที่อีกทางหนึ่งเพื่อไปเอากระเป๋าที่ตัวเองวางไว้ จากนั้นก็เอาโน้ตบุ๊กออกมาแล้วเริ่มบันทึกข้อมูล “พวกคุณก็นั่ง...จริงสิ ออร์เซอร์ ผมขอแนะนำ นี่เป็นว่าที่เพื่อนร่วมงานอีกคน ถ้ามีโอกาสพวกคุณก็จะได้เข้าร่วมการแข่งขันด้วยกัน”

การแข่งขันกว่าครึ่งจะเป็นคู่ชายหญิง เบื้องต้นคือหันชูรู้ว่าเย่ซวงมีทักษะในการฝึกม้า การที่หันชูพูดแบบนี้ออกไปก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล แต่น่าเสียดายที่ออร์เซอร์ไม่ได้สนใจเย่ซวงสักเท่าไร เดิมทีในสนามการแข่งม้านานาชาติก็ไม่ค่อยปรากฏคนหน้าตาไปทางตะวันออกสักเท่าไร พอมีขึ้นมาบ้างก็ยิ่งสะดุดตา ด้วยประสบการณ์และคุณวุฒิของเขา ในเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจอะไรมาก การแข่งม้าไม่ใช่แค่มีใบรับรองแล้วก็จะเข้ามาในวงการได้ตามใจชอบ หากอยากติดอันดับ ก็ต้องมีม้าดีๆ เป็นของตัวเอง

ออร์เซอร์ที่กำลังร้อนใจในตอนนี้สนใจลูกรักของตนเองมากกว่า “หัน ผมต้องไปดูว่าโรสสุดที่รักของผมเป็นอะไร เดี๋ยวผมค่อยมาอธิบายกับคุณทีหลังได้ไหม การแพ้ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน!”

หันชูเองก็ไม่อยากเปิดเผยความผิดของเย่ซวง เขาจึงพยักหน้ารับแล้วปล่อยไป ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่ได้ยินจากเย่ซวงมาก่อนหน้านี้เลยสักคำ “ผมเชื่อในความสามารถของคุณ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ภารกิจต่อไปค่าจ้างต้องลดลงหนึ่งส่วนห้าตกลงไหม? ส่วนค่านายหน้าของผมก็จะไม่เอาเยอะหรอกนะ”

ออร์เซอร์พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผละออกไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เย่ซวงมองตาม จากนั้นถึงได้หันมาแล้วนั่งลงตรงข้ามหันชูอย่างไม่เกรงใจ “หมายความว่าคุณบันทึกฉันลงในรายชื่อแล้วใช่ไหม?”

“บันทึกแล้ว!” หันชูปรับแก้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปปรับหน้าข้อมูลในโน้ตบุ๊ก บอกเป็นนัยว่ารับเย่ซวงแล้ว “คุณกรอกรายละเอียดแบบฟอร์มข้อมูลส่วนตัว ช่องทางการติดต่อ แล้วก็ความถนัดกับแนวโน้มในการรับภารกิจ...ผมจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพของเราให้ฟังไปด้วย”

“คุณน่าจะพอเข้าใจอาชีพเฮดฮันเตอร์แบบคร่าวๆ แล้ว แต่เฮดฮันเตอร์ส่วนตัวกับแบบทางการมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย” หันชูอาศัยจังหวะที่เย่ซวงกรอกแบบฟอร์มล้วงเอาขวดเครื่องดื่มออกมาจากกระเป๋าแล้วเปิดฝาดื่ม ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “เฮดฮันเตอร์แบบเป็นทางการคือเราแค่ส่งคนที่มีความสามารถตามที่องค์กรต้องการไปแล้วก็รับค่าแนะนำ แต่สำหรับฝ่ายคนที่มีความสามารถเองจะไม่ต้องจ่ายค่านายหน้าอะไร แต่เฮดฮันเตอร์แบบส่วนตัว อย่างเช่นผม ทุกครั้งเวลาที่ได้รับและประกาศรายการหนึ่ง ก็จะได้หักเปอร์เซ็นต์ค่านายหน้าทั้งจากผู้ว่าจ้างและผู้ถูกว่าจ้าง สัดส่วนการหักเปอร์เซ็นต์จะคำนวณจากระดับของภารกิจ เช่นภารกิจระดับ C ผมก็จะหักเปอร์เซ็นต์จากค่าตอบแทนของคุณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ระดับ B ก็สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ระดับ A ก็สิบเปอร์เซ็นต์...สูงสุดไม่เกินสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องห่วง ปกติการหักเปอร์เซ็นต์สูงๆ ส่วนมากจะเป็นคนฝึกงานระดับ F ในเมื่อผมรับปากแล้วว่าคุณชนะการแข่งขัน จะให้เริ่มเลือกภารกิจได้จากระดับ C ก็คำไหนคำนั้น”

เย่ซวงพอใจกับผลนี้มาก แต่ยังมีปัญหาสำคัญที่ไม่ถามไม่ได้ “ถ้ามีอีกคนที่ร่วมรับและทำภารกิจกับฉัน แบบนี้จะรับได้ไหม?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด