DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 56
ตอนที่ 56
“หือ? เด็กดีทำไมอยู่ๆ ถึงได้เงียบไปล่ะ?”
“โรสคนสวย บอกพ่อมาเร็วว่าเป็นอะไรไป เมื่อกี้ยังอยากวิ่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?!”
“พระเจ้า คงไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็ป่วยขึ้นมาใช่ไหมสาวน้อย...”
นักขี่ม้าชาวต่างชาติพบความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ม้าตัวที่ตนขี่อยู่ จากที่คึกคักก็เปลี่ยนเป็นเซื่องซึม แตกต่างจากตอนแรกอย่างชัดเจน ความผิดปกตินี้ทำให้นักขี่ม้าชาวต่างชาติถามด้วยความร้อนใจและเป็นห่วง จนแทบจะไม่สนใจการแข่งขัน กระทั่งเด็กหนุ่มที่กระตือรือร้นก็อดหันไปมองค้างไม่ได้
เย่ซวงไม่อยากจะสนใจสาวน้อยพันธุ์เธอร์โรเบรตที่ทำให้ตัวเองเสียความรู้สึก เมื่อมองอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปลูบเจ้าม้าโง่ของฝ่ายตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา “ดีๆ นะเจ้าดำ พยายามเข้าล่ะ ยังไงก็ต้องชนะให้ได้!”
ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ไอคิวของม้าถือว่าใช้ได้ โดยพื้นฐานแล้วเหมือนเด็กอายุประมาณสองสามขวบ นั่นหมายความว่าพวกมันตัดสินอะไรที่ซับซ้อนเกินไปไม่ได้ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกมันเฉียบแหลมมาก
แม้เย่ซวงจะมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่กลับไม่ได้มีออร่าเหนือมนุษย์หรือท่าทางดุร้ายเหี้ยมโหดอะไรพวกนั้น บวกกับน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรในตอนนี้ ทำให้เจ้าม้าโง่ไม่รู้สึกเหมือนกำลังถูกข่มขู่ จึงขยับหัวคลอเคลียที่ฝ่ามือไปสองที...
ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด แต่ผมเป็นเด็กดีนะ
…ส่วนสาวน้อยโรสนั้นแตกต่างออกไป ความกลัวจากการถูกข่มขู่เมื่อครู่ยังไม่จางหาย ความทรงจำภาพที่รั้วเหล็กปลิวลอยไป ทำให้มันไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมม้าตัวอื่นถึงเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายนี้ได้อย่างสงบ...
ไม่จริง! จะต้องซ่อนพลังเอาไว้เป็นแน่!
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้สาวสวยพันธุ์เธอร์โรเบรตรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองอยู่ในอันตรายตลอดเวลา และส่งผลให้ในการแข่งขัน มันไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่เหมือนทุกที...มันรักษาท่าทีไปได้สามสิบเมตรก็ต้องหันกลับไปมอง จากนั้นฝีเท้าก็เริ่มยุ่งเหยิง หลังจากวิ่งสุดกำลังในตอนเริ่มการแข่งขัน มันก็เอาแต่สนใจเย่ซวงที่ยิ้มตาหยีอยู่ในกลุ่มผู้ชมด้านนอก กลัวมากว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายจะทำอะไรเหมือนที่ทำกับคอกม้าก่อนหน้านี้...
...ไม่นานเจ้าม้าโง่ที่ตั้งอกตั้งใจวิ่งสุดกำลัง ก็วิ่งแซงสาวสวยพันธุ์เธอร์โรเบรตที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปได้
บรรดาผู้ชมต่างตกตะลึงชะงักค้างไป พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แม้กระทั่งแชมป์จังหวัดที่กำลังจะได้รับชัยชนะก็ยังเบลอๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ
นักขี่ม้าชาวต่างชาติที่ไม่อยากจะยอมรับผลก็แทบจะล้มทั้งยืน “โรส?! คนสวยของพ่อ เป็นอะไรไป?”
โรส “...” ช่วยคิดถึงจิตใจของฉันด้วย QAQ...
......
หลังจากเจ้าม้าโง่ขึ้นนำไปครึ่งรอบจนเข้าเส้นชัยก็ได้ยินทั้งเสียงตกใจและเสียงดีใจของหรวนหร่วนที่ดังอยู่ไม่ไกล เย่ซวงที่จับจ้องสาวสวยพันธุ์เธอร์โรเบรตอยู่นานถึงได้ละสายตาไป แล้วยกมือลูบปลายคาง...เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ แต่ยังไงก็ถือว่าใช้ได้?!
“จุ๊ๆ! คุณทำอะไรม้าตัวนั้น?!”
อยู่ๆ ข้างกายเย่ซวงก็มีเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น
เสียงนี้ฟังคุ้นหู ถึงแม้ก่อนหน้านี้ในโทรศัพท์จะไม่เหมือนจริงไปบ้างเพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่ยังไงระยะเวลาก็ห่างกันไม่นาน เพราะอย่างนั้นเย่ซวงจึงยังพอจำได้
เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นหนุ่มหล่อในเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมคอสองเม็ดที่ดูอายุน้อยกว่าที่คิดไว้ ในท่าที่ข้อศอกทั้งสองยันอยู่ที่รั้วข้างสนาม ยืนอยู่ไม่ห่างจากเย่ซวงและกำลังมองตรงมา
พอเห็นเย่ซวงหันกลับมาเห็นตัวเองแล้ว หนุ่มหล่อก็ยืดตัวตรง แล้วเลิกคิ้วถามต่อด้วยความสนใจ “โรสเป็นม้าพันธุ์เธอร์โรเบรตของแท้ที่มีใบรับรอง ต้นตระกูลไล่ย้อนขึ้นไปเป็นสองสายคือ ดาร์ลี่ อารเบียน กับ ก็อดโดฟิน อารเบียน ด้วยประสิทธิภาพของมัน ทำให้สามารถชิงตำแหน่งแชมป์ในการแข่งขันระดับนานาชาติมาได้ ส่วนตัวนักขี่ม้าเองยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นนักขี่ม้าที่ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วนเลยล่ะ...ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายฟางอยากได้หน้าต่อหน้าสาว สนามแข่งเล็กๆ แบบนี้คงไม่ถึงกับต้องเชิญดาวเด่นมาหรอก...”
ที่น่าอึดอัดกว่านั้นก็คือ ถึงแม้จะยอมมาแข่งสนามเล็กๆ ทั้งที่ตนมีชื่อเสียง แต่กลับพ่ายแพ้ สุดท้ายถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คนที่รักการแข่งม้าเกินกว่าครึ่งคงต้องล้มทั้งยืนแน่ๆ
เรื่องที่คุณชายฟางเสียหน้าไม่ต้องพูดถึง แม้แต่นักขี่ม้าเองก็ยังเสียชื่อเสียงไม่น้อย คาดว่าถ้าคนอื่นรู้เรื่องวันนี้เข้า ตำแหน่งระดับสูงของเขาคงต้องตกลงหนึ่งในสามเป็นแน่
เย่ซวงฟังแล้วก็หัวเราะ “หันชู?”
หนุ่มหล่อนามว่าหันชูพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือขวาออกไปจับมือกับเย่ซวง “สวัสดีครับ ผมอยากรู้ว่าคุณใช้วิธีพิเศษอะไรเพื่อเอาชนะการแข่งขันหรือเปล่า...วางใจได้ ถึงแม้นักขี่ม้าจะเป็นคนมีความสามารถที่ผมพามาเพื่อคุณชายฟาง แต่การแพ้ชนะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเฮดฮันเตอร์อยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นผมจึงไม่ได้จะมาคิดบัญชีอะไรกับคุณ แค่สงสัยในความสามารถและระดับการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ของคุณเท่านั้นเอง”
นี่กำลังขู่ให้กลัวหรือยังไง?!
เย่ซวงคิดอยากจริงจัง “จริงๆ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนแรกฉันคิดว่าม้าตัวนั้นปล่อยให้แขกขี่ได้ ได้ยินว่ามันเจ้าอารมณ์ก็เลยฝึกให้เชื่อง แต่สุดท้ายพอเชื่องแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นม้าที่คู่แข่งใช้แข่ง...”
เพราะแบบนั้นพอเธอมายืนอีกฝั่ง ก็เลยกลายเป็นการสยบมันไปในตัว และสุดท้ายก็ได้รับชัยชนะมาแบบคาดไม่ถึง
หันชูได้ยินแบบนั้นก็เกิดความสนใจ “คุณฝึกม้าเป็นด้วยเหรอ?”
ถามจบยังไม่ทันที่เย่ซวงจะได้ตอบอะไร หรวนหร่วนที่กำลังตื่นเต้นก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความยินดี เธอกอดเย่ซวงพลางยิ้มกว้าง “ฮ่าๆ ๆ ๆ ชนะจริงๆ ด้วย! ดูสิว่าคนพวกนั้นจะยังกล้าดูถูกที่เล็กๆ ของเราอยู่ไหม...”
สถานการณ์ทั้งหมดทำให้ความดีใจของหรวนหร่วนเกินขีดจำกัด ถ้าจะดีใจจนหลงระเริงก็พอเข้าใจได้
สาวสวยคนอื่นๆ เองก็ค่อยๆ เข้ามารุมล้อม คล้ายกับอยากจะดูคนจากเมืองหลวงเสียหน้า
พอหันชูเห็นว่าข้างกายเย่ซวงมีสาวๆ รุมล้อมมากมายก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาคุยกัน เขาจึงพยักหน้า บอกให้รู้ว่าไว้ค่อยคุยกันใหม่ ก่อนหันเดินกลับไปหากลุ่มคุณชายฟางที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร...