ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 52
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 54

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 53


ตอนที่ 53

ครูฝึกม้าตกใจกับภาพตรงหน้าจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น

ในสนามม้าไม่ใช่ว่าไม่มีม้าอารมณ์รุนแรง แต่ปกติม้าจะต้องได้รับการฝึกก่อนถึงจะจูงออกมาให้บรรดาแขกได้ขี่ ถ้าเป็นม้าที่พื้นฐานไม่เชื่อง ก็จะมีครูฝึกม้าคอยช่วยอยู่ข้างๆ หนึ่งเพื่อปลอบม้าตลอด สองเพื่อสะดวกต่อการอธิบายและให้คำแนะนำแขก...ถ้าไม่ใช่มืออาชีพก็อย่ามายุ่งกับม้าแบบนี้ดีกว่า ข้างๆ ยังมีม้าตัวน้อยอารมณ์ดีให้คุณเลือกเปลี่ยนตัว?!

เหตุการณ์วันนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ หนึ่งคือครูฝึกม้าเจอม้าชั้นเลิศเข้าและกำลังอยากหาใครสักคนหนึ่งมาคุยแบ่งปันเรื่องราวกัน เพราะอย่างนั้นเย่ซวงที่เมื่อครู่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เลยไม่ได้ถูกกันออกไป สองคือม้าเพิ่งมาได้ไม่นาน ยังปรับตัวกับสภาพแวดล้อมไม่ได้ เพราะความไม่คุ้นเคยจึงเลยทำให้หงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ เมื่อเห็นคนที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกกล้ามาขี่ตัวเอง มันถึงได้โมโหวิ่งออกไปยังไงล่ะ...

วูบหนึ่งที่ยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้ ครูฝึกม้าก็รู้สึกว่าตัวเองคงจะได้เห็นสาวสวยโดนเตะจนกระอักเลือดแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าสาวสวยจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่เร็วมาก ใช้สองเท้าหลบเลี่ยงได้อย่างสงบราวกับลมพัดเมฆสีขาวลอยล่องบนฟ้า

ตามมาด้วยเสียงกระทืบหนักๆ ลงกับพื้น ครูฝึกม้าเห็นกีบเท้าม้ากระทืบอยู่ตรงหน้าของเย่ซวงอย่างแรง ลงกับพื้นปูนด้านนอกรั้ว

ม้าที่กำลังโมโหกระทืบเท้าลง ในขณะที่มันพ่นลมออกจากจมูก กำลังจะยกเท้าขึ้นเตะ ในที่สุดครูฝึกม้าก็ได้สติ รีบเข้าไปดึงเชือกเอาไว้ แล้วพาม้ากลับเข้าไปในคอก ในขณะที่ปิดรั้วเหล็กก็ยังไม่ลืมหันมากำชับเย่ซวง “อย่าเข้าใกล้มันอีกนะครับ ม้าตัวนี้ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ อย่าไปยั่วให้มันโมโห!”

ที่แท้ก็เจ้าอารมณ์นี่เอง...เย่ซวงหรี่ตาลงแล้วฉีกยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เข้าใกล้มันหรอก” ให้ตายสิ! เตะคนไม่สำเร็จแล้วยังกล้าอาละวาดอีกเหรอ?!

เย่ซวงเดินวนรอบๆ คอกม้า จากนั้นถึงได้มาจดจ่ออยู่กับม้าตรงหน้า

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าม้าที่มีชื่อในการแข่งขันระดับนานาชาติจะมีนิสัยยังไง แต่ถ้าดูจากสภาพร่างกายล่ะก็ ม้าหัวรุนแรงตรงหน้านี้ก็น่าจะไม่ได้แย่อะไรมาก...ถ้ามันยอมเชื่อฟังน่ะนะ

ดูเหมือนครูฝึกม้าคนนี้จะรับผิดชอบแค่งานเล็กๆ น้อยๆ เช่นพวกให้อาหาร หรือแปรงขนอะไรประเภทนี้ ก็เหมือนแค่ทำงานเป็นผู้ช่วยเท่านั้น เมื่อเห็นม้าหัวรุนแรงยังคงกระทืบเท้าเดินไปรอบๆ คอกด้วยความหงุดหงิด แถมบางครั้งยังสะบัดคอพ่นลมออกจากจมูก ครูฝึกม้าที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ก็ทำอะไรไม่ถูก “คุณไปดูที่คอกอื่นเถอะครับ อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้เลย เดี๋ยวผมจะไปตามคนดูแลมันมา”

“ค่ะ” เย่ซวงเองก็ไม่ได้ตอบโต้ เดินตามอีกฝ่ายออกมาข้างนอกพลางเอ่ยปากถาม “ยังมีคนอื่นดูแลม้าตัวนี้อีกเหรอคะ?”

“ครับ เขารับผิดชอบม้าตัวนี้โดยเฉพาะ” คนฝึกม้ารีบให้เย่ซวงเดินออกไปข้างนอก “แต่ตำแหน่งเขาค่อนข้างใหญ่ พวกงานยิบย่อยก็เลยให้ผมเป็นคนรับผิดชอบ...คุณห้ามเข้าไปใกล้ทางนั้นเด็ดขาดเลยนะครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นใครก็ช่วยไม่ได้นะครับ!” หลังจากเดินออกมาที่ลานเล็กๆ แล้ว คนฝึกม้าก็กำชับทิ้งท้ายอีกครั้ง ก่อนจะรีบร้อนวิ่งออกไป ดูท่าว่าน่าจะไปหาคนฝึกม้าชื่อดังในตำนานมาจัดการ

เย่ซวงเดินเอ้อระเหยไปรอบๆ หลังจากหันหน้าหันหลังจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เธอถึงได้เดินกลับเข้าไปหน้าคอกม้านั้น แล้วโบกมือทักทายม้าหัวรุนแรงที่เพิ่งจะสงบไป “ฮาย~”

ม้าหัวรุนแรงโมโหแล้ว โมโหสุดๆ แล้ว

ผู้หญิงน่ารำคาญที่อยากจะขี่ตนเมื่อกี้กลับมาอีกแล้ว อารมณ์ที่สงบไปแล้วพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว กีบเท้ากระทืบอยู่กับที่ด้วยความกระสับกระส่าย บางครั้งยังเตะประตูเหล็กข้างหน้า เหมือนกับอยากจะออกมายังไงอย่างนั้น

พลังมหาศาลกับเสียงดังๆ ที่น่าตกใจ บวกกับท่าทางโมโหร้ายของม้าหัวรุนแรงแล้ว ก็พอที่จะทำให้แขกขี้ขลาดหลายคนถึงกับถอยหนี...ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าประตูเหล็กนี้ไม่สามารถถูกม้าเตะพังได้ง่ายๆ ก็เถอะ!

...ถึงแม้พวกสาวๆ จะคาดหวังกับเย่ซวงเอาไว้มาก แต่เย่ซวงก็รู้เพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น เธอรู้วิธีทำให้ม้าเชื่องได้ จากประสบการณ์เล็กๆ น้อย ที่ได้มาจากการอ่านหนังสือ

ว่ากันว่าจะทำให้ม้าเชื่องนั้นต้องขี่มันให้ได้ก่อน ขี่จนไม่ว่ามันจะสะบัดยังไงคุณก็ไม่ตกลงไป หลังจากนั้นมันก็จะเหนื่อย แล้วยอมฟังคำสั่งแต่โดยดี

ตอนแรกเย่ซวงอยากจะใช้วิธีนี้ แต่สนามม้าต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตของแขก ถ้ายอมให้แขกตายในสนามม้าของตนคงเป็นคนที่สมองมีปัญหาแล้วล่ะ

ในเมื่อวิธีเดิมๆ ใช้ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีที่ไม่ปกติ

วิธีของบูเช็คเทียนนั่นไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า?! คงไม่ใช่ประวัติศาสตร์โอเว่อร์เกินไปหรอกนะ...

เย่ซวงคิดไปพลางก็หันมองซ้ายมองขวาไปด้วย หลังจากแน่ใจแล้วว่าบริเวณรอบๆ ไม่มีพวกกล้องวงจรปิดอยู่ เธอถึงได้ก้าวถอยหลังเล็กน้อย แล้วยกเท้าซ้ายขึ้น กระทืบลงไปที่พื้นอย่างแรง พร้อมกับพูดปลอบเจ้าม้าน้อยไปอย่างไม่จริงใจ “เดี๋ยวพี่สาวจะช่วยเจ้าเอง”

เมื่อสิ้นเสียงแล้ว ก็ถีบเท้าข้างซ้ายมาข้างหน้าอย่างแรง จนถึงขั้นทำให้เส้นเหล็กกับรั้วเกิดเสียงสะท้อน ก่อนจะแตกออกแล้วลอยผ่านข้างตัวเจ้าม้าไป

เจ้าม้าน้อย “...”

...

“หืม?! ประตูนี่พังได้ยังไงเนี่ย?!”

เมื่อครูฝึกม้าพาครูฝึกม้ามืออาชีพกลับมาอย่างรีบร้อนแล้วก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

เห็นแต่ประตูเหล็กแข็งแรงนอกคอกม้าพังหมดสภาพกระเด็นเข้าไปอยู่ข้างใน

แนวเหล็กเดิมถูกกระแทกแรงแค่ไหนถึงได้บิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างได้ขนาดนี้กัน

?!

“โรสเตะพังล่ะมั้ง” ครูฝึกม้ามืออาชีพผมทองที่เห็นได้ชัดว่าเป็นชาวต่างชาติเองก็ตกตะลึง ทว่าไม่นานก็หาคำอธิบายได้...ว่ากันว่าคุณภาพของสิ่งต่างๆ ในจีนก็เป็นแบบนี้ แม้แต่สะพานใหญ่ยังพังทลายในวันที่เปิดให้รถผ่านได้เลย สงสัยประตูเหล็กอันนี้ก็อาจจะเป็นเหล็กเทียมไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์ล่ะมั้ง

คิดถึงมาถึงตรงนี้ ครูฝึกม้ามืออาชีพก็เดินเข้าไปลูบเจ้าม้าน้อยที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูที่อยู่ในคอกด้วยความรักและความสงสาร “ได้ระบายอารมณ์แล้วทำตัวดีขึ้นเลยเหรอ? เป็นสาวน้อยเจ้าอารมณ์จริงๆ เลยนะ...แต่อดทนอีกหน่อยเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว วันนี้แข่งเสร็จป๊ะป๋าจะพาออกไปจากคอกเล็กๆ นี่เองนะ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด