ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 51
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 53

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 52


ตอนที่ 52 ตัวช่วยมาช้าไปนะ

เส้นทางไปสนามม้าชานเมืองนั้นหาได้ไม่ยากนัก ต่อให้เย่ซวงไม่เคยไปมาก่อน แต่แค่กลับบ้านไปหาแผนที่ในอินเทอร์เน็ตก็รู้แล้วว่าต้องนั่งรถสายไหน

หลังจากได้ยินว่าพวกคุณหนูผู้ดีได้ขับรถออกมากันแล้ว เย่ซวงก็ได้เตรียมตัวจะออกจากบ้าน ตอนแรกน้องหร่วนก็ถามว่าจะให้ไปรับไหม แต่เย่ซวงต้องไปเจอคนอื่นด้วย แถมยังไม่รู้อีกว่าจะเจอกันก่อนเข้าสนามม้าหรือหลังเข้าสนามม้า จึงไม่อยากรบกวนพวกเขาเลี้ยวรถกลับไปกลับมา

หลังจากถึงสนามแข่งม้าอย่างราบรื่นแล้ว ยังไม่ทันที่สายของหันชูจะโทนเข้ามา เย่ซวงก็เจอเข้ากับแก๊งคุณหนูเสียก่อนแล้ว พอเห็นเย่ซวงพวกที่เล่นไพ่นกกระจอกด้วยกันก่อนหน้านี้ก็รีบทักขึ้นมา เมื่อถามก็ได้รู้ว่าน้องหร่วนกำลังรอคนอื่นอยู่จึงอาจจะมาช้านิดหน่อย

“หรวนหร่วนให้เงินไปเยอะแล้ว” ชื่อเต็มของน้องหร่วนก็คือหรวนหร่วน ดังนั้นในสังคมเพื่อนไม่ว่าจะเรียกยังไงต่างก็รู้สึกว่าชื่อนี้น่ารักมาก หลังจากที่คุณหนูคนหนึ่งเช็กระยะทางของคนอื่นเสร็จแล้วก็ปิดมือถือ หัวเราะคิๆ แล้วเดินเข้ามาทักทายพวกที่มาถึงก่อน “เธอไปเชิญแชมป์การแข่งขันประจำจังหวัดครั้งที่แล้วมาด้วย ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางมาที่นี่...พวกเราอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปหาม้าขี่เล่นกันไหม?”

พูดจริงๆ เลยก็คือ คนที่เดิมพันกับพวกคนรวยจากปักกิ่งเห็นจะมีแค่หรวนหร่วนเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ เพียงแค่มาสนุกสนานเท่านั้น นี่เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้หรวนหร่วนชวนเย่ซวงมาช่วยดูม้าให้ ดังนั้นทุกคนจึงกระตือรือร้นกันขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่รวมกลุ่มกันมาเยอะขนาดนี้หรอก

สำหรับทุกคนแล้ว การวางเดิมพันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แพ้มากชนะน้อยจนชินแล้ว แค่ดูว่าสามารถลากคนมาดูได้เยอะหรือไม่เท่านั้นเอง ยังไงต่อให้แพ้แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายอะไรมากนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนก็รู้ดีว่าไม่ควรทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหน้ามากนัก ส่วนมากพวกกลุ่มคนจากปักกิ่งนั้นก็แค่อยากจะรู้สึกเหนือกว่านิดหน่อยเท่านั้น ยังไงเขาก็รู้อะไรที่เรียกว่าควรให้เกียรติเจ้าของพื้นที่

ดังนั้นตอนนี้พวกสาวๆ กลุ่มนี้จึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก ในเมื่อตัวเอกยังไม่ได้มาประจำที่ ตัวเองก็ไปเที่ยวเล่นก่อนได้ เย่ซวงเองก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนหมดอารมณ์กัน ในเมื่อทุกคนได้เสนอมาแล้ว เย่ซวงก็ได้ตอบรับคำชวนแล้วไปเลือกม้ากับพวกสาวๆ

สนามม้าเดิมทีแล้วก็จะจัดสรรให้มีครูฝึกสอนม้าอยู่ แต่วันนี้ในเมื่อเย่ซวงมาแล้ว คนที่สนามม้าจึงออกไป ไม่ใช่เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าเย่ซวงจะเก่งกว่ามืออาชีพ แต่เพราะทุกคนเชื่อมั่นในตัวเย่ซวงมากว่าคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่สำคัญคือคนพวกนี้ไม่ชอบให้คนนอกมาบอกให้ตัวเองทำโน่นทำนี่ เลยพยายามไม่ให้คนนอกเข้ามายุ่งมาก ถึงแม้เย่ซวงจะไม่ได้สนิทกับทุกคนมากนักก็ตาม แต่ยังไงก็คุ้นเคยกว่าคนที่สนามแข่ง...

แน่นอนว่าการเลือกม้าให้พวกสาวๆ ขี่เล่นนั้นคนละมาตรฐานกับการเลือกม้าแข่ง

การแข่งม้า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกันว่าเป็นโลกของม้าพันธุ์เธอร์โรเบรต ยิ่งอารมณ์รุนแรงยิ่งดี ถ้าไม่มีอารมณ์ที่พลุ่งพล่านล่ะก็ จะดึงศักยภาพของม้าออกมาใช้ได้ไม่เยอะ แล้วจะไปชนะเขาได้ยังไง

ส่วนการขี่ม้านั้นไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะชนิดที่น้องหร่วนจะขี่ด้วยแล้ว โดยปกติจะต้องเป็นตัวที่เชื่อง ไม่พยศ ควบคุมง่าย จุดสำคัญคือยังไงก็ต้องอารมณ์ดีไว้ก่อน ถ้าทักษะใครอ่อนไปหน่อย ไม่ทันระวังดึงสายบังเหียนแน่นไป หรือลงน้ำหนักเท้ามากเกินไป จนม้ารู้สึกเจ็บแล้วเกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมา

พาพวกสาวๆ ที่กำลังคึกคักไปที่โรงม้า หลังจากเลือกม้าให้พวกสาวๆ กันคนละตัวแล้ว เย่ซวงก็ปฏิเสธคำชวนของทุกคนที่ให้ไปขี่ม้าเล่นด้วยกัน คิดแล้วยังไงอีกสักพักก็ต้องเลือกม้าลงแข่ง ตอนนี้จึงถือโอกาสที่ยังพอมีเวลาอยู่ ดูม้าทางนี้ก่อนรอบหนึ่ง

เพื่อจะเอาค่าตอบแทนของงานในวันนี้ เย่ซวงอยู่บ้านหลายวันมานี้ก็ไม่ได้ยุ่งอยู่แต่เรื่องเฮดฮันเตอร์เท่านั้น เธอยังหาความรู้เสริมในด้านนี้ไปด้วยเช่นกัน นอกจากข้อมูลที่เป็นรูปภาพและลายลักษณ์อักษรแล้ว ตัวเองยังมีความรู้ในการวิเคราะห์กระดูกและกล้ามเนื้ออีกด้วย สุดท้ายผลออกมาว่า ชนิดที่รู้จักกันดีในโลกอย่างพันธุ์เธอร์โรเบรตนั้นได้เปรียบมากกว่าพันธุ์ลูกผสมอื่นๆ อย่างมาก

แต่แหล่งกำเนิดและแหล่งรวมพันธุ์ม้าที่สุดในโลกนั้นมักจะอยู่ทางฝั่งยุโรป และอเมริกา ส่วนทางฝั่งเอเชียนั้นยังไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อไปเทียบกับทางฝั่งนั้น ที่เดียวที่ยังพอนับได้ว่ามีชื่อเสียงก็มีแค่ญี่ปุ่น...อย่าพูดเชียวนะว่าดินแดนของเรายังมีอาชาเหงื่อโลหิต อะไรพวกนั้นอยู่น่ะ ถ้าพูดออกมาจะกลายเป็นคนไม่มีความรู้และประสบการณ์ไปเลย เอาชื่อม้าที่มีในประวัติศาสตร์มาปนไปหมด ต่อให้อาชาเหงื่อโลหิตจะอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่นั่นก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เอเชียกลาง ในสมัยฮั่นตะวันตกจางเชียงได้เดินทางทางการทูตไปยังดินแดนตะวันตก แล้วก็ได้นำเอาอาชาสวรรค์กลับมาด้วย เดิมทีมันมีชื่อเรียกว่าพันธุ์เติร์กแมน

ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองติดต่อทำการค้ากับต่างประเทศเลย ส่วนเมืองซานหลินนั้น ปกติในสนามม้าจะหาม้าพันธุ์ที่เลี้ยงในต่างประเทศไม่ได้เลย ดังนั้นตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่เย่ซวงก็เห็นเปอร์เซ็นต์การชนะแล้ว...

“อืม?!”

เธอมองไปลวกๆ ทีหนึ่ง ถึงแม้ในใจจะรู้ว่าหาม้าดีๆ จากที่นี่ไม่ได้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ขณะที่เย่ซวงกำลังเดินดูไปเรื่อยๆ ก็บังเอิญไปเห็นโรงม้าที่หนึ่งซึ่งมีม้าตัวหนึ่งถูกแยกออกมา

เห็นได้ชัดเลยว่าม้าตัวนี้เป็นตัวที่ดีที่สุดในสนามแห่งนี้ ไม่ใช่แค่โรงม้าจะเป็นโรงเลี้ยงแยกแล้ว แม้แต่ครูฝึกสอนม้าก็ยังดูแลเป็นพิเศษ เย่ซวงลูบใต้คางด้านข้างของมันแล้วคอยสังเกตอยู่ข้างๆ สักพัก จนสุดท้ายรู้สึกว่าน่าสนใจ ก่อนจะเดินไปสะกิดครูฝึกสอน “พี่คะ ม้าตัวนี้เป็นพันธุ์เธอร์โรเบรตเหรอคะ?”

ครูฝึกสอนเองก็เป็นคนที่รักม้ามากคนหนึ่ง คาดว่าการให้เขาดูแลม้าตัวนี้จะตรงกับความสนใจของเขาพอดี และเขากำลังยุ่งอยู่กับการแปรงขนม้าอย่างสนุกสนานอยู่ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีคนมาสะกิด เมื่อหันหลังไปก็เห็นสาวสวยคนหนึ่งเข้า กำลังถามในสิ่งที่เขาชอบ จึงรีบตอบกลับไปอย่างตื่นเต้นว่า “พันธุ์เธอร์โรเบรต! คุณมองออกด้วยเหรอ?! คุณดูความสูงนี่สิ ตั้งสิบหกแฮนด์แหนะ! คุณดูรูปร่างสูงใหญ่ของมันสิ โอ้โห นี่สิถึงจะเรียกว่าเป็นม้าดี...หนูดูร่างกายนี่สิ สี่ขานี่สิ แล้วยังลายเส้นกล้ามเนื้อนี่อีก...”

“พอแล้วไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ฉันเลือกตัวนี้ จูงออกมาให้ฉันลองหน่อยได้ไหมคะ” เย่ซวงหยุดการพูดเป็นน้ำไหลไฟดับของอีกฝ่ายไว้ได้ และเตรียมตัวลองวิ่งสักสองรอบ

ครูฝึกสอนตกใจก่อนที่จะมองสาวสวยร่างกายอ้อนแอ้นลงมือจูงม้าไป ทันใดนั้นก็ลนลานออกมา “เดี๋ยวก่อน ม้าตัวนี้มันพยศมากนะ...”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ม้าพยศในคอกก็ไม่ทำให้เสียหน้า หลังจากส่งเสียงร้องออกมาแล้ว ม้าพยศตัวนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างทะยานขึ้นสู่ฟ้า เมื่อกีบม้าลงถึงพื้น ก็วิ่งออกไปข้างหน้าเป็นที่เรียบร้อย

อาชาเหงื่อโลหิต หรือเรียกอีกอย่างว่าอาชาหมื่นลี้ เป็นม้าพันธุ์เติร์กแมน โดยพระจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้เคยใช้ตอนทำศึกสงครามขับไล่พวกซงหนู

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด