ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 42
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 44

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 43


ตอนที่ 43

ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบกว่านาทีที่ฟางเฟยออกไป พวกสาวๆ ก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเย่ซวงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

ในสายตาของพวกสาวๆ เดิมทีภายนอกของเย่ซวงดูเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาดีธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ดูสูงส่ง มีความรู้ อ่อนหวาน หรือโดดเด่นเหนือคนธรรมดาทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ได้ทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้ง ก็คงจะคิดว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

แต่เมื่อได้ลองพูดคุยกันมากขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีนี้ ทุกคนก็เห็นพ้องกันว่าทำไมฟางเฟยถึงได้บอกว่าเย่ซวง ‘ไม่ธรรมดา’

ตอนแรกที่เริ่มเล่นไพ่นกกระจอกก็ยังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพิ่งเล่นไปไม่กี่กระดาน แต่หลังจากนี้ก็คงไม่มีโอกาสพลิกเกมเป็นแน่ แต่ที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องที่เย่ซวงสามารถคุยกับสาวๆ พวกนี้ได้รู้เรื่องทุกอย่างน่ะสิ

ขึ้นเครื่องบิน ขึ้นเรือยอชต์ ยันเล่นกีฬาแข่งม้า เงินหุ้น หรือความเสี่ยงในการลงทุนก็รู้ไปหมด...ถึงแม้ว่าด้านแฟชั่นและสิ่งของหรูหราจะยังด้อยไปสักหน่อยก็ตาม แต่ถ้าเป็นหัวข้อเกี่ยวกับวิชาการและการวิเคราะห์อะไรพวกนี้ เย่ซวงก็แสดงออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แทบจะน็อกในหมัดเดียวเลย

ในทันใดนั้นกลุ่มสาวสวยก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็น เด็กเนิร์ด!!!

อีกทั้งไม่ใช่ระดับธรรมดาอะไรแบบนั้น คุณสมบัติเทียบเท่าพวกแวดวงชั้นสูงได้เลย

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ ตั้งแต่เล็กจนโตสาวๆ พวกนี้จึงไม่เคยมองพวกเด็กเนิร์ดในแง่ดีขนาดนี้มาก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะพวกหล่อนอยู่ในกลุ่มที่ถูกมองด้วยความชื่นชมยังไงล่ะ แต่เมื่อเจอเย่ซวงความคิดก็ได้เปลี่ยนไป

ไม่ใช่แค่เพราะว่าเธอเป็นเด็กเนิร์ดธรรมดา แต่เป็นเพราะว่า...

ข้างโต๊ะไพ่นกกระจอกไม่รู้ว่าใครกางแขนกว้างเกินไป จึงไม่ได้ระวังชนเข้าให้กับแก้วชาเต็มๆ จนแก้วหล่นลงจากโต๊ะ

มือข้างหนึ่งเย่ซวงก็วางไพ่ไป ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็กวาดไปที่ด้านข้างรับถ้วยน้ำชาเอาไว้โดยไม่ได้มอง แล้วเอาถ้วยน้ำชาที่น้ำชาไม่หกเลยสักหยดกลับขึ้นไปวางบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ชนะแล้ว!”

...มองเห็นใช่ไหม!! ทักษะอย่างเทพ!!!

 

กลุ่มหญิงสาวต่างก็ชื่นชมพร้อมกับตบมือให้ ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็น แต่ทุกครั้งที่เห็นฝีมือของเย่ซวงก็ยังคงรู้สึกมหัศจรรย์มากอยู่ดี

“...” เย่ซวงมองไปยังกลุ่มหญิงสาวที่ไม่สนใจว่าตัวเองจะชนะแล้วพูดว่า “พวกคุณทำแก้วชาตกหลายรอบแล้ว เปลี่ยนไปเล่นทริกอื่นได้ไหม?! ถึงจะรับได้ทุกครั้ง แต่ว่าแก้วนี้ร้อนมากนะ”

เธอทำให้คนกลุ่มนี้เงียบไปในทันที เหมือนกับว่าไม่น่าจะมีใครมองการแสดงที่เงอะงะของพวกเขาออก แก้วที่หล่นครั้งแรกนั้นเป็นอุบัติเหตุแน่นอน แต่ว่าในเวลาสั้นๆ ยี่สิบนาที ทุกคนก็ค่อยๆ ทำแก้วตก จะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ?!

เห็นได้ชัดว่าเลยว่าทุกคนเห็นนี่เป็นการแสดงกายกรรม

ฟางเฟยที่เพิ่งจะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาก็ตกตะลึง หลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินมานั่งลง “ทุกคนเข้ากันได้ดีนี่?!”

ความจริงฟางเฟยไม่คิดมาก่อนว่าเย่ซวงจะได้การต้อนรับขนาดนี้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นฝีมือของอีกฝ่ายด้วย

ฟางม่อก็ใช่ว่าจะไม่เคยพูดถึงเรื่องฝีมือการต่อสู้ของเฮียเย่ให้น้องสาวตัวเองฟัง แต่ถ้าเจ๊เย่ซ่อนอะไรไว้ไม่ได้เปิดเผยออกมา...ฟางเฟยก็เข้าใจถึงสาเหตุแล้วว่าทำไมทั้งคู่ถึงได้กลายเป็นคู่รักกัน

อย่างอื่นก็คงไม่พูดถึงแล้วล่ะ ก่อนอื่นแค่เรื่องการต่อสู้ทั้งคู่ก็เหมาะกันอย่างกับคู่สร้างคู่สมแล้ว!

เย่ซวงเห็นฟางเฟยกลับมาแล้ว ก็พอดีกับเกมรอบนี้จบพอดี จึงรีบลุกขึ้นจากโต๊ะเดินมาหาแล้วยิ้ม “พอได้ค่ะ ฟางเฟยก็มาเล่นบ้างสิ?!”

ฟางเฟยเองก็ไม่เกรงใจ นั่งลงที่ที่นั่งของเย่ซวง วางไพ่ลงแล้วเริ่มล้างไพ่ หลังจากนั้นจึงเริ่มรอบใหม่

พี่หลิวที่นั่งอยู่ตรงข้ามของเย่ซวงเมื่อกี้ก็ยิ้มกริ่ม แล้วเรียกให้ทุกคนหยุด “เดี๋ยวก่อนเสี่ยวซวง ยังไม่ได้นับเงินให้เธอเลย”

เดิมทีตัวเองกลัวว่าจะใช้อำนาจรังแกคนอื่น ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีใครยกเรื่องเงินพนันขึ้นมา แถมเอาชิปมาใช้แทนเงิน แต่ตอนนี้พอมองดูแล้ว เล่นไปสี่รอบก็ดันชนะทั้งสี่รอบ อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีน็อคแบบพิเศษอีกด้วย...ครั้งนี้หากไม่คำนวณเงินให้ก็คงเป็นการรังแกกันแล้ว บวกกับทุกคนรู้สึกว่าเย่ซวงคนนี้ไม่เลวเลย ดังนั้นจึงให้ด้วยความเต็มใจ

พอลองคำนวณดูแล้ว เงินที่เย่ซวงได้จากการชนะไปสี่รอบนี้ก็เท่ากับเงินเดือนเดือนหนึ่งของบริษัทเลย เย่ซวงเหงื่อแทบจะไหลออกมาหลังจากที่รู้เรื่องนี้...ยังดีที่เมื่อกี้ไม่โง่เกรงใจแกล้งแพ้ให้ คนเหล่านี้เล่นได้ไม่ปรานีกันเลย

เวลาเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ก็สนิทกันจนถึงขั้นเรียกชื่อเล่นกันแล้ว...ฟางเฟยก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อเหลือบไปเห็นเย่ซวงที่กำลังตะลึงกับเงินตรงหน้าอยู่ ก็เหยียดปากพูดไปว่า “กลัวอะไรล่ะ แฟนเธอถ่ายโฆษณาก็พอข้าวเช้า ข้าวกลางวันของเธอแล้ว”

เย่ซวง “...”

หญิงสาวต่างหัวเราะกันออกมาเบาๆ และหนึ่งในนั้นก็เบิกตากลมโตคู่หนึ่งมองมา หญิงสาวแก้มขาวๆ ที่พกพาความน่ารักราวกับเด็กทารกส่งสายตาขุ่นมัวให้กับทุกคน จากนั้นก็วิ่งมาดึงเย่ซวงออกไปราวกับสนิทกัน “ซวงซวงอย่าไปสนใจพวกเขาเลย พอดีว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”

เย่ซวงรู้สึกประหลาดใจที่ถูกคนลากมา แม้แต่ฟางเฟยที่มองมาก็ไม่ได้สนใจ

พอออกมาจากกลุ่มคนที่นั่งเล่นไพ่นกกระจอกแล้ว หญิงสาวน่ารักก็ลากไปนั่งที่โซฟา หลังจากนั่งลงสติของเย่ซวงถึงได้กลับมา “เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เรื่องอะไรเหรอ?!”

คนในกลุ่มนี้ยังมีอะไรต้องมาปรึกษาตัวเองอีก?! เย่ซวงคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ

หญิงสาวน่ารักเผยยิ้มออกมา แล้วริมฝีปากก็เปิดออกเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ ที่โผล่ออกมา “เมื่อกี้ได้ยินเธอพูดเรื่องการขี่ม้า ฉันอยากจะถามว่า เธอดูม้าเป็นไหม?”

“ไม่เป็น!” เย่ซวงส่ายหัวอย่างไม่ลังเล

ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงสาวน่ารักคนนั้นก็แสดงความผิดหวังออกมา เย่ซวงลองคิดดูแล้วจึงพูดว่า “แต่ว่าฉันสามารถวินิจฉัยสภาพร่างกายของสิ่งมีชีวิตผ่านกระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อได้นะ”

“...”

นั่นแหละที่เรียกว่าการดูม้า

 

หลังจากนั้นหญิงสาวน่ารักคนนั้นก็ถามว่า “สายตาดีไหม เคยดูม้ามาก่อนไหม?”

“ไม่เคยดูมาก่อนค่ะ...” เย่ซวงหยิบองุ่นขึ้นมาพวงหนึ่ง และหันไปมองหญิงสาวน่ารักคนนั้น ก็พอรู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอยากจะพูดอะไรออกมากันแน่

ก่อนหน้านี้ที่แก๊งสาวผู้ดีได้พูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับเรื่อง** เธอก็เผลอพูดเรื่องกล้ามเนื้อของม้าและกีฬาไปนิดหน่อย นอกจากนี้เขายังถือโอกาสร่างภาพอธิบายผลกระทบของกล้ามเนื้อที่มีต่อความเร็วและกำลังอะไรพวกนี้อีกด้วย ตอนนี้สาวน้อยคนนี้ก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงเป็นพิเศษ คาดว่าคงมีเรื่องอะไรที่ต้องการคนไปดูม้า...

แต่ว่าทำไมเย่ซวงต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยล่ะ?!

ก่อนโยนองุ่นใส่ปาก เย่ซวงก็เริ่มวางแผนอยู่เงียบๆ เรื่องที่จะต้องทำหลังจากถ่ายโฆษณาเสร็จ...ตกแต่งห้อง หางาน และมองหาคู่ครองที่เหมาะสม...

ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น น้องสาวคนนี้ก็เปิดปากพูดว่า “ไม่เคยดูก็ไม่เคยดู! ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ดังนั้นจึงมาขอให้เธอช่วย...ถ้าม้าที่คุณดูได้แชมป์ ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้เธอสี่หมื่นหยวน!”

“แค่กๆ ๆ!!!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด