DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 41
ตอนที่ 41
ไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะรู้ เพราะสีหน้าของฟางเฟยแสดงออกมาชัดเจนมาก
คนคนนั้น...เบอร์โทรที่มีสัญลักษณ์นี้ย่อมเป็นคนที่มีความพิเศษต่อคุณหนูฟางเฟย ไม่ว่าจะชอบเป็นพิเศษหรือเกลียดเป็นพิเศษ อย่างน้อยก็ไม่เหมือนคนอื่น
ตามที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้ในตอนแรก เบอร์โทรที่ถูกโทรออกอาจจะเป็นคนที่คุณหนูฟางเฟยชอบ ทั้งนี้ทั้งนั้นตอนที่ทุกคนแซว เจ้าตัวก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ แค่นี้ก็เท่ากับว่ายอมรับแล้ว
แต่ทว่าคนที่รับสายกลับกลายเป็นเสียงผู้หญิงที่พูดแบบไม่สนใจไยดี...คนรับที่ตอบกลับมาแบบนี้ได้ ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่อง ก็น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างแยกจากกันไม่ได้กับเจ้าของเครื่อง
เมื่อดูท่าทางของคุณหนูฟางเฟยแล้ว การที่คนรับเป็นผู้หญิงนั้นดูจะเกินความคาดหมายไป ถ้าอย่างนั้นคนที่รับน่าจะไม่ใช่แบบแรก อย่างนั้นคำตอบสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คงจะเป็น...
พูดตามตรง ตอนนี้ทั้งกลุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณหนูฟางเฟยต่างก็พูดไม่ออก
การที่พี่น้องมีผู้ชายที่ชอบไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ผู้หญิงนี่! แฟนหนุ่มโดนจิ้งจอกขี้ขโมยหลอกไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ผู้ชายนี่!
แต่ว่า!!!
การที่เธอไปชอบผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วมันจะดีเหรอ?!
สถานภาพที่น่าอึดอัดขนาดนี้ถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าคนในแวดวงนี้มันค่อนข้างจะน่าขายหน้า พวกเรามีดีทั้งหน้าตาและการเงิน มีคนไม่รู้ตั้งเท่าไรที่ฝันจนน้ำลายย้อย อยากจะไปเด็ดดอกฟ้าแต่ก็ทำไม่ได้ แล้วทำไมถึงต้องไปแย่งของของคนอื่นด้วยล่ะ?!
ฟางเฟยกำลังกังวลอยู่ เธอไม่ได้ตกหลุมรักเย่ซวงตั้งแต่แรกพบ แต่ผู้ชายที่หล่อขนาดนั้น จะเพ้อฝันสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ
อีกทั้งยังเคยโดนเย่ซวงโอบเอวช่วยไว้ตอนที่เธอเกือบจะหงายหลังลงไป จึงไม่แปลกที่หลังจากเรื่องนี้ฟางเฟยจะเปลี่ยนไปให้ความสนใจอย่างมาก...
ทั้งรูปร่างหน้าตา ความสามารถ และฝีมือ...เจอหน้าเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ไม่กี่ครั้งและจากข้อมูลที่ได้ฟังมาจากพี่ชายแล้ว ก็ยิ่งทำให้เย่ซวงครองใจของฟางเฟยมากขึ้นไปอีก ต่อให้เธอไม่ได้รักชอบพอมากมาย แต่อย่างน้อยก็มีความเคารพเลื่อมใสอยู่บ้าง
แต่ว่าเสียงผู้หญิงที่ดังออกมาจากมือถือของเย่ซวงตอนนี้ กลับเหมือนฟ้าผ่าลงมาตอนกลางวันแสกๆ รวมทั้งโดนคนในกลุ่มย้ำเรื่องนั้นขึ้นมาอีก...ดวงตาจึงเบิกกว้างพร้อมกับกุมมือถือไว้แน่น จากนั้นฟางเฟยก็เม้มริมฝีปากแล้วเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางเย็นชาทะนงตัว ก่อนจะส่งเสียงหึออกมาแล้วพูดว่า “พูดอะไรเพ้อเจ้อ ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดหรอกนะ นี่ก็แค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้น!”
“เพื่อนธรรมดา?!” ทุกคนแสดงอาการออกมาว่าไม่เชื่อ “ถ้าแค่เพื่อนธรรมดา แล้วเธอจะบันทึกชื่อเขาเอาไว้คลุมเครือแบบนี้ทำไมกัน?”
“...ความสัมพันธ์ก็ธรรมดาทั่วไปแหละ แต่ว่าคนไม่ธรรมดาก็เท่านั้นเอง” ฟางเฟยตอบไปแบบคลุมเครือ แต่ยังไงเธอก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นผู้ชายที่ตัวเองแอบมีใจให้ อีกทั้งตัวเองที่โทรหาผู้ชายคนนั้นก็ยังถูกแฟนสาวของเขารับสายอีก...
ฟางเฟยโกรธจนอยากจะกลับไปตัดมือทิ้ง มือที่ทำให้เธอแอบค้นมือถือของพี่ชาย และมือที่แอบบันทึกเบอร์โทรของเขา...
“ก็...ก็เป็นเพื่อนธรรมดาทั่วไปล่ะน่า!!” ฟางเฟยเครียดจนแทบจะบีบมือถือให้แหลกคามือ แต่ว่าสีหน้าก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่...เรื่องมักจะมีสองด้าน ถึงแม้กำแพงที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองจะทำให้เธอเจอกับประสบการณ์ที่ไม่น่าพอใจเท่าไร แต่มันก็มีประโยชน์เวลาที่ทำตัวไม่ถูก ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้
“จิ๊! เพื่อนก็ได้ ไหนๆ ก็โทรไปแล้ว ไม่ชวนออกมาเที่ยวเล่นด้วยกันล่ะ?!” มีสาวน้อยคนหนึ่งพูดแซะขึ้นมา
สมองของฟางเฟยที่ยังไม่แล่นก็ตกปากรับคำไปอย่างไม่คิด “ชวนก็ชวน!”
ทุกคน “...”
“...” ภายใต้ใบหน้าที่แข็งทื่อของฟางเฟยนั้นกำลังโมโหจนลมออกหู หลังจากที่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่เฟยก็รู้ว่าคงกลับคำไม่ได้ จึงพยายามรักษาท่าทางสง่างามเอาไว้ แล้วลุกขึ้นมาจากโซฟาในห้องรับรองพร้อมพูดกับคนอื่นๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ว่า “ฉันจะออกไปโทรเรียกเขามา พวกเธอต่อกันเลยแล้วกัน”
...เพราะแบบนี้แหละ เย่ซวงที่เพิ่งหลับตาไปยังไม่ถึงสิบนาทีก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงมือถือ
“...” สีหน้าที่ไร้ความรู้สึกลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างกับซากศพ เย่ซวงจ้องมองมือถืออยู่ครึ่งนาทีได้ ก่อนจะแน่ใจแล้วว่าบนจอมือถือที่กะพริบอยู่นั่นคือเบอร์โทรที่ก่อนหน้านี้กดตัดสายทิ้งไป จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอามือถือขึ้นมาพร้อมกับกัดฟันรับสายไป “ฮัลโหล?!”
กล้าส่งเสียงออกมาหน่อยสิ!
โธ่เอ๊ย!
แค่ส่งเสียงออกมาฉันจะได้รู้สักทีว่าเธอเป็นใคร!
หาเรื่องอยากตายใช่ไหม?!
ได้ สมใจเธอแน่!!
เย่ซวงที่อารมณ์เสียรออยู่อย่างเงียบๆ แล้วหลังจากนั้นเสียงหายใจของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปราวกับว่าตื่นเต้นลังเล รอไปสักพักในที่สุดเสียงที่เธอคาดไม่ถึงก็ดังออกมา “ฮัลโหล?! สวัสดี ฉันคือฟางเฟย”
เย่ซวง “!!!”
ทำไมยายคุณหนูอัลปาก้าถึงได้โทรมาหาเธอได้ล่ะเนี่ย!
แวบหนึ่งเย่ซวงตกตะลึงจนรู้สึกว่าตัวเองฝันไป แต่เธอก็ดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ทำให้นึกขึ้นได้ว่าร่างชายร่างหญิงของตัวเองใช้มือถือเครื่องเดียวกัน...
เย่ซวงในร่างหญิงไม่เคยแลกเบอร์นามบัตรกับยายคุณหนูนี่มาก่อน ถ้าอย่างนั้นที่คุณหนูฟางโทรมาหาคือ เย่ซวงผู้ชาย?!
เย่ซวงคิดได้แล้วก็แทบทรุด เดิมทีคิดจะพูดไปตามน้ำ แล้วแกล้งเปลี่ยนน้ำเสียงให้ซื่อๆ ให้คล้ายกับว่าเจอกันครั้งแรก แต่ก็กลัวเขาจะถามว่าทำไมตัวเองถึงมารับมือถือเครื่องนี้ได้ จึงยิ้มแห้งๆ แล้วถามกลับไปอย่างมีมารยาท “สวัสดีดีค่ะ คุณต้องการเรียนสายใครคะ?”
“ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแล้ว เย่ซวงเป็นแฟนของคุณเหรอ?” ฟางเฟยเป็นคนประเภทที่ว่าถ้าเธออ่อนแอฉันต้องแข็งแกร่ง ถ้าเธอแข็งแกร่งล่ะก็ ฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่า พอได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดูไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่ตนเองโทรมาหาแฟนของเธอหรอก ทันใดนั้นกำลังทั้งหมดก็กลับมา แล้วพูดออกไปด้วยความหยิ่งยโสโอหัง “เขารับงานถ่ายโฆษณาที่บริษัทพี่ชายของฉันอยู่ คุณรู้ใช่ไหม?! ที่นี่มีงานเลี้ยงทางธุรกิจที่จะต้องเข้าร่วม ในเมื่อเขาไม่อยู่ งั้นเธอก็มาแทนเขาหน่อยสิ!”
“...” จะบ้าเหรอ เธอรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ ‘เฮียเย่’ ไม่อยู่?!
เย่ซวงขมวดคิ้วใช้ความคิด “ฉันจำได้ว่าในสัญญาของพี่ฟางไม่มีข้อนี้นี่คะ?!”
ฟางเฟยส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา “เธอเคยเห็นสัญญามาก่อนเหรอ?! ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอก็แน่ใจแล้วเหรอว่ามันไม่ได้เขียนเอาไว้?! อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องการนัดประชุม ทำธุรกิจใครที่ไหนเขาไม่ต้องเข้าสังคมกันบ้าง? ยังจะต้องเขียนตารางกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมให้ดูก่อนเหรอ?!”
เย่ซวงหมดคำพูด แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง “...ปัญหาคือต่อให้ฉันไปแทนเขาก็ไม่มีประโยชน์หรือเปล่าคะ? งานโฆษณานั่นฉันก็ไม่ใช่คนที่รับมา!”
“...เธอเข้าใจไหม?!” ทันใดนั้นน้ำเสียงปลายสายก็เปลี่ยนเป็นอึมครึม “ถ้าหากเงินหมุนของบริษัทมีปัญหาล่ะก็ ต่อให้ตกลงค่าตอบแทนว่าจะไม่เบี้ยว แต่ก็อาจจะมีการพิจารณาตามสถานการณ์แล้วเลื่อนเวลาออกไปช่วงหนึ่ง...”
“เดี๋ยวฉันรีบไปค่ะ!” เย่ซวงรีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วถามต่อว่า “ที่อยู่ล่ะ?!”
“ดีมาก...”