ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 43 : ตามหาคนหาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 45 : กลับมาสู่

ราชันย์เร้นลับ 44 : ชะตา


ราชันย์เร้นลับ 44 : ชะตา

 

บทกลอนชวนหลับไหลที่เลียวนาร์ดขับขานดังกังวาลทั่วบันไดวนที่ทำจากไม้ เสียงลุ่มลึกเล็ดลอดผ่านบานประตูเข้าไปในห้อง

 

จิตไคลน์เกิดการงัวเงียเล็กน้อย คับคล้ายได้เห็นแสงจันทร์สาดส่องบนผิวน้ำยามค่ำคืนที่เรียบสงบไร้คลื่น

 

เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง ร่ายกายโงเงนราวกับจะล้มทั้งยืน

 

ท่ามกลางความรู้สึกเดจาวูเลือนลาง ชายหนุ่มสัมได้ว่า มีบางสิ่งกำลังจ้องมองแผ่นหลังของตน มันทั้งไร้รูปร่างและไม่ชัดเจน ราวกับกำลังท่องตระเวณไปทั่วโลกวิญญาณ

 

ขณะด่ำดิ่งไปกับภาพมายา ไคลน์รีบดึงจิตกลับมาและทำสมาธิเพื่อเข้าฌาน

 

ด้วยสัมผัสวิญญาณที่เฉียบแหลมรวมถึงสมาธิอันเข้มข้น ไคลน์หลุดพ้นจากบทเพลงหลับไหลของนักกวีเที่ยงคืนอย่างฉิวเฉียด

 

แต่ถึงมันจะครองสติได้ ภาพการมองเห็นรอบตัวยังคงเฉื่อยฉาและจืดชืดปราศจากอารมณ์

 

ผ่านไปราวหนึ่งอึดใจ เลียวนาร์ดหยุดขับขานพลางหันมองไคลน์ด้วยรอยยิ้ม

 

“ผมเคยคิดมาสักพักแล้ว ว่าควรเบิกเงินหัวหน้าเพื่อซื้อพิณสักตัว การร้องเพลงอย่างเดียวโดยไม่มีเครื่องดนตรีประกอบช่างน่าเบื่อและไร้อารยะ คุณไม่คิดเช่นนั้นบ้างหรือ?

 

“ฮะฮะ! ผมล้อเล่น เอาล่ะ… ฟังจากเสียงด้านใน ตอนนี้พวกมันคงหลับกันหมดแล้ว”

 

เหยี่ยวราตรีผมดำนัยน์ตาเขียวผู้มีบรรยากาศนักกวี เลียวนาร์ด·มิเชล  มันเดินไปหยุดยืนหน้าประตูซึ่งกั้นแบ่งระหว่างพวกตนกับคนร้ายลักพาตัวและเหยื่อ

 

ในวินาทีที่หัวไหลเริ่มขยับ เลียวนาร์ดชกใส่กลอนประตูจนพังในหมัดเดียว

 

เปรี้ยง!

 

กลอนประตูถูกชกหล่นเข้าไปด้านในจนเกิดรูโหวขนาดใหญ่บนบานไม้

 

“การจะทำแบบนี้ได้ คุณต้องมีความแม่นยำและชำนาญมาก”

 

เลียวนาร์ดหันมายิ้มให้ไคลน์ขณะใช้มือล้วงเข้าไปปลดกลอนแบบขัด

 

ชายหนุ่มเริ่มได้สติกลับมา แต่มันไม่กล้าประมาทแบบเลียวนาร์ด ลูกโม่ถูกชักออกจากซองรักแร้ซ้ายอย่างชำนาญ ไคลน์ปลดโม่และหมุนหนึ่งช่องเพื่อให้กระสุนพร้อมยิงในนัดถัดไป

 

เมื่อประตูถูกเปิดอ้าเต็มบานด้วยฝีมือเลียวนาร์ด ไคลน์มองเข้าไปและพบกับชายคนหนึ่งกำลังหลับฟุบโต๊ะ ฝ่ามือห้อยลงกับพื้น ปลายนิ้วมีปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่

 

ส่วนอีกคนกำลังขยี้ตาด้วยท่าทางงัวเงียอยู่บนพื้น พยามอย่างหนักที่จะพยุงตัวลุกขึ้น

 

เปรี้ยง!

 

เลียวนาร์ดซัดเข้าไปหนึ่งหมัดจนสลบซ้ำ

 

ขณะไคลน์กำลังจะเดินตามเข้าไป มันสัมผัสถึงความผิดปรกติจากชั้นล่าง ชายหนุ่มรีบหันปืนลูกโม่เล็งจ่อทางเดินบันไดทันที

 

กึก กึก กึก!

 

เสียงฝีเท้าเข้าใกล้ทุกขณะ บุคคลที่ปรากฏเบื้องหน้าไคลน์คือชายโค้ตน้ำตาลซึ่งไม่สวมหมวก มือของมันถือถุงกระดาษที่บรรจุขนมปังหลายชิ้น

 

เมื่อแหงนมองพบปากกระบอกปืน ชายโค้ตน้ำตาลชะงักฝีเท้าทันที

 

นัยน์ตาหดลีบเล็กตามสัญชาตญาณ แววตาสะท้อนภาพของบุรุษหนุ่มสวมหมวกทรงกึ่งสูง สูทดำ เชิ้ตขาว โบวหูกระต่ายสีดำเข้าชุด ไม้ค้ำเลี่ยมเงินที่ถูกพาดราวบันได และปืนลูกโม่สุดอันตรายในมือ

 

“อย่าขยับ! ยกมือขึ้น! สาม สอง หนึ่ง…”

 

เสียงไคลน์ลุ่มลึกแต่ผ่อนคลาย

 

มันใช้สองมือจับด้ามปืนแน่นถัด ภายในหัวกำลังจินตนาการถึงเป้าซ้อมยิง

 

ด้วยบรรยากาศสุดตึงเครียด ชายโค้ตน้ำตาลไม่มีทางเลือก มันวางถุงขนมปังลงตรงหน้าพร้อมกับบรรจงชูมือทีละนิด

 

“มิสเตอร์ นี่คือมุกตลกหรืออย่างไร? คุณต้องเข้าใจอะไรผิดแน่”

 

มันฝืนยิ้มขณะเพ่งมองปลายนิ้วไคลน์ที่เตรียมเหนี่ยวไกปืน

 

ชายหนุ่มมิอาจแยกแยะได้ว่า ชายคนนี้เป็นชาวบ้านบริสุทธิ์หรือผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ไคลน์จะไม่ประมาทจนตัวเองตกที่นั่งลำบากเด็ดขาด

 

“อย่าขัดขืน อีกสักพักจะมีคนช่วยตัดสินให้เองว่า คุณเป็นผู้บริสุทธิ์จริงหรือไม่”

 

ทันใดนั้น เลียวนาร์ดที่จัดการคนร้ายลักพาตัวในห้องเสร็จ มันเดินออกมาเห็นไคลน์กำลังเล็งปืนใส่ชายโค้ตน้ำตาลตรงบันได

 

นักกวีกล่าวพลางอมยิ้ม

 

“แบบนี้นี่เอง… คนร้ายลักพาตัวมีผู้สมรู้ร่วมคิดช่วยซื้ออาหารมาส่งสินะ”

 

ทันทีที่ได้ยิน ชายไม่สวมหมวกใช้เท้าเตะถุงขนมปังให้กระเด็นไปทางไคลน์ เผื่อว่าจะช่วยบดบังการมองเห็นได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่การกระทำของมันเปล่าประโยชน์ ไคลน์ลั่นไกปืนด้วยสีหน้าสงบนิ่งหนึ่งนัด

 

เยือกเย็นราวกับอีกฝ่ายเป็นเพียงเป้าซ้อม

 

ปัง!

 

โลหิตสาดกระเซ็นจากหัวไหล่ซ้าย

 

มันโงนเงนก่อนจะพยายามวิ่งหนีลงไปชั้นล่าง เป็นวินาทีเดียวกับที่เลียวนาร์ดคว้าราวบันไดและกระโจนลงไปด้วยเข่าคู่

 

เกิดเสียง‘ปึก’ดังค่อย เข่าเลียวนาร์ดกระแทกใส่ชายโค้ตน้ำตาลจากด้านบนจนมันสลบ

 

เลียวนาร์ดลุกยืนพร้อมกับปัดรอยเลือดออกจากกางเกง ก่อนจะแหงนหน้ามองไคลน์และอมยิ้ม

 

“ยิงได้ดี”

 

แต่ฉันเล็งที่ขา…

 

มุมปากไคลน์กระตุกเมื่อกลิ่นเลือดสดโชยเตะจมูก มันยังไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไร

 

ไคลน์ได้เรียนรู้อีกเรื่องหนึ่งว่า แม้โอสถนักทำนายจะไม่ช่วยเสริมพลังทางกายภาพจำพวก จิตสัมผัสต่อสู้ ความเฉียบแหลมของสายตา รวมถึงประสาทสัมผัสหูที่ว่องไว

 

แต่ตัวมันสามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางได้เล็กน้อย รวมถึงการได้ยินเสียงฝีเท้าเจือจางจากจุดห่างไกล แม้ในตอนแรกจะไม่ทราบว่าเป็นเสียงฝีเท้าก็ตาม

 

หรือนี่จะเป็นพลังจากสัมผัสวิญญาณ?

 

ไคลน์ครุ่นคิดกับตัวเอง ส่วนเลียวนาร์ดค้นตัวผู้สมรู้ร่วมคิดจนพบมีดสั้น มันทำการยึดและลากตัวชายโค้ตน้ำตาลเข้าไปในห้อง กองรวมไว้กับคนร้ายลักพาตัวที่เหลือ

 

ไคลน์เดินตามเข้าไปพร้อมปืนในมือขวาและไม้ค้ำในมือซ้าย ขณะเดียวกัน เอลเลียต·วิคโรลล์ที่ถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงปืน เด็กชายพยายามพยุงตัวยืนจากท่าถูกมัด

 

เลียวนาร์ดแก้เชือกออกจากตัวเอลเลียตนานแล้ว มันใช้มีดตัดแบ่งเชือกดังกล่าวและนำไปมัดร่างคนร้ายทั้งสี่แน่นหนา

 

เมื่อเชือกไม่พอ เลียวนาร์ดจะใช้มีดตัดเสื้อผ้าพวกมันและนำไปมัดแทนเชือก

 

ด้านชายโค้ตน้ำตาลที่ถูกยิงตรงหัวไหล่ เลียวนาร์ดทำแผลอย่างหยาบด้วยการใช้ผ้ารัดห้ามเลือด มันรังเกียจที่จะสัมผัสเลือดอีกฝ่าย จึงไม่ช่วยแคะกระสุนออกจากปากแผลก่อน

 

“พ…พวกคุณคือ?”

 

น้ำเสียงเอลเลียตเปี่ยมด้วยความยินดีหลังจากตื่นขึ้นมาเห็นฉากตรงหน้า

 

“เดาได้แม่นมากครับคุณหนูเอลเลียต”

 

เลียวนาร์ดกล่าวติดตลกในท่าคุกเข่า

 

นักกวีตัวปัญหาคนนี้มีอารมณ์ขันกับเขาด้วยหรือ?

 

ไคลน์ก้มหน้ามองเอลเลียตและอธิบาย

 

“พวกเราคือทหารรับจ้างที่บิดาของคุณหนูว่าจ้างมา จะเรียกว่าผู้คุ้มกันก็ได้”

 

“ฟู่ว! จริงหรือเนี่ย? ผมรอดแล้วใช่ไหม?”

 

เอลเลียตกล่าวอย่างโล่งใจ แต่เด็กชายยังไม่กล้าขยับตัวมาก

 

คงเป็นเพราะถูกกระทำอย่างรุนแรงตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ท่าทีของเด็กคนนี้จึงสงบเสงี่ยม นับว่าสุขุมเกินวัยมาก แตกต่างจากธรรมชาติของเด็กที่เอาแต่เล่นซนและโวยวาย

 

เลียวนาร์ดลุกยืน มันเหลือบมองไคลน์

 

“คุณลงไปข้างล่างและตามหาตำรวจที่กำลังลาดตระเวน บอกพวกเขาให้ช่วยแจ้งเรื่องกับพ่อค้ายาสูบ ผมไม่ต้องการเตร็ดเตร่ไปไหนมาไหนกับเด็กหนึ่งคนและพวกงั่งอีกสี่”

 

ไคลน์ที่กำลังกังวลว่าต้องทำสิ่งใดต่อ มันพยักหน้าอย่างว่าง่ายและเดินลงไปชั้นล่างพร้อมไม้ค้ำ ปืนพกถูกเก็บกลับซองรักแร้เพื่อให้ไม่เตะตาผู้คน

 

ขณะเดินลงบันได ไคลน์รู้สึกเหมือนตนหลงลืมอะไรบางสิ่ง

 

ทันใดนั้น เสียงเลียวนาร์ดดังมาจากห้องด้านบน มันกล่าวกับเอลเลียต

 

“คุณหนูไม่ต้องกังวล อีกประเดี๋ยวก็ได้พบกับท่านพ่อ ท่านแม่ และคุณพ่อบ้านครีแล้ว มาเล่นไพ่เกว็นท์กันสักเกมไหม?”

 

 

ไคลน์เกือบหลุดขำ

 

ชายหนุ่มเดินลงไปชั้นล่างสุดและถามหาตำรวจจากชาวบ้านในละแวก จนกระทั่งได้พบตำรวจลาดตระเวนสองนาย

 

ไคลน์ไม่ได้แสดงตราเหยี่ยวราตรีหรือตรากรมตำรวจ มันสวมบทบาทพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัยและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยละเอียด

 

ส่วนการพกพาอาวุธปืน ไคลน์ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก มันได้รับใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนทุกชนิดแล้วเมื่อสองวันก่อน สาเหตุที่ถูกอนุมัติรวดเร็วเพราะมีเส้นสายภายในจากกรมตำรวจช่วยลัดคิว

 

ตำรวจลาดตระเวนสองนายมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่นายหนึ่งจะรีบไปแจ้งข่าวกับตระกูลวิคโรลล์ ส่วนอีกนายเดินตามไคลน์ไปยังห้องที่เกิดเหตุ

 

หลังจากยืนเฝ้าในที่เกิดเหตุราวสี่สิบนาที เลียวนาร์ดแอบส่งสัญญาณกับไคลน์ขณะตำรวจไม่สนใจ

 

ทันใดนั้น นักกวีนัยตาเขียวและนักทำนายนัยน์ตาน้ำตาลรีบปลีกตัวจากที่เกิดเหตุอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง

 

“เชื่อผมเถอะ การไปสถานีตำรวจไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด แถมยังเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ถ้ามีจังหวะชิ่งได้ก็รีบทำ”

 

มันอธิบายด้วยท่าทีผ่อนคลาย

 

เมื่อเลียวนาร์ดรับปากว่าจะรับผิดชอบหากเกิดปัญหาตามมา ไคลน์จึงไม่โต้แย้ง มันเดินตามไปอย่างว่าง่าย

 

ราวห้านาทีถัดมา รถม้าส่วนตัวหรูหราได้แล่นมาจอดหน้าอาคารที่เกิดเหตุ พ่อบ้านครีลงจากรถพร้อมกับเจ้านาย มิสเตอร์วิคโรลล์

 

เมื่อพบตัวเอลเลียต ครียืนทึ่งอย่างไม่เชื่อสายตา มันไม่คิดว่าเหตุการณ์จะจบลงเร็วถึงเพียงนี้ ราวกับฝันไปไม่มีผิด

 

ทันใดนั้น ครีได้ยินเสียงดีดนิ้วดังจากด้านหลัง มันหันรีบกลับไปมอง

 

รถม้าเช่าสองล้อแล่นผ่านตึกที่เกิดเหตุและหยุดลง เลียวนาร์ดผมดำนัยน์ตาเขียวฉีกยิ้มกว้างให้ครีจากหน้าต่างห้องโดยสาร ก่อนที่มันจะดีดนิ้วซ้ำอีกครั้ง

 

รถม้าเช่าแล่นผ่านรถม้าตระกูลวิคโรลล์ไปอย่างเงียบงัน เลียวนาร์ดเลื่อนม่านปิดพร้อมกับหันมองไคลน์

 

มันยื่นมือขวาไปหา

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับคุณ”

 

พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น…

 

ไคลน์ส่ายศีรษะ

 

มันไม่เคยคิดว่าคดีลักพาตัวจะถูกคลี่คลายง่ายดายขนาดนี้ ชายหนุ่มกำลังท่ึ่งกับพลังของผู้วิเศษ ทั้งที่ตัวมันยังเป็นผู้วิเศษได้ไม่ถึงสัปดาห์ แต่สามารถใช้พลังระบุตำแหน่งปัจจุบันของเหยื่อได้แม่นยำ

 

สะดวกสบายฉิบ…

 

“การจับมือเป็นมารยาททางสังคมของชนชั้นสูงหลังจากประดาบ”

 

เลียวนาร์ดอธิบาย

 

“ผมทราบ”

 

ไคลน์เองก็มีเพื่อนเป็นชนชั้นสูงไม่น้อย

 

ชายหนุ่มยังคงมองไปนอกหน้าต่าง มันส่งเสียงถามพลางขมวดคิ้ว

 

“ดีแล้วหรือที่พวกเราไม่รอยืนยันผลงานกับมิสเตอร์ครี? ถ้าเขาคิดว่าตำรวจเป็นฝ่ายช่วยเหลือคุณหนูเอลเลียตออกมา ค่าจ้างจะหายไปครึ่งหนึ่งเชียวนะ”

 

ตั้ง 100 ปอนด์!

 

หลังจากพูดคุยก่อนเริ่มทำงาน พ่อบ้านครีคงไม่เคลือบแคลงว่าไคลน์และเลียวนาร์ดคือผู้พบเบาะแสแหล่งกบดาน …แต่ครีไม่มีทางทราบเลยว่าใครเป็นผู้จับกุมและช่วยเหลือ

 

“อย่าใส่ใจนักเลย สำหรับพวกเรา เงินทองไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”

 

เลียวนาร์ดยักไหล่

 

…แต่มันสำคัญกับฉัน!

 

ไคลน์ฝืนยิ้มแห้ง

 

“ถึงว่าทำไมนักกวีมักไส้แห้งตาย”

 

เลียวนาร์ดคิกคัก

 

“คุณหนูเอลเลียตคงไม่โกหก ผมสัมผัสได้ถึงความใสซื่อภายในตัวเขา ถึงภายนอกจะเยือกเย็นเหมือนผู้ใหญ่ก็เถอะ…

 

“แต่ถึงอย่างนั้น ต่อให้พวกเราได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน 200 ปอนด์จริง ส่วนแบ่งสำหรับคุณก็เหลือไม่มากหรอกนะ”

 

“ผมจะได้เท่าไร?”

 

ไคลน์ถามอย่างสนใจ

“ครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งให้มาดามโอเรียนน่าเก็บไว้เป็นเงินสำรองของหน่วย ส่วนที่เหลือจะแบ่งอย่างเท่าเทียมตามจำนวนคน น่าเสียดายที่คุณยังไม่ใช่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ส่วนแบ่งจึงเหลืออยู่ราวสิบเปอร์เซนต์”

 

10 ปอนด์? นั่นก็ไม่เลวนักหรอก…

 

ไคลน์แสร้งทำหน้าพึงพอใจก่อนจะถามต่อ

 

“คุณไม่กลัวบ้างหรือ? กลุ่มคนร้ายลักพาตัวอาจเอะใจหลังจากตื่นขึ้น ว่าพวกมันหลับไปเพราะพลังของผู้วิเศษ”

 

“พวกมันไม่มีทางนึกสงสัย ในสมองจะเข้าใจว่าอากาศดีจนเคลิ้มหลับไปเอง ส่วนบทกวีที่ผมขับขาน พวกมันจะคิดว่านั่นเป็นเสียงที่ดังในความฝัน… หน่วยเหยี่ยวราตรีเคยทดสอบและยืนยันเรื่องนี้มานานแล้ว”

 

เลียวนาร์ดอธิบายฉะฉานมั่นใจ

 

“หลักฐานเดียวที่ไม่ปรกติ คือกระสุนปราบมารที่่คุณยิงฝังเข้าไปในแขน แต่เราสามารถแก้ต่างได้ว่า คุณเป็นพวกคลั่งพิธีกรรมและหลงไหลศาสตร์เร้นลับ”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ไคลน์โล่งอก

 

แต่ความรู้สึกหนึ่งยังไม่เลือนหายไป มันคลับคล้ายว่าตัวเองกำลังมองข้ามหรือหลงลืมบางสิ่ง

 

 

หลังจากกลับถึงถนนซุตแลน ไคลน์ไม่รอให้พ่อบ้านครีมาติดต่อ มันเดินเท้าไปจนถึงบ้านเวิร์ชและเดินกลับถนนกางเขนเหล็กโดยเปลี่ยนเส้นทางไม่ให้ซ้ำเก่า ระหว่างทางยังแวะซื้อวัตถุดิบปรุงอาหารสำหรับมื้อดึก

 

มื้ออาหารของสามพี่น้องยังคงอบอุ่นและอิ่มเอมเช่นเคย บรรยากาศสนทนาเป็นไปอย่างออกรส แต่ถูกคั่นด้วยผู้มาเยือนแปลกหน้าครู่หนึ่ง …พนักเก็บเงินค่าแก๊ส อัตราอยู่ที่หนึ่งเพนนีต่อหนึ่งหน่วยมิเตอร์

 

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท สามพี่น้องกล่าวคำอำลาและเดินกลับห้องตัวเอง

 

ไคลน์หลับสบายเฉกเช่นทุกคืน จนกระทั่งมันถูกปลุกโดยบางสิ่งด้านนอกห้อง ชายหนุ่มงัวเงียเปิดประตูห้องนอนอันว่างเปล่าที่ไม่มีใครอาศัยอยู่

 

มันผลักบานประตูไม้ที่มีจุดด่างดำเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือโต๊ะอ่านหนังสือสีเทา

 

บนโต๊ะมีสมุดวางอยู่หนึ่งเล่ม ปกทำจากกระดาษแข็งดำสนิท

 

ไคลน์สัมผัสถึงความรู้สึกเดจาวูอย่างเลือนลาง มันเดินไปที่โต๊ะและเปิดสมุดออกด้วยท่าทีเหม่อลอย

 

เมื่อพลิกไปหน้าแรก ชายหนุ่มได้พบกับภาพที่ตนคุ้นเคย มันคือภาพของใครบางคนที่สวมเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับศีรษะระยิบระยับ

 

…เดอะฟูล!

 

ใต้ภาพเดอะฟูลมีอักษรเฮอร์มิสโบราณเขียนไว้

 

“ทุกคนต้องตาย รวมถึงเรา”

 

หัวใจไคลน์แทบหยุดเต้นเมื่อมุมปากของเดอะฟูลในภาพโค้งขึ้นต่อหน้าต่อตา!

 

พรวด!

 

ชายหนุ่มลุกนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด มือขวาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสบริเวณหัวใจที่กำลังเต้นโครมคราม

 

แสงจันทร์สีแดงจากภายนอกส่องทะลุม่านดำสนิทเข้ามาในห้องเล็กน้อย เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบ เงาของชั้นหนังสือและโต๊ะอ่านหนังสือยังคงประจำในจุดเดิม ที่นี่คือห้องนอนตนไม่ผิดแน่

 

เมื่อครู่เป็นเพียงฝันร้าย

 

แต่ในฐานะนักทำนาย มันย่อมทราบว่าความฝันคือลางบอกเหตุจากโลกวิญญาณ ชายหนุ่มพยายามเค้นสมองตีความภาพดังกล่าวออกมาเป็นเบาะแส

 

ทันใดนั้น ร่างกายไคลน์พลันแข็งทื่อเมื่อตระหนักได้ว่า วันนี้ตนหลงลืมสิ่งใดไป…

 

ในวินาทีที่เสียงขับขานของเลียวนาร์ดดังกังวาลในหัว ไคลน์สัมผัสว่ามีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังจ้องมองแผ่นหลังของตน

 

เป็นการจ้องมองที่แตกต่างจากผลข้างเคียงปรกติของโอสถในยามเข้าฌานและใช้เนตรวิญญาณ

 

มันมอบความรู้สึกเหมือนกับ… เดจาวู!

 

และตามคำบอกเล่าของหัวหน้าดันน์·สมิท หากตนสัมผัสถึงเดจาวูได้เมื่อไร

 

นั่นจะแปลว่า…

 

ไคลน์นั่งเอนหลังตรง มันพยายามยืนยันความรู้สึกตัวเองให้ชัดเจนอีกครั้ง

 

…ไม่ผิดแน่ ความรู้สึกเดจาวูหมายถึงสมุดบันทึก

 

สนุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส!

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด