ตอนที่ 280 ซวนเทียนฮั่วโกรธ
เมื่อได้ยินนางพูดว่าฮ่องเต้ต้องการเห็นมัน ก็เท่ากับประกาศการตัดสินใจของจักรพรรดิสำหรับเฟิงจินหยวน
เฟิงจินหยวนหรี่ตาและมองไปที่เฟิงหยูเฮงหวังที่จะได้พบกับความจริงจากสายตาของนาง น่าเสียดายที่เขาไม่ประสบความสำเร็จ
“การแบ่งฝ่ายของราชสำนักมีมานานแล้ว เจ้าเชื่อหรือว่าเจ้าสามารถเปลี่ยนฝ่ายด้วยลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ?” เขาด่าเฟิงหยูเฮงอย่างโกรธเคือง “เจ้าประเมินราชสำนักต่ำไป”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “ในเมื่อไม่มีผลต่อฝ่ายต่าง ๆ ในราชสำนัก ทำไมท่านพ่อต้องโกรธที่จะพูดกับอาเฮงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ? ท่านสามารถนั่งพักผ่อนได้ในขณะที่รอให้ฝ่ายต่าง ๆ กลับสู่สภาวะปกติ”
“เจ้า” ใจความสำคัญของสิ่งที่เฟิงจินหยวนพูดถูกตีกลับ เขาพูดไม่ออก
เขาเป็นกลางมาหลายปีแล้ว เมื่อในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเข้าร่วมกับองค์ชายสาม พวกเขาคาดหวังว่าจะมีคู่ต่อสู้จำนวนมากทั้งแบบเปิดเผยและแบบลับ ๆ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะวางแผนกันมากเพียงใด พวกเขาไม่ได้วางแผนสำหรับเฟิงหยูเฮง เฟิงจินหยวนหันกลับมามองซวนเทียนเย่ และเขาก็มองกลับมาเช่นกัน ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธเหมือนมังกรที่พร้อมพ่นไฟออกมาได้ทุกเวลาหรือทุกสถานที่ ตราบใดที่พวกเขาเปิดปากพวกเขาก็สามารถเผาเขาให้เป็นเถ้า
ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินจากไป
เฟิงหยูเฮงชูผลไม้ในมือของนางให้ซวนเทียนเย่และทำท่าอวยพร จากนั้นก็ม้วนริมฝีปากของนางด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย จากนั้นนางหยิบผลไม้ขึ้นหนึ่งชิ้นแล้วส่งให้นางกำนัลในพระราชวังที่อยู่ข้าง ๆ นาง “นำผลไม้จานนี้มาให้ท่านพ่อของข้า ข้าเห็นเขามอง เขาคงอยากทาน”
นางกำนัลไม่ทราบเรื่องราวและยิ้ม หลังจากรับจานแล้วนางเดินไปหาเฟิงจินหยวน
เฟิงจินหยวนไม่คิดว่านางกำนัลจะมอบให้เขา ตอนแรกเขาตัวแข็งทื่อก่อนที่จะได้ยินนางกำนัลพูดสักสองสามคำ จากนั้นเขาก็มองไปที่เฟิงหยูเฮง และเห็นว่าบุตรสาวของเขาส่งรอยยิ้มที่ขี้เล่นมาให้เขา เช่นนี้นางดูเหมือนคุณหนูที่เล่นกับบิดาของนางและดูน่ารักมาก
เฟิงจินหยวนเหม่อลอยไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขาได้เห็นเฟิงหยูเฮงในวัยเด็กของนาง ในเวลานั้นบุตรสาวคนนี้สามารถเปิดเผยท่าทางไร้เดียงสาได้ และหลังจากนั้นนางก็จะหลบหนีออกจากที่เปียกโชกและบ่าวรับใช้ของนางแล้ววิ่งกลับมา แต่ในเวลานั้นตำแหน่งของเขาในราชสำนักยังไม่มั่นคง เขาทำงานหนักมากยุ่งมากจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ แม้ว่าเขาจะชอบบุตรสาวคนนี้มาก แต่เขาไม่เคยคิดที่จะเข้าใกล้เกินไป
หลังจากนั้นบุตรสาวผู้นี้ก็เติบโตขึ้น นางก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นและดูห่างเหิน
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลเหยา บุตรสาวผู้นี้ก็ออกเดินทางกลับสู่เมืองหลวง ตอนนี้นางมีนิสัยเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงส่งคนมามอบผลไม้ก็ส่งผลจิตใจของเฟิงจินหยวนนั้นยุ่งเหยิง ใบหน้าที่เขาดูอ่อนกว่าวัยมากเมื่อเขามองดูอีกครั้ง
การแลกเปลี่ยนระหว่างบิดาและบุตรสาวนี้องค์ชายสามมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชั่วครู่หนึ่งความโกรธในดวงตาของเขาก็ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
เฟิงหยูเฮงกระตุกแขนเฟิงเซียงหรู และพูดกับนางว่า “ในห้องโถงน่าเบื่อ ข้าจะออกไปรับอากาศข้างนอก เมื่อจื่อหรูกลับมา ให้ระวังเขา อย่าปล่อยให้เขาวิ่งเล่นไปรอบ ๆ”
เฟิงเซียงหรูพยักหน้า “พี่รองระวังตัวและกลับมาเร็ว ๆ นะเจ้าค่ะ”
“แน่นอน” เฟิงหยูเฮงยืนขึ้นแล้วพูดกับหวงซวน “ไม่ต้องตามข้าไป ข้าจะไปเอง”
หวงซวนรู้สึกกังวลเล็กน้อย “คุณหนู, พระราชวังของฮ่องเต้แตกต่างจากตำหนักหยวน บานซูไม่สามารถเข้ามาได้เจ้าค่ะ”
นางยังจำงานเลี้ยงวันเกิดของซวนเฟยหยูที่จัดขึ้นในตำหนักหยวนได้ เฟิงหยูเฮงไปเดินเล่นที่สนามด้านนอกแล้วคุยกับองค์ชายสามด้วยตัวนางเอง ในเวลานั้นนางไม่กังวลเพราะนางรู้ว่าบานซูซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่ง อย่างไรก็ตามวันนี้แตกต่างกัน บานซูไม่สามารถเข้ามาในพระราชวังได้ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเฟิงหยูเฮง แม้กระทั่งการตาย 10,000 ครั้งก็ไม่เพียงพอที่จะหลบหนีจากการลงโทษ
"ทุกอย่างปกติดี ข้าจะไม่ไปไกล ข้าจะยืนอยู่ข้างนอกทางเข้าซักพัก มีผู้คนเดินไปมา ใครจะทำอะไรข้าได้”
“ถ้าอย่างนั้น…คุณหนูอย่าออกไปไกลนะเจ้าค่ะ”
ในที่สุดเฟิงหยูเฮงก็ออกจากห้องโถงเฟยกุย หลังจากคำเตือนซ้ำของหวงซวน ดูเหมือนว่านางเดินเล่นรอบจัตุรัสใกล้กับห้องโถง
บทสนทนาระหว่างนางกับเฟิงจินหยวนเป็นการกระทำที่เป็นการยั่วยุให้ใครบางคน ตอนนี้นางออกมาเพื่อสูดอากาศข้างนอก นางก็เชื่อว่าอีกคนจะออกมาอย่างรวดเร็ว
อย่างที่นางคาดหวังไม่นานหลังจากที่นางออกมา องค์ชายสามซวนเทียนเย่ก็ออกจากห้องโถงด้วย นางหยุดและซวนเทียนเย่มาถึงหน้านางอย่างรวดเร็ว
“พี่สามนั้นช่างรวดเร็วเสียจริง”
“น้องสาวฉลาดมากกว่า”
“พี่สามชมเชยเกินไปแล้ว”
"พูด ! เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”
เฟิงหยูเฮงยิ้ม องค์ชายสามที่หนักแน่นเสมอ ในที่สุดก็ไม่สามารถทนได้ต่อไปในที่สุด ?
“อาเฮงไม่เข้าใจความหมายของพี่สาม” นางมองเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และสบายใจ นางไม่มีร่องรอยของความประหม่าที่คาดหวังจากหญิงสาว รูม่านตาของนางชัดเจน และโปร่งใส ไม่มีใครสามารถจินตนาการความคิดที่ผิดปกติของคนที่มีดวงตาแบบนี้
แต่ซวนเทียนเย่เข้าใจ บุตรสาวของตระกูลเฟิงมีปัญญาอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ข้างใน
“เฟิงหยูเฮง” เขาลดเสียงของเขาอย่างระมัดระวัง และเรียกชื่อนางลอดไรฟันขออกมา และริมฝีปากของเขา “เจ้าทำงานให้ใครกันแน่ ?”
เฟิงหยูเฮงงงงวย “ข้าทำงานให้ใคร ข้าไม่ได้ทำงานให้ใคร ?”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่งมหลอกข้า !”
“ฮ่า ๆ” นางหัวเราะ “พี่สามดูน่าประทับใจมาก ตอนนี้ท่านโกรธ ท่านดูน่ากลัวมาก !” แม้ว่านางจะพูดว่าเขาดูน่ากลัว แต่นางก็ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง “อาเฮงเป็นแค่เด็กผู้หญิง พี่สามกำลังจะทำอะไร ?”
ซวนเทียนเย่รู้สึกว่าเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หากเขาไม่ได้ระบายมันในไม่ช้าเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บภายใน ! การกระทำนี้ของโดยเฟิงหยูเฮงและซวนเทียนหมิงบังคับให้เขาต้องถอยทัพที่เขาส่งไปยังชายแดนทางเหนืออย่างไร้ประโยชน์ มันยังกวาดล้างการสนับสนุนที่เขาได้รับในราชสำนัก ในหมู่พวกเขาเป็นบัณฑิตที่เขาได้พัฒนาความสัมพันธ์มานานหลายปี สิ่งสำคัญที่สุดคือมีคนชื่อเค่ออัน และบุคคลนี้ได้จัดเตรียมกองทัพขนาดใหญ่ที่เขาชุบเลี้ยงไว้ด้านนอกด้วยอาหารมากมายจนเขาต้องแสดงท่าทีสุภาพ อย่างไรก็ตามด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันขององค์ชายใหญ่ เค่ออันก็หายตัวไปในทันที
เขามองไปที่เฟิงหยูเฮงและรู้สึกว่าดวงตาของนางช่างน่ารำคาญอย่างยิ่ง เขาต้องการที่จะเอื้อมมือออกไปและควักพวกมันออกมา แต่เมื่อเขายกมือขึ้นเขาก็เปลี่ยนใจ แล้วไปคว้าคอของนาง !
ก่อนที่ซวนเทียนเย่จะยกมือขึ้น เฟิงหยูเฮงก็สังเกตเห็น นางสามารถหลบมันได้ แต่นางเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหวและอนุญาตให้ตัวเองถูกซวนเทียนเย่บีบคอ แต่นางก็แทบหายใจไม่ออก
แต่นางยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนางและสายตาของนางยังคงเหมือนเดิม นางยังกล่าวอีกว่า “พี่สามบีบแรงมากเกินไปนะเจ้าค่ะ ปล่อยเร็ว” แต่เขากลับบีบให้แน่นขึ้นและแน่นขึ้นจนกว่าใบหน้าของนางจะแดง ขณะที่นางกำลังจะตอบโต้กลับ เสียงฝีเท้ามาจากด้านหลัง เฟิงหยูเฮงผู้ซึ่งกำลังจะตอบโต้ วางมือที่ยกมือขึ้นเล็กน้อยลง
เสียงฝีเท้าที่เดินด้านหลังนางเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ และในตอนท้ายมันกลายเป็นการวิ่งเต็มฝีเท้า นางเห็นมือคู่หนึ่งสวมแหวนหยกสีขาวคว้าข้อมือของซวนเทียนเย่ ความแข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งที่ซวนเทียนเย่ทนได้และเขาปล่อยคอของนางโดยไม่รู้ตัว
“พี่สาม ! รังแกผู้หญิง ทำไมท่านพี่เป็นคนแบบนี้ ?”
เฟิงหยูเฮงจำเสียงนี้ได้ มันเป็นองค์ชายเจ็ด ซวนเทียนฮั่ว
นางขมวดคิ้วและสับสนเล็กน้อย
ตอนนี้นางเพิ่งเชื่อว่าเสียงฝีเท้าของนางนั้นเป็นคนที่ผ่านไปมาหรือนั่นคือหวงซวนผู้ออกมาตามหานาง เหตุผลที่นางไม่ได้ป้องกันคือนางต้องการให้คนนอกเห็นองค์ชายสามไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่ง นางก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผู้ที่มาเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างชัดเจนและทักษะศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาเหนือกว่าของซวนเทียนเย่ ไม่เพียงแค่นี้เขาไม่กลัวที่จะมีความขัดแย้งโดยตรงกับซวนเทียนเย่
ตอนนี้นางคิดเกี่ยวกับมันแล้ว คนที่เดินอยู่อาจไม่ใช่ซวนเทียนหมิงเนื่องจากขาของเขายังไม่หายสนิท ดังนั้นจึงอาจเป็นซวนเทียนฮั่ว
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?” ซวนเทียนฮั่วหันมาถามนางขณะที่น้ำเสียงของเขากลับสู่ความสงบตามปกติ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่เขาเคยใช้กับซวนเทียนเย่
เฟิงหยูเฮงส่ายหน้าและกระแอม 2 ครั้งแล้วพูดว่า “ข้าสบายดี”
จากนั้นซวนเทียนฮั่วมองไปที่องค์ชายสามซึ่งเขายังจับข้อมืออยู่ องค์ชายสามพยายามสองสามครั้งเพื่อดึงข้อมือออก แต่เขาไม่สามารถประสบความสำเร็จและตะโกนด้วยความโกรธ “น้องเจ็ด !”
ซวนเทียนฮั่วผลักมันออกไปทันทีและผลักองค์ชายสามไปไกล “รังแกผู้หญิง พี่สามมีทักษะที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ !”
"ดี! เจ้าเก่งจริง ๆ ! ” ซวนเทียนเย่รู้สึกละอายใจและใบหน้าทั้งหมดของเขาเป็นสีแดงสด ไม่มีประโยชน์ในการอยู่อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงสะบัดแขนเสื้อ เขาจ้องมองพวกเขาจากนั้นกลับไปที่ห้องโถงเฟยกุยอย่างรวดเร็ว
คอของเฟิงหยูเฮงเจ็บเล็กน้อยจากการถูกบีบคอ นางเอื้อมมือไปนวดมันและพึมพำอย่างไร้ประโยชน์ “มือของเขาแข็งแรงจริง ๆ การฆ่าผู้คนจะทำให้พวกเขาสงบลงหรือ ?”
นางไม่เคยคิดเลยว่าซวนเทียนฮั่วจะใช้น้ำเสียงที่ตำหนิและพูดกับนางว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาต้องการฆ่าปิดปากเจ้า แต่เจ้าก็ยังไปกระตุ้นเขา ? ข้าหันหลังดูซักครู่แล้วเจ้าก็วิ่งออกมาข้างนอก เจ้าไม่นำบ่าวรับใช้มาด้วย เฟิงหยูเฮง เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตรายแค่ไหน ?”
เฟิงหยูเฮงตกตะลึงเพราะนางจ้องมองที่ซวนเทียนฮั่วที่โกรธแค้น นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนที่อ่อนโยนผู้นี้โกรธและเขาก็โกรธนาง นี่… “หายากเกินไป !”
“เจ้าพูดอะไรนะ?” เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงพูดอะไรบางอย่างโดยไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด
ซวนเทียนฮั่วมองไร้ประโยชน์อย่างมาก “ข้ากำลังบอกให้เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายแค่ไหน” เมื่อเขาพูดสิ่งนี้ เขากลับไปสู่ท่าทางเงียบสงบของเขาและเหมือนเทพบุตร แต่ความกังวลในดวงตาของเขาไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไปเพราะมันค่อย ๆ กลายเป็นเงื่อนในหัวใจของเขา
“พี่เจ็ด” ในที่สุดนางก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง แต่นางก็เหมือนเด็กที่ทำอะไรผิดพลาด นางก้มหัวลงและมือขยุกขยุกอยู่ตรงหน้านาง “ข้ารู้ว่าข้าผิด”
“เจ้า…” เขาไม่เคยคิดเลยว่านางจะยอมรับความผิดพลาดของนางโดยตรง ซวนเทียนฮั่วตกตะลึง แต่ก็ถอนหายใจออกทันที “หมิงเอ๋อยังไม่มา ดังนั้นข้าจะต้อง... จับตาดูเจ้าให้เขา”
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่เจ็ด ?” นางไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลของนาง “ข้าเห็นว่าท่านดูรู้สึกแย่ที่ตำหนักศศิเหมันต์ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ?”
ซวนเทียนหัวส่ายหัว “เจ้าคิดมาก ข้าไม่เป็นอะไร” เขายกมือขึ้นแล้วตบไหล่เฟิงหยูเฮงเบา ๆ “จำไว้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง บางอย่างที่ผู้ชายควรทำก็ปล่อยให้ผู้ชายทำ ตอนนี้เจ้าควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เรื่องนี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จสำหรับผู้คน แต่พี่เจ็ดอยากเห็นเจ้ายิ้มเพราะเจ้าได้รับชุดเสื้อผ้าสวย ๆ มากกว่า เพราะเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าอย่างไร… เจ้าและหมิงเอ๋อต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข” เขาเงยหน้าขึ้น และมองไปรอบ ๆ จัตุรัสกว้าง เนื่องจากงานเลี้ยงใกล้เริ่มแล้ว ผู้คนจำนวนมากจึงเริ่มผ่านพื้นที่นี้ “ตอนนี้คนมากขึ้น เจ้าต้องการที่จะสูดอากาศเพิ่มเติมที่นี่ก็ไม่เป็นไร พี่เจ็ดจะกลับเข้าไปแล้ว” หลังจากพูดอย่างนี้เขาก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องโถงเฟยกุย
เฟิงหยูเฮงสับสนอย่างสมบูรณ์ คำพูดของซวนเทียนฮั่วมีความหมายอื่นแอบแฝง มีความหมายอื่นที่แอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน ทำไมคำเหล่านี้ฟังดูเหมือนเป็นคำสารภาพ? นางคิดว่ามันใช่หรือไม่ ?
ยิ่งนางคิดมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหลุดลอยไป เมื่อดูคนที่เดินไปไกล จู่ ๆ เฟิงหยูเฮงก็อยากจะตามไป แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง “อาเฮง !”