ตอนที่ 181 พวกชั่วก็ต้องเจอกับคนชั่ว
เบื้องบนของสถาบันวิจัยโกรธมาก พวกเขารู้สึกเหมือนชายคนนั้นคิดว่าพวกเขาเป็นลิงโง่ แต่คนโกหกนั่นกลับเดินมาในรังพวกเขา
กล้าดียังไงถึงมาตอแยเราโดยไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของดินแดนนี้
ในห้องแสดง เคทถอยออกไปเงียบๆ จัดชุดเขาและมองหานเซี่ยว“หากแกขยับ เช่นคิดอยากจับฉันเป็นตัวประกัน แกจะกลายเป็นกองเลือด อย่าคิดเสี่ยง แค่วางปืนลงและยอมจำนนซะ”
หานเซี่ยวมองดูปืนสีดำ กล้องในมุมห้อง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กำลังมองเขาผ่านกล้องเหล่านั้น เขาแม้กระทั่งรู้ว่าช่องระบายอากาศสามารถปล่อยก๊าซพิษได้
ด้วยสีหน้าเย็นชา เขาออกคำสั่งเสียง
“เปิดโปรแกรม”
ชิปอัจฉริยะในชุดจักรจดจำคำสั่งและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ทันที จากนั้นมันก็เข้าสู่อินทราเน็ตของสถาบันวิจัยและเปิดใช้งานโปรแกรมแฮคที่หานเซี่ยวฝังเอาไว้
ระบบของสถาบันวิจัยล่มเหมือนโดมิโน โดยไม่ต้องพยายามให้มาก ระบบทั้งตึกถูกยึดและหานเซี่ยวก็เป็นผู้ควบคุมแทน
นี่ไม่ใช่โปรแกรมแฮ็คง่ายๆที่สร้างขึ้นในนาทีเดียว เขาสามารถขึ้นด้วยชิปอัจฉริยะจำนวนมากและเพื่อป้องกันไม่ให้ใครควบคุมได้ เขายังทำโปรแกรมต่อต้านการโจมตีรวมถึงโปรแกรมรุกราน แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสใช้มาก่อน
หน้าจอโฮโลแกรมแสดงให้เห็นแผนที่ของสถาบันวิจัย หานเซี่ยวออกคำสั่งเสียงอีกครั้ง กำแพงห้องเปิดออก และตู้โชว์ก็ปรากฏอีกครั้ง ปืนบนเพดานเลื่อนกลับและประตูก็เปิดออก
เมื่อเขาเจาะเข้าระบบของสถาบันวิจัยเมื่อวาน เขาได้เห็นโครงสร้างมันอย่างชัดแจ้งและรู้มาตรการป้องกันดี มีการคุ้มกันแน่นหนาที่คลังสินค้าในสถาบันวิจัย แต่มันก็มากเกินกว่าเขาจะแบกกลับได้ ปริมาณในห้องจัดแสดงนับว่าพอแล้ว
การพลิกโต๊ะอย่างกะทันหันทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงพากันขนหัวลุก
“เกิดอะไรขึ้น?ระบบควบคุมไม่ได้!”
“เร็วเข้า รีบชิงระบบคืนมา!”
ช่างเทคนิคด้านข้างหลั่งเหงื่อ เขาทุบแป้นอย่างรวดเร็ว มีชุดรหัสปรากฏอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นหน้าจอเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวและคอมพิวเตอร์ก็หยุดนิ่ง ช่างเทคนิคอุทาน“ผมทำไม่ได้ ความเร็วการบุกของโปรแกรมเขาเหนือเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ในเวลาอันสั้น”!
“เขาเตรียมการไว้อยู่แล้ว!”เจ้าหน้าที่ระดับสูงเต็มไปด้วยความชิงชัง
ในห้องจัดแสดง เคทตกตะลึง เขามองเข้าไปในแว่นดำของหานเซี่ยวและความกลัวก็กัดกินหัวใจ ขาเขาไร้เรี่ยวแรงและล้มลง“ฉะ-ฉัน...”
ปัง!
ควันพวยพุ่งจากพื้นระหว่างขาเขาที่กระสุนยิงใส่
เคทกลัวมาก ไม่กล้าขยับ
“อยู่เฉยๆและอย่าขยับ แกจะมีชีวิตรอด”หานเซี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ตะ-ตกลง”เคทตอบอย่างเร่งรีบ เขาได้แต่นั่งตัวสั่น
หานเซี่ยวทุบตู้โชว์ทั้งหมด การเสริมพลังจากชุดจักรกลทำให้หมัดเขารุนแรงกว่ากระสุน เขานำเป้ออกมาและเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋า
เขาตบกระเป๋าด้วยความพึงพอใจ มันเป็นรางวัลมหาศาล
ตอนแรก เขาไม่คิดปล้นสถาบันวิจัย แต่ทว่า นั่นก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาเผอิญได้ยินเคทและเจ้าหน้าที่ระดับสูงพูดถึงหยางเตียนและเน็ด เนื่องจากสถาบันวิจัยไร้ศีลธรรม หานเซี่ยวจึงไม่คิดทำเรื่องดีด้วย ยังไงพวกเขาก็ไม่ใช่คนดี ดังนั้นพวกเขาอาจทำตามกฏของคนชั่ว-อย่างผู้แข็งแกร่งย่อมเอาเปรียบผู้อ่อนแอ
หากฝ่ายตรงข้ามมีศีลธรรมและน่าเชื่อถือ หานเซี่ยวคงมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาตามปกติ แต่หากพวกเขาทำให้หานเซี่ยวไม่พอใจและไม่แข็งแกร่งพอ หานเซี่ยวก็ย่อมกลับสู่นิสัยเดิมเมื่อเขายังเป็นผู้เล่น ปล้นชิงทุกอย่างที่เห็น นอกจากนี้ เขายังสนใจตัวยาของสถาบันวิจัยมาก เขาชอบโน้มน้าวใจคนด้วยคุณธรรมเขา...แต่หากนั่นไม่ได้ผล เขาก็จะใช้กำลังแทน
แม้หานเซี่ยวจะไม่ชอบความคิดเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นและไม่ชอบพวกฮีโร่รักโลก เขายังชอบคนที่เป็นมิตร การเป็นเพื่อนกับคนดีย่อมดีกว่าคนชั่วร้าย แม้แต่คนชั่วก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับคนดี มันปลอดภัยและไร้กังวล
น่าเสียดาย จำนวนของคนใจดีในโลกน้อยมาก ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอะไรอยู่ เบื้องหน้าอาจเป็นพวกซื่อสัตย์ แต่ลับหลังอาจมีเรื่องเลวร้ายอยู่ การทรยศนับเป็นเรื่องปกติ แม้กระทั่งระหว่างเพื่อนเก่า
คนใจดีนับเป็นสัตว์หายาก พวกเขาสามารถจัดวางในสวนสัตว์เพื่อจัดแสดงได้ด้วยซ้ำ สวนสัตว์อาจไม่เหมาะกับพวกเขา มันต้องเป็นเหยื่อซะมากกว่า สถาบันวิจัยเล่นกับพวก’วีรบุรุษ’และมันเพราะพวกหน้าซื่อใจคดเหล่านี้ คนดีจึงลดน้อยลง สังคมอยู๋ยากขึ้น และประเพณีต่างๆก็ล่ม
บ่อยครั้ง ความขยันหมั่นเพียรของคนในสายตาคนอื่นเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ควรทำ การทำงานหนักเป็นแค่การสร้างผลกำไรมากขึ้น ก็เหมือนกับสถาบันวิจัยลูอิสที่ใช้ความหลงใหลของหยางเตียนและเน็ดเป็นเครื่องมือ หานเซี่ยวได้ขโมยงานวิจัยของสถาบันมา
คำพูดหนึ่งปรากฏในหัวหานเซี่ยว’กรรมจะพบทางของมันเอง ความชั่วจะถูกจัดการโดยคนชั่ว’
“ดูเหมือนว่าฉันจะกลายเป็นคนชั่วแล้ว”หานเซี่ยวหัวเราะ โอกาสที่จะทำผิดโดยไม่รู้สึกผิดไม่ได้มากันบ่อยๆ
ทำไมเขาถึงใช้เงินกับคนที่เขาสามารถปล้นได้?เขาแค่อยากเปลี่ยนใบหน้าและกลายเป็นลูกค้าใหม่
มันไม่ใช่เวลามาตรวจสอบรางวัลเขา เขาหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาและเดินไปที่ลิฟต์
ร่างของเคทกลายเป็นอ่อนปลวกเปียก เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ความกลัวก็ยังอัดแน่น
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในห้องเฝ้าระวังเหมือนถูกมีดกรีดบนหัวใจเมื่อเห็นยาทั้งหมดถูกนำไป หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างโกรธแค้น“รีบคิดเร็วว่าเราทำอะไรได้บ้าง!”
“เข้าใจแล้ว บอกห้องควบคุมให้ตัดกระแสไฟทั้งหมดในชั้นใต้ดินและขังเขาไว้ที่นั่น!”
“ขอความช่วยเหลือจากเมเปิ้ลเร็วเข้า!เรายังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เรียกพวกเขาให้ไปรวมกันที่ประตูหลัก เราแค่ต้องถ่วงเวลาเขาให้ได้สัก15นาทีจนกระทั่งทหารมาถึง และฉันก็อยากให้เขาตาย!”
เมื่อหานเซี่ยวมาถึงลิฟต์ ไฟทั่วชั้นก็ดับ เขาเลิกคิ้วและเปลี่ยนเป็นวิสัยทัศน์กลางคืน ไฟถูกตัดตามคาด
ขาของหานเซี่ยวงอลง พลังจากเส้นใยกล้ามเนื้อนาโนได้รวมกันที่ขาเขาและระเบิดออกมา พื้นแตกและเขาก็พุ่งทะลุเพดานเหมือนจรวด
หลังกระโดดอยู่สองครั้ง หานเซี่ยวก็ชนเข้ากับห้องโถง กลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในมุมมองเขา มีประมาณ20คนเท่านั้น ไม่แม้แต่จะถึง1ใน5ของทั้งหมด การมาของหานเซี่ยวทั้งดุดันและเร็วเกินไป มันไม่มีเวลาให้สถาบันวิจัยตอบสนองเลย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างตกใจกับพลังของชุดจักรกล พวกเขารีบสั่งให้โจมตี
“ถ่วงศัตรูไว้ เจ้าหน้าที่คนอื่นกำลังจะไปถึงภายใน20วินาที....บัดซบ!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หานเซี่ยวก็ชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหมือนลูกโบว์ลิ่งและส่งพวกเขาลอยออกไป เจ้าหน้าที่ไม่อาจทำให้เขาช้าลงได้เลย เขาทำลายประตูกระจกและหายไปในถนน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันวิจัยโกรธจนแทบบ้า พวกเขาหวังว่าอย่างน้อยก็คงถ่วงเขาไว้ได้สัก15นาที แต่นี่แค่3วินาทียังไม่ถึงเลย
เมื่อเห็นว่าไม่อาจนำยาคืนมาได้ หัวใจของพวกเขาก็เต้นกระหน่ำ และโกรธมาก
“ทหารเมเปิ้ลจะมาถึงตอนไหน?”
“อย่างน้อย10นาที”
“นานไป ไอระยำนั่นควรหายไปนานแล้ว มีทางอื่นไหม?”
เคทกลับมาเป็นปกติและกล่าว“ฮีโร่คู่นั้นยังอยู่ในเมือง ฉันจะติดต่อพวกเขา!”
“เร็วเข้า!”