บทนำ
บทนำ
ทุกคนที่รู้จักบ้านสกุลเย่ทั้งสี่คนต่างรู้สึกว่าครอบครัวนี้ก็เหมือนครอบครัวธรรมดาทั่วไป
คุณเย่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีลูกศิษย์ไม่มาก แน่นอนว่าเมื่อจบการศึกษาเขาก็จะถูกลืม บางคนรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของอาจารย์ แต่บางคนกลับไม่ได้นึกถึงเขาเลย
ภรรยาของอาจารย์เย่เป็นแม่บ้านดูแลบ้าน คอยจัดสรรค่าใช้จ่ายจากเงินเดือนของสามีอย่างรอบคอบ
มีลูกชายคนเล็กคนหนึ่งชื่อ ‘เย่เฟิง’ กำลังเรียนอยู่มหาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง ความหล่อไม่ถือว่าชัดเจนนักแต่ก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้
ยังมีลูกสาวคนโตอีกคนชื่อ ‘เย่ซวง’ เธอเริ่มทำงานมาได้สองปีแล้ว เสียก็แต่อารมณ์ที่ฉุนเฉียวเหมือนผู้ชาย นอกนั้นก็ไม่มีอะไร
ครอบครัวนี้มีสมาชิกอยู่สี่คน พ่อกับแม่ก็เหมือนสามีภรรยาทั่วไปที่ทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ลูกชายคนเล็กตอนสมัยมัธยมก็มีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายวัยนี้ และอีกอย่างเขาก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะก่อปัญหา ส่วนพี่สาวคนโตสมัยตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เคยแอบมีความรักตามประสาเด็กมหาลัย แต่สุดท้ายแฟนของเธอกลับนอกใจไปหาผู้หญิงอื่นทั้งสองก็เลยเลิกรากันไป
ทั้งหมดที่พูดมาจะเห็นได้ว่าครอบครัวนี้ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้ดูพิเศษมากกว่าครอบครัวทั่วไป และมีไม่กี่คนที่จะไปมาหาสู่กับคนในบ้านหลังนี้ด้วยเหมือนกัน
แต่แล้ววันหนึ่งก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากบ้านสกุลเย่
เพื่อนบ้านที่กระตือรือร้นในละแวกนั้นมารวมตัวกันที่ประตูบ้านภายในหนึ่งนาที พยายามเคาะประตูอย่างแรงและส่งเสียงเรียกเพื่อหวังว่าตนจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นเหตุการณ์ด้านใน
ก๊อก ก๊อก
“คุณเย่”
“อาจารย์เย่ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?”
สามนาทีต่อจากนั้น คุณเย่เดินมาที่ประตูด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เมื่อเปิดประตูออกก็ปะทะกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของบรรดาเพื่อนบ้านที่พยายามมองลอดผ่านประตูเข้าไป เขารีบใช้ร่างกายบังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้านให้พ้นสายตาก่อนจะรีบปิดประตูให้สนิท
“มะ...ไม่มีอะไร” คุณเย่เผยยิ้มเจื่อนๆ ให้กับเพื่อนบ้านที่มารวมตัวกันที่บ้านของเขา
“ไม่มีอะไรจริงๆ เหรอ?!” บรรดาเพื่อนบ้านเป็นห่วงเป็นใยมาก “สีหน้าของคุณดูไม่ดีเลยนะ”
“...อ้อ เมื่อกี้ภรรยาของผมดูหนังสยองขวัญแล้วตกใจน่ะ” เขาตอบด้วยสายตาล่อกแล่ก มีพิรุธ “คือผม...ผมตกใจกับเสียงกรี๊ดของเธอ”
“...”
...ไม่จริงหรอกมั้ง ดูหนังสยองขวัญตอนกลางวันแสกๆ แล้วจะทำให้ตกใจได้ขนาดนี้...
....คุณนายเย่นี่วัยรุ่นชะมัด อายุก็เข้าใกล้เลขห้าแล้วยังชอบทำอะไรตื่นเต้นเหมือนเด็กสาวๆ อยู่อีกเหรอ...
เสียงซุบซิบของเพื่อนบ้านอยู่ๆ ก็เงียบหายไป แม้ว่าจะไม่สามารถเค้นเอาคำตอบจากคุณเย่ได้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไง แต่เรื่องแบบนี้ก็ทำได้แค่คิดเดากันไปเองเท่านั้นล่ะนะ
“ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ งั้นเรากลับก่อนนะคะ” เพื่อนบ้านบอกลาคุณเย่ก่อนจะค่อยๆ ทยอยแยกย้ายกันไปด้วยความเสียดายที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
คุณเย่ขอบคุณความหวังดีของเพื่อนบ้านและรอให้พวกเขาแยกย้ายกลับไปจนหมด เขายืนอยู่ตรงนั้นสามนาทีจนมั่นใจว่าไม่มีใครแอบดูอยู่ก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับเข้าบ้านด้วยความเร็ว ไม่เผยให้เห็นในบ้านแม้แต่เสี้ยวหนึ่ง
ห้องรับแขก
เย่เฟิงยืนอยู่ข้างโซฟาด้วยใบหน้าเหม่อลอย ส่วนคุณนายเย่ก็รีบเดินตรงไปหาคุณเย่อย่างกังวลทันทีที่เขาเดินเข้ามา
“ที่รักคะ ไม่มีใครจับได้ใช่ไหม”
“ไม่มี” คุณเย่มองผ่านภรรยาตัวเองไปยังโซฟาที่มีชายหนุ่มรูปงามนอนสลบอยู่ด้วยใบหน้าเจ็บปวดอยากจะร้องไห้ “แต่ว่าซวงซวงลูกของเรา...”
“เจ๊...ไม่สิ เฮีย” ตอนนี้เย่เฟิงเหมือนคนสติไม่อยู่กับตัว เขาตัวอ่อนพับไปบนโซฟา สายตามองไปยังชายหนุ่มที่นอนสลบไสลอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ส่วนมือยื่นไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายเพื่อพิสูจน์บางอย่างโดยไม่ทันรู้ตัว “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”
เพี๊ยะ!
คุณนายเย่ฟาดไปที่มือของเย่เฟิงอย่างโกรธๆ ตามมาด้วยเสียงโหยหวนของอีกฝ่าย
คุณนายเย่ถลึงตามองเย่เฟิง ไม่สนใจท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมของเขาแล้วเอ่ยอบรม “หน้าอกของผู้หญิงน่ะจะไปจับซี้ซั้วไม่ได้นะ ถึงจะเป็นน้องชายแท้ๆ ก็ไม่ได้!”
เย่เฟิงแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ เขาได้สติกลับมาก่อนที่จะชี้ไปยังร่างที่นอนสลบอยู่ “เนี่ยนะผู้หญิง?”
บ้าเอ๊ย!
ดูหน้าอกนั่นสิ หน้าอีก ไหนจะกางเกงนั่นอีก...เหอะ
สรุปก็คือ ก่อนหน้านี้แม้พี่สาวที่อายุ 24 แล้วของเขาจะมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียและใจกว้างเหมือนพวกผู้ชายมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยสิ่งที่ผู้หญิงควรจะมี เธอก็มี ถึงหน้าอกเล็กแต่ก็ยังเป็นหน้าอกนะ
มันเหมือนกับตอนนี้ซะที่ไหนกันเล่า?!
ในสายตาของเย่เฟิง คนที่นอนอยู่บนโซฟามองยังไงก็เป็นผู้ชายชัดๆ
ประโยคนี้ของเย่เฟิงแทงใจดำอย่างมาก คุณนายเย่ที่ทำท่าทางเคร่งขรึมจริงจังเมื่อครู่ก็มองตามนิ้วมือไปยังผู้ชายที่นอนอยู่บนโซฟา ทันใดนั้นอารมณ์ก็พลันดิ่งลงและอยากจะร้องไห้ “ซวงซวงของแม่”
แม้ว่าการมีลูกชายมันเป็นเรื่องดีก็จริง แต่ว่าครอบครัวพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิง และผู้หญิงเองไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าผู้ชาย...แต่ไม่ว่าเป็นใครอยู่ๆ ลูกสาวที่เลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้ง 24 ปี กลายมาเป็นผู้ชายไป เรื่องแบบนี้เป็นใครก็คงรับไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ!
“อย่าเพิ่งร้อง...เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” ในที่สุดคุณเย่ก็ได้แสดงความเป็นหัวหน้าครอบครัวออกมา เขารีบเบรกภรรยาที่ทำท่าจะร้องไห้เอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องหนังสือ นอกจากรู้ว่าลูกสาวของเขากลายเป็นผู้ชายไปแล้ว รายละเอียดอื่นๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คุณนายเย่ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตามองสบตากับลูกชาย หลังจากนั้นประจักษ์พยานทั้งสองก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คุณนายเย่เริ่มให้การด้วยใบหน้าอันเจ็บปวด “ฉันจำได้ค่ะ...ว่าตอนที่ซวงซวงออกมาจากห้องนั้น เธอดูเหม่อลอยไม่มีสติเลย อาจจะเป็นตอนนั้น...”
“เหลวไหล! ที่เจ๊เหม่อลอยเพราะเมื่อคืนเล่นเกมโต้รุ่งทั้งคืนต่างหาก” เย่เฟิงเผลอพูดความลับของเย่ซวงออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ปัง!
“ซวงซวงเล่นเกมอีกแล้วเหรอ” พ่อตบโต๊ะเสียงดังแล้วมองไปยังเย่เฟิง “ฉันเคยพูดไปแล้วนะ ว่าผู้หญิงที่เอาแต่เล่นเกมทั้งวันน่ะมันไม่ได้ประโยชน์อะไร แค่กๆ ...ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดตอนนี้ แล้วหลังจากนั้นล่ะ ซวงซวงทำอะไรต่อ”
คุณเย่ที่เผลอออกนอกเรื่องไปได้สติแล้วรีบวกกลับเข้าประเด็นหลักต่อ
“เจ๊เขาก็เดินไปที่ครัวจะรินน้ำดื่ม ไม่ระวังเลยเดินไปชนจี้หยกรูปแมวบนโต๊ะที่พ่อซื้อมาเมื่อวานตกแตก เจ๊เขากลัวว่าพ่อจะโกรธก็เลยจะทำลายหลักฐานทิ้ง กำลังจะแอบหยิบไปทิ้งแต่พอเก็บเศษหยกขึ้นมาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็สลบไปเลย”
“ยายลูกจอมล้างผลาญนี่! หยกชิ้นนั้นฉันใช้เงินเดือนตั้งสามเดือนซื้อมา...เดี๋ยวก่อน จี้หยกสลัก”
ในที่สุดคุณเย่ก็พบกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ เขารีบถามทันทีที่คิดได้ “ตอนนี้เศษหยกนั่นอยู่ไหน”
“ยะ...ยังอยู่บนพื้น” เย่เฟิงตกใจกับท่าทีของพ่อจึงชี้นิ้วไปมั่วๆ เป็นอย่างที่บอกซากแมวน้อยที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ยังคงอยู่ในสภาพเดิม
เกิดเรื่องกับลูกสาวของเขาขนาดนี้ ใครมันจะไปสนใจมาเก็บกวาดของพวกนี้กันเล่า
คุณเย่รีบพุ่งตัวเข้าไปดู แค่มองก็เห็นถึงความแตกต่างของจี้หยกที่แตกไปนี้
เท่าที่จำได้ตอนที่เขาซื้อหยกมาเมื่อวานมันเป็นสีขาวใสมีความแวววาว เห็นแวบแรกก็รู้เลยว่าเป็นของดี แต่ตอนนี้เศษหยกที่เขาเห็นมันดูขุ่นมัวเหมือนของปลอมราคาถูก
…แค่ดูก็พบต้นตอของเรื่องแล้ว
ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขามองไปยังลูกสาวที่นอนอยู่บนโซฟา...ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าลูกชาย
แต่ถึงเขาจะหาต้นตอของเรื่องได้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!