DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
การถ่อมตัวเวลาเจอคนรู้จัก ยังไม่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ คนรู้จักนี้ไม่ใช่ว่าจะแค่ทักแล้วแยกย้ายกันไป แต่เขาจะตามเธอไปอยู่ที่บ้านด้วยสองสามวัน...ตามที่โอวเชี่ยนหรูพูดมา การมาทำงานที่เมืองซานหลินครั้งนี้ของเธอ เดิมทีก็เพื่อรอให้ทีมงานเซตฉากถ่ายงาน พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าครอบครัวเย่เป็นคนพื้นที่นี้ เธอจึงวางแผนจะขอมาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว
ต่อให้โรงแรมดีขนาดไหนก็สู้บ้านของญาติกันเองไม่ได้ อีกอย่างโอวเชี่ยนหรูกับเย่ซวงก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้วด้วย...
เมื่อเย่ซวงได้ยินดังนั้นก็เกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...ถ้าเธอไปหา 'เย่ซวง' ตอนนี้ก็คงจะไม่เจอหรอก
“...เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ค่ะคุณป้า”
พูดโน้มน้าวหนุ่มหล่อให้ปากเปียกปากแฉะเขาก็คงไม่ตกลงหรอก โอวเชี่ยนหรูคิดดูแล้วว่าตัวเองตื่นตูมเกินกว่าเหตุ ก็เลยตัดสินใจสงบสติอารมณ์อย่างช้าๆ ...
ยังไงเสียถ้ามีคุณป้าอยู่ เรื่องตามหาเขาก็คงไม่ยาก
หลังจากปล่อยประเด็นนี้ไปแล้ว ในที่สุดเธอก็คิดได้ว่าควรจะบอกเหตุผลที่ตัวเองมาที่นี่ให้คุณนายเย่รู้สักหน่อย ก่อนจะยิ้มๆ แล้วพูดออกมาว่า “จริงๆ แล้วหนูกำลังจะซื้อของขวัญไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าพอดี...จริงสิคะ วันนี้วันหยุด ซวงซวงน่าจะอยู่ที่บ้านใช่ไหมคะ”
ถึงแม้ว่าอายุจะห่างกันเพียงนิดเดียว แต่ความสัมพันธ์ของเธอและน้องสาวว่าที่สามีก็ถือว่ายังดีอยู่ เมื่อก่อนเย่ซวงเคยได้รูปภาพพร้อมลายเซ็นของคนดังจากเธอมาไม่รู้ตั้งเท่าไร อีกอย่างโอวเชี่ยนหรูเองก็ออกไปทำงานตามจังหวัดต่างๆ บ่อยครั้ง ก็มักจะซื้อของพื้นเมืองติดไม้ติดมือกลับมาฝาก ครอบครัวเย่คงไม่บอกปัดเธอ
ดังนั้นตอนนี้เรื่องที่ตนเองขอมาก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แถมเมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยไปมาหาสู่กัน จะปฏิเสธก็คงยาก...สายตาเย่ซวงก็เหม่อมองออกไปนอกห้างอย่างทุกข์ใจเหมือนคนมีความลับที่ปิดไว้
“...” คุณนายเย่กัดฟันอย่างครุ่นคิด จริงๆ เธออยากจะปรึกษาแผนการรับมือกับลูกสาวก่อน แต่ยายเด็กคนนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย มีอย่างที่ไหนให้คนเป็นแม่ออกรับหน้าแทนอยู่ฝ่ายเดียว!
โอวเชี่ยนหรูไม่รู้ว่าทั้งคู่มีเรื่องอะไรกัน คุณนายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่คิดกับตัวเองแล้วก็ไม่ได้สนใจคนรอบข้างอีก แต่อยู่ๆ โอวเชี่ยนหรูก็ล้วงมือไปหยิบมือถือขึ้นมา ทำให้เย่ซวงใจตกใจ ก่อนจะพูดออกมา “ไม่เป็นไรค่ะ หนูโทรหาเองก็ได้ จะได้รู้ว่าซวงซวงอยากจะออกมาเดินเล่นกับเรารึเปล่า...”
ไม่เอาแบบนั้นนะ!
คุณนายเย่ยังไม่ได้สติกลับมา เย่ซวงก็ยังนิ่งอึ้งตกใจอยู่ เพียงเสี้ยววินาทีก็เห็นโอวเชี่ยนหรูปลดล็อกหน้าจอมือถือ กดโทรออกหาเธอทันที
พี่...พี่คือพี่สาวของฉันนะ!
ความสัมพันธ์ของเรามันดีขนาดนั้นเลยเหรอ พี่ถึงได้ตั้งเบอร์ของฉันไว้พร้อมโทรขนาดนั้น
น้ำตาของเย่ซวงแทบจะไหลอาบหน้าเมื่อเสียงมือถือดังออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ ครั้งแรกโอวเชี่ยนหรูก็ไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไร แต่หลังจากที่เธอเหมือนจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที
“ถ้าผมบอกว่าผมหยิบมือถือมาผิดเครื่อง คุณจะเชื่อผมไหม?” เย่ซวงกลืนน้ำลายก่อนจะอธิบายต่ออย่างระมัดระวังด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าโอวเชี่ยนหรูเชื่อ แต่ก็เชื่อเพียงครึ่งเดียว “...นี่ไม่ได้ตั้งใจหยิบมาผิดใช่ไหม แบบว่าไม่ได้ตั้งใจหยิบของเย่ซวงมาใช่ไหม” ยกตัวอย่างเช่นคู่รักบางคู่ที่ชอบแลกของใช้กัน...
หนุ่มหล่อตรงหน้ามีสีหน้างวยงง โอวเชี่ยนหรูคิดกับตัวเองดูแล้วว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้ ก็เลยเก็บมือถือลงกระเป๋า แล้วถามต่อ “ความหมายของฉันก็คือ...คุณกับซวงซวง...มีความสัมพันธ์กันแบบไหน?”
“...”
ก็ความสัมพันธ์แบบอยู่ในร่างเดียวกันน่ะสิ
สองแม่ลูกก็ได้แต่ยืนนิ่ง
โอวเชี่ยนหรูคิดเหมือนจะมั่นใจกับอะไรบางอย่างเลยพูดออกมา “หรือว่าพวกเธอเป็นแฟนกันอย่างนั้นเหรอ?!”
“...”
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์วุ่นวายไปได้ เสื้อผ้าที่เลือกไว้ก็ถูกจัดแจงใส่ลงในถุงใบใหญ่ สองแม่ลูกก็พาโอวเชี่ยนหรูกลับไปที่บ้านด้วย แต่ก็ดันมีปัญหาที่ว่าห้องไม่พอรับแขก เย่ซวงก็จินตนาการว่าตัวเองคงต้องออกจากบ้านไปเอง
บ้านหลังนี้มีอยู่สามห้องนอน สองห้องรับแขก ปกติแล้วทั้งเย่ซวงกับเย่เฟิงก็แยกห้องนอนของใครของมัน ส่วนห้องนอนใหญ่ก็เป็นของสองสามีภรรยา แล้วการแบ่งห้องแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เวลาโอวเชี่ยนหรูมาที่บ้านก็มักจะอยู่ห้องเดียวกันกับเย่ซวง ทั้งคู่ก็เหมือนคนที่โตมาด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้ดันมีแขกมาที่บ้าน และเย่ซวงในสภาพนี้ก็คงจะอยู่ในบ้านไม่ได้
อยู่ในบ้านหลังนี้เธอจะไปนอนกับใคร กับโอวเชี่ยนหรูเหรอ? ถ้านอนห้องเดียวกับผู้หญิงแกร่งคนนี้ เธอคงได้เอามีดหั่นผักมาแทงเป็นแน่!
นอนกับเย่เฟิง? ...แม้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนเพศไปแล้ว แต่ข้างในของเธอนั้นยังเป็นผู้หญิงอยู่ คงนอนด้วยกันไม่ได้หรอก
ครั้นจะไล่แขกไปนอนโรงแรมก็ดันไม่มีเหตุผลมาอธิบายอีก หรือเย่ซวงเหลือทางเดียวคือต้องไปนอนข้างถนน เธอพยายามคิดหาที่ที่จะนอนในช่วงสองสามวันนี้
ยังดีที่ก่อนจะออกจากบ้านไป คุณนายเย่ยังทำอาหารให้เธอกินก่อน...บนโต๊ะอาหารนั้นโอวเชี่ยนหรูรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ไป...จะพูดให้ถูกก็คือ ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในบ้านก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
เธอยอมรับว่าระหว่างเธอกับญาติของว่าที่สามีตัวเองนั้นค่อนข้างสนิทกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอรู้สึกไปเอง และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจ
แต่ก่อนเวลามาบ้านหลังนี้ก็มักจะได้รับความอบอุ่นเสมอ เพราะทุกคนเป็นกันเองกับเธอมาก แต่ครั้งนี้มันแปลกไป...พอก้าวเข้ามาในบ้านทุกคนกลับมีสีหน้าตกใจ ทำให้เธอรู้สึกตกใจไม่น้อย “...”
เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน
...หลังจากที่ทักทายก็นั่งคุยกัน โอวเชี่ยนหรูสัมผัสได้ว่าครอบครัวเย่นั้นมีบางอย่างปิดบังเธออยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังปิดบังเรื่องอะไรกันแน่
โอวเชี่ยนหรูทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอแสดงสีหน้าเป็นปกติแล้วคุยกับคนในบ้านเหมือนเดิม แต่ตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ในใจเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ควรจะโทรไปถามหลัวเช่อดีไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านคุณป้ากันแน่
คิดได้แบบนั้นโอวเชี่ยนหรูก็รู้สึกกังวลกับเรื่องครอบครัวนี้ขึ้นมา
เดี๋ยวเอาไว้ถามคุณลุงคุณป้าหลังกินข้าวเสร็จดีกว่า ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
โอวเชี่ยนหรูเหลือบตามองอย่างสงสัยว่าทำไมหนุ่มหล่อคนนั้นยังไม่กลับไปอีก
“คุณลุงคะ นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว...” โอวเชี่ยนหรูยิ้มกรุ้มกริ่มขณะที่พูดออกไป
มาถึงตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ทันรู้เลยว่าดึกขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่ขอตัวกลับ
จะอยู่ที่นี่ทำอะไร?!
เธอได้ยินมาว่าช่วงนี้ซวงซวงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แต่ทำไม 'แฟน' ของเย่ซวงถึงยังไม่กลับไปอีก เขาไม่ควรจะอยู่ฟังเรื่องที่คนในบ้านคุยกัน
โอวเชี่ยนหรูคิดไปแบบนั้น แล้วเธอก็ไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ชายคนนี้มาก่อน ต่อให้เขาเป็นแฟนของเย่ซวงจริงๆ ก็คงไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งขนาดนั้นหรอก ปัญหาที่ว่าจะถามก็คงไม่ดีที่จะถามต่อหน้าเขา...
เย่ซวงไม่เข้าใจที่โอวเชี่ยนหรูพูดในตอนแรก แต่พอเข้าใจความหมายที่โอวเชี่ยนหรูต้องการจะสื่อก็แทบจะร้องไห้ออกมา
นี่โดนคนนอกไล่ออกจากบ้านของตัวเองเหรอเนี่ย จะมีใครน่าเวทนาเท่าฉันไหม
สองสามีภรรยานั่งเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าในสายตาของคนทั่วไปสิ่งที่โอวเชี่ยนหรูทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร...
“อ่ะแฮ่ม! ฉันมีเรื่องจะคุยกับเสี่ยวซวงนิดหน่อย...” ในที่สุดคุณเย่ก็เปิดปากพูดออกมา ก่อนจะพูดกับโอวเชี่ยนหรูอย่างเอ็นดูว่า “เสี่ยวหรู นั่งรอลุงก่อนนะ เดี๋ยวลุงกลับมา”
ลูกสาวของเขาจำเป็นต้องออกจากบ้านไป แต่จะให้ไปอยู่ที่ไหนนั่นล่ะปัญหา
เมื่อได้รับสัญญาณจากคุณเย่แล้ว เย่ซวงก็ยิ้มให้กับทุกคน ก่อนจะลุกเดินตามหลังคุณเย่เข้าไปในห้องหนังสือ
พอเดินเข้ามาให้ห้องหนังสือแล้วก็ปิดประตูลง คุณเย่รีบพูดเข้าประเด็นทันที “เสี่ยวซวง ลูกไปอยู่ที่โรงแรมสักพักนึงนะ”
“ค่ะ...” เย่ซวงตอบกลับด้วยความกลุ้มใจ “สองสามวันนี้จะต้องไปอยู่ข้างนอกก่อน รอให้พี่เชี่ยนหรูกลับไปค่อยว่ากัน”
“ซื้อของครบแล้วใช่ไหม เห็นแม่โทรมาบอกว่าพาไปทำบัตรใหม่มา...” คุณเย่อดไม่ได้ที่จะกังวล ดูจากที่ผ่านๆ มา โอวเชี่ยนหรูออกไปทำงานนานสุดก็ประมาณครึ่งเดือน “ยังไม่ได้บัตรใช่ไหม จะมีโรงแรมไหนให้ลูกเข้าพักล่ะทีนี้”
เย่ซวงแทบจะร้องไห้ออกมา “...ความหมายของพ่อคือจะให้หนูไปนอนใต้สะพานเหรอคะ?”
คุณเย่ใช้ฝ่ามือลูบหัวลูกตัวเองเบาๆ “มีพ่อที่ไหนที่จะยอมให้ลูกสาวไปนอนใต้สะพานกันหรือ... เอ๊ะ จริงสิตอนนี้เป็นลูกชายนี่นะ”
เราอย่าพูดถึงเรื่องน่าเศร้านี่ไหม
หลังจากนั้นก็คิดเรื่องสนุกไม่ออกเลย
เย่ซวงไม่กล้ามองหน้าคุณเย่ตรงๆ “ช่างเถอะ งั้นใช้บัตรเย่เฟิงไปเปิดห้องให้ก่อน พอส่งลูกถึงที่แล้วค่อยให้น้องกลับมาบ้าน” คุณเย่คิดมาครู่หนึ่งก็ยังหาทางไม่ได้ แถมยังไม่วางใจจะให้ลูกสาวออกไปอยู่นอกบ้านด้วย ก็เลยตัดสินใจให้เย่เฟิงไปส่งแล้วค่อยให้กลับมา
หลังจากที่การสนทนาจบลง สองพ่อลูกก็ได้ข้อสรุปร่วมกัน เย่เฟิงที่ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ก็เข้าไปในห้อง แล้วก็ได้รับหน้าที่ให้ไปส่งเย่ซวง
“เอาเสื้อผ้าไปด้วยนะ” คุณนายเย่ไม่ลืมที่จะเอาเสื้อผ้าที่ซื้อมายัดใส่มือเย่ซวง พร้อมกับกำชับว่า “อยู่ข้างนอกก็นอนให้ตรงเวลา อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นจนดึกดื่น มือถือก็อย่าเล่นมากนักมันเสียสายตาเข้าใจไหม”
คุณนายเย่พูดไม่หยุดทำให้โอวเชี่ยนหรูมองมาด้วยสายตาสงสัย
นี่คือความต่างระหว่างว่าที่ลูกเขยกับว่าที่หลานสะใภ้สินะ
ครั้งแรกที่ได้รู้จักกับพวกเขายังไม่ได้รับการต้อนรับแบบนี้เลย...อาจจะเป็นเพราะหน้าตาล่ะมั้ง