DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
แน่นอนว่าพี่สาวคนนี้เป็นคนรู้จักกันอยู่แล้ว
ในครอบครัวของน้าชายนั้นเย่ซวงยังมีลูกพี่ลูกน้องอีกคนหนึ่ง พี่สาวคนนี้เป็นแฟนกับลูกพี่ลูกน้องของเธอหรือจะเรียกให้ถูกก็คือว่าที่ลูกสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งเข้าครอบครัวหลัวนั่นเอง
พ่อแม่ของคุณนายเย่ไม่ใช่คนในเมืองนี้ ดังนั้นหลังจากที่แต่งงานก็ย้ายมาอยู่กับคุณเย่ที่บ้านหลังนี้ทำให้ไม่ค่อยได้เจอญาติๆ เหมือนเมื่อก่อน
ถ้าเธอเข้ามาทักเวลาอื่นคุณนายเย่ก็คงจะดีใจมากกว่านี้ แต่ดันมาเจอว่าที่หลานสะใภ้ตอนนี้ แน่นอนว่าพอคุยกันจบจะต้องชวนกันไปทานข้าวที่บ้านแน่ๆ
ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ แค่ได้ยินเสียงหวานๆ นี้แล้ว บนใบหน้าของคุณนายเย่กลับมีเหงื่อผุดพรายเต็มไปหมด...
อะไรกันเนี่ย ทำไมต้องมาเจอคนรู้จักตอนนี้ด้วย!!
ทั้งสองหันกลับไปมองด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ก็เห็นหญิงสาวในชุดทันสมัยเดินตรงมาอย่ารวดเร็ว แต่สายตากลับมองไปที่เย่ซวง
“รีบไปแอบไปเร็ว” คุณนายเย่พูดอย่างไม่คิดออกมา ผลักเย่ซวงที่อยู่ข้างๆ ในใจก็อยากจะรีบพาไปซ่อนจริงๆ
ลูกสาวตัวเองเปลี่ยนไปขนาดนี้รู้กันแค่ในบ้านก็พอแล้ว ถ้าเกิดญาติคนอื่นๆ รู้เข้ามันจะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
ถ้าไม่ระวังปล่อยเรื่องนี้รั่วไหลออกไป หรือมีพวกคิดไม่ดีอยู่ล่ะก็...คุณนายเย่คิดไปเหงื่อก็ซึมไปทั่วร่างกาย
เย่ซวง “...หนูไม่ได้ทำผิดอะไร จะไปแอบทำไม จะให้ไปแอบที่ไหน” อีกอย่างนะเมื่อครู่เย่ซวงก็ยืนอยู่กับคุณนายเย่ เขาทักมาแล้ว แถมยังมองมาทางนี้แล้วด้วย อยู่ๆ จะไปแอบ จากที่ดูเหมือนไม่มีอะไรก็จะกลายเป็นผิดสังเกตแทนน่ะสิ
คุณนายเย่เองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง พอมองไปยังว่าที่หลานสะใภ้ที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัว เหงื่อก็ยิ่งซึมออกมา มองซ้ายมองขวา แล้วตาก็เป็นประกาย ก่อนจะรีบไปหยิบเสื้อผ้าจากราวมาสี่ห้าตัวยัดใส่มือของเย่ซวง พร้อมกับผลักเย่ซวง “ไปลองเสื้อ ให้พนักงานเอากางเกงไปให้ลองด้วย...ค่อยๆ ลองทีละตัว ลองช้าๆ ตัวละชั่วโมงยิ่งดี” คุณนายเย่จะพยายามให้หลานสะใภ้กลับไปก่อนจะครบชั่วโมง...
เย่ซวงเหงื่อตกเมื่อถูกผลักให้มาอยู่ในการดูแลของพนักงานคนสวย ส่วนพนักงานก็ดีใจจนแทบจะเป็นลม...กิจการแบบนี้ ปัญหาส่วนใหญ่คือมีลูกค้า... เธอคิดว่าคงจะไม่มีหนุ่มหล่อขนาดนี้มาลองเสื้อทุกตัวแล้วไม่ซื้อหรอก จากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแล้ว เขาคงไม่ทำอะไรต่ำๆ แบบนั้น
พนักงานสาวเดินนำทางให้เย่ซวงด้วยขาที่อ่อนแรง แม้จะไม่ได้เดินเร็วอะไรมากมาย แต่เธอก็ไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานมาตัดหน้าเธอได้ พอหลบออกไปได้ก้าวสองก้าว โอวเชี่ยนหรูก็ถูกคุณนายเย่รั้งไว้เสียก่อน
“ไงจ๊ะเชี่ยนหรู ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่ห้างซานหลินได้ล่ะจ๊ะ มาทำงานเหรอ?” คุณนายเย่เหลือบไปมองเย่ซวงที่เข้าห้องลองเสื้อไปอย่างปลอดภัยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะหันมารับมือกับคนตรงหน้า “ทำไมป้าไม่เห็นเสี่ยวเช่อเลยล่ะ อายุเราก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ วางแผนแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ”
โอวเชี่ยนหรูมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเย่ซวง เพราะคุณนายเย่กับน้าหลัวพ่อของว่าที่สามีเชี่ยนหรูเป็นพี่น้องกัน ก็เลยทำให้ลูกของทั้งสองบ้านสนิทกันติดต่อหากันบ้าง ถ้าทำงานแล้วบังเอิญเจอกันก็ชอบที่จะชวนกันไปทานข้าวไปเดินเล่นเสมอ
เห็นโอวเชี่ยนหรูยังอายุน้อยก็จริง แต่ก็เป็นถึงโมเดลลิ่งของบริษัทด้านวงการบันเทิงชื่อดังเชียวนะ งานของเธอจะพูดให้ถูกก็คือปั้นดาราหน้าใหม่นั่นเอง ก็จะคล้ายๆ กับพวกผู้จัดการดารานั่นล่ะแต่ก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของใคร
โอวเชี่ยนหรูกับหลัวเช่อคบกันตั้งแต่สมัยที่ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมคณะสื่อสารมวลชนกัน หลังจากเรียนจบทั้งคู่ก็ได้มาร่วมกันอีก อาจจะเป็นเพราะความอัธยาศัยดีของฝ่ายหญิงในบริษัทก็ได้ ภายในเวลาไม่กี่ปีโอวเชี่ยนหรูทำงานหนักเพื่อให้ได้ผลงานดีๆ ออกมา ก็เลยพอจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้าง แต่หลัวเช่อกลับยังไม่เป็นที่รู้จักเหมือนเดิม ตลอดหนึ่งปีที่บริษัทส่งดารามาให้ดูแล สุดท้ายก็หนีหายไปจนหมด...
แม้ในความเป็นจริงทั้งสองจะรักกันดีมาโดยตลอด แต่ที่อายุใกล้จะเลขสามแล้วยังไม่ได้แต่งงานกันสักที ปัญหาหลักก็อยู่ที่ตัวหลัวเช่อเอง เขาคิดว่าเขายังสู้ภรรยาในอนาคตของตัวเองไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย เขาจึงพยายามก้มหน้าก้มตาตั้งใจสร้างผลงานดีๆ ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันถึงเรื่องแต่งงาน
แน่นอนว่า งานที่รัดตัวโอวเชี่ยนหรูเองก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ แต่ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว คนในบ้านก็รู้กันหมด ที่เหลือก็แค่งานแต่งกับการเปลี่ยนนามสกุลเท่านั้นล่ะ...
โอวเชี่ยนหรูมองตามร่างของเย่ซวงที่เดินเข้าห้องลองเสื้อไป ก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาทันที แต่อยู่ๆ ก็คิดอะไรออกแล้วจึงรีบคว้าแขนคุณนายเย่แน่นไม่ยอมปล่อย “ป้าหลัวจ๋า ตอนนี้หลัวเช่อกำลังหาเด็กใหม่มาปั้นอยู่...หนุ่มหล่อคนเมื่อกี้เป็นใครเหรอคะ เขาหล่อมากๆ เลยค่ะ เขาสนใจจะมาเซ็นสัญญากับบริษัทหนูไหมคะ คุณป้าก็รู้ใช่ไหมคะที่ผ่านมาหลัวเช่อดูแลแต่ดาราหน้าใหม่ แต่หนุ่มหล่อคนเมื่อกี้นี้เขามีออร่าความดังซ่อนอยู่นะคะ ให้เขามาเป็นเด็กปั้นของหลัวเช่อได้ไหมคะ เราคนกันเองไม่เอาเปรียบกันแน่นอนค่ะ” และแน่นอนว่ายิ่งเป็นคนกันเองเธอก็จะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปเด็ดขาด
ตอนที่เดินอยู่ในห้างก็เห็นเขาแค่แวบเดียว เธอผ่านอะไรมาเยอะ เจอกับดาราดังๆ มาก็นับไม่ถ้วน แต่พอเห็นเขาแค่นาทีเดียวเธอก็รอไม่ไหว สายตาพร่ามัวหายใจลำบากหัวใจเต้นเร็วขึ้นมาฉันพลัน
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ใบหน้าของเย่ซวงนั้นมีอานุภาพทำลายล้างมากขนาดไหน
แต่เมื่อสติกลับมา ปฏิกิริยาแรกของโอวเชี่ยนหรูคือดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง รู้สึกได้ถึงความหวังที่ในที่สุดว่าที่สามีก็จะเป็นที่รู้จักแล้ว
สมัยนี้ถ้าคิดอยากจะดังจะต้องมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าต้องหน้าตาดี...แต่ถ้าเก่งการพูดแต่หน้าตาไม่ดีก็ต้องเลือกไปเดินสายงานอื่นแทน
สาเหตุที่หลัวเช่อไม่เป็นที่รู้จักก็เพราะว่าไม่มีผลงานดีๆ ออกมา ในวงการบันเทิงการจะสร้างผลงานดีๆ ออกมามันไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนคนที่ทำงานให้ก็ใช่ว่าจะทำให้ได้ตลอด...บริษัทก็เลยส่งเด็กใหม่ๆ เข้ามา แต่ก็ไม่ใช่เด็กใหม่ทุกคนจะประสบความสำเร็จไปถึงจุดสูงสุดของสายงานได้หมด ถ้าศิลปินไม่ดัง ผู้จัดการก็ต้องกินแกลบไปด้วยเหมือนกัน
แต่กับคนนี้มันไม่เหมือนกัน คนนี้จะต้องดังแน่นอน...
โอวเชี่ยนหรูตื่นเต้นหน้าแดงยกมือขึ้นทาบอก ในใจของเธออยากจะพุ่งตัวเข้าไปหาในห้องลองเสื้อแล้วจัดการบังคับให้มาเซ็นสัญญาขายร่างกาย เอ๊ย! หมายถึงเซ็นสัญญาเข้าวงการน่ะ
ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟแห่งความหวังของว่าที่หลานสะใภ้ ทำเอาคุณนายเย่รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล “คะ...คนนั้น เขาไม่มีวันเข้าวงการบันเทิงหรอกจ้ะ...”
*จะเข้าวงการได้ยังไง สามวันเปลี่ยนเพศทีแบบนี้น่ะ...ตอนกลางคืนวันแรกก็เป็นพระเอกหล่อเหลาเอาการ วันต่อมากลายเป็นสาวน้อย...เกิดเป็นแบบนี้ขึ้นมาไปถ่ายงานที่ไหนก็คงล่มไม่เป็นท่า
โอวเชี่ยนหรูผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้น “ทำไมคะคุณป้า คุณสมบัติแบบนี้ไม่เข้าวงการนี่น่าเสียดายมากๆ เลยนะคะ...ก็เหมือนกับแจกันดอกไม้ที่สามารถกลายเป็นแจกันเครื่องเคลือบชั้นดีได้”
“...” คุณนายเย่เหงื่อซึมทั่วใบหน้า สายตาจ้องมองโดยไม่กะพริบพร้อมกับเปิดปากตอบกลับไป “ที่จริงคือบ้านเขาเข้มงวดมากน่ะ จะให้ไปเป็นนักแสดงพ่อแม่เขาคงไม่ยอมหรอกจ้ะ”
นี่เป็นความตั้งใจของคุณนายเย่ แน่นอนว่าตอนนั้นโอวเชี่ยนหรูรู้สึกสับสนมาก “ทำไมถึงเอาดารากับนักแสดงมารวมกันคะ คุณป้าต้องทราบก่อนนะคะว่าดารานั้นมีค่าตัวที่สูงมาก แฟนคลับก็เยอะแยะ มีสื่อมากมายจับตามอง...คุณป้าๆ เขาออกมาแล้วค่ะ”
คำพูดที่ดูมีเหตุผลกลายเป็นเสียงตื่นตกใจมาแทน
คุณนายเย่หันกลับไปมองอย่างโกรธๆ เมื่อเห็นเย่ซวงเดินออกมาจากห้องลองเสื้อหลังจากเปลี่ยนเสื้อเสร็จ
ช่างเป็นเด็กที่โชคไม่ดีอะไรอย่างนี้ ทำไมไม่รออีกสักหน่อยนะ
เย่ซวงเองก็จำใจเดินออกมาเหมือนกัน เธออยู่ในห้องลองเสื้อนานกว่าสิบนาทีแล้ว นี่ถ้ายังไม่ออกมาล่ะก็คนอื่นคงคิดว่าเธอเข้าไปทำอะไรไม่ดีในนั้นแน่ๆ
เสื้อผ้าที่คุณนายเย่เลือกแบบส่งๆ ดันเป็นเสื้อผ้าของวัยกลางคน...
...จะให้พูดจริงๆ ก็รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย
แต่จะมีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่แม้ว่าจะหยิบเอาถุงกระสอบมาใส่ก็สามารถกลายเป็นศิลปะที่สวยงามได้...ให้พูดตรงๆ ก็คือ การเปรียบเทียบแบบนี้มันค่อนข้างจะเก่าไป
ไม่ว่าจะพูดยังไงจริงๆ แล้วนายแบบก็จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตเสื้อผ้าเอาไว้นั่นเอง
เสื้อผ้าจะออกแนววินเทจ เดิมทีไม่ได้ทันสมัยหรือแปลกใหม่แบบพวกวัยรุ่น แต่ผ้าสีเทาเข้ม การออกแบบที่ย้อนยุค ปกคอตั้งติดกระดุมครบทุกเม็ด กลับทำให้หนุ่มหล่อที่สวมเสื้อผ้าแบบนี้ดูหล่อสไตล์วินเทจ
เป็นเหมือนกับองครักษ์ผู้ภักดีที่ทำงานให้ตระกูลมีชื่อเสียงสมัยก่อน เพื่อเจ้าบ้านก็พร้อมที่จะยอมสละชีวิตตัวเอง... โอวเชี่ยนหรูรู้สึกคันไม้คันมืออย่างมาก เธออยากจะทุบเขาให้สลบแล้วพากลับบริษัทเสียตอนนี้เลย หลังจากนั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามเธอจะบังคับให้เซ็นสัญญาด้วยให้ได้
เย่ซวงที่ถูกจ้องก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก ตอนที่อยู่ในห้องลองเสื้อก็ต้องเจอกับพนักงานคนสวยที่ส่งสายตายั่วยวนมาพักหนึ่งแล้ว สุดท้ายทนไม่ไหวก็ต้องปลุกความกล้าในตัวเองแล้วเดินออกมาเผชิญหน้า...คนสนิท?!
“สะ...สวัสดีครับ” หลังจากทักทายไปด้วยความกังวล ใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ก็หันไปทางคุณนายเย่...เพื่อขอความช่วยเหลือ...
แม่ ช่วยหนูด้วย
“...” คุณนายเย่กลืนน้ำลายก่อนจะพูดออกมาว่า “ชะ...เชี่ยนหรูจ๊ะ ป้าจะแนะนำให้รู้จักนะ...นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนร่วมชั้นของลูกเพื่อนของเพื่อนร่วมชั้นของป้าน่ะจ้ะ...”
“เขาชื่ออะไรเหรอคะ” โอวเชี่ยนหรูไม่สนใจรายละเอียดอื่นๆ รีบถามเข้าประเด็น
“ผมชื่อเย่ซวง” เย่ซวงตอบกลับด้วยความเคยชิน
มานึกได้เอาป่านนี้ก็สายไปแล้ว
แต่ก็ช่างมันเถอะ ต่อให้เปลี่ยนเพศแล้วก็ใช้ชื่อนี้นี่ล่ะ ถ้าถูกใครจับได้ว่าชื่อเหมือนกัน...ก็ให้คิดซะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
คิดไม่ถึงว่าในสมองของโอวเชี่ยนหรูจะใช้ไปกับการประมวลหนุ่มหล่อคนนี้ไปหมดจนแทบไม่เหลือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลใดๆ เพิ่มแล้ว “เป็นชื่อที่ดีจัง เอ๊ะ...รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูจัง”
เย่ซวง “...”
โชคร้ายอะไรอย่างนี้
คุณนายเย่ “...” ลูกสาวตัวเองคงจะไม่ถูกว่าที่หลานสะใภ้จับได้หรอกนะ...