ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 5

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 4


ตอนที่ 4

“เดี๋ยวซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วแม่จะพาไปหาร้านทำบัตรประชาชน” คุณนายเย่เดินตรงเข้าไปคล้องแขนเย่ซวงระหว่างที่เดินอยู่บนถนนร้านค้าด้วยความภาคภูมิใจ เพิ่งจะพูดประโยคแรกออกมาก็ทำเอาเย่ซวงตกตะลึง

“อะไรนะ?” เย่ซวงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

“...อย่าบอกนะว่าลูกไม่เคยเห็นน่ะ?!” คุณนายเย่เองก็ดูคาดไม่ถึง “เท่าที่แม่จำได้นะข้างๆ เมืองมหาวิทยาลัยก็มีอยู่เยอะไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนตอนที่แม่ไปที่มหาวิทยาลัยของพวกลูก ก็มีทุกอย่างแม้กระทั่งใบประกาศนียบัตรปลอม...”

เย่ซวงกุมหัวที่เริ่มมึนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “...ปัญหาคือพวกเราจะเอามันไปทำอะไร”

“เด็กโง่” คุณนายเย่สวมบทบาทใหม่อย่างรวดเร็ว พูดเหมือนกับว่ามีลูกชายสองคนมาตั้งแต่แรกอย่างนั้น “ลูกลืมแล้วเหรอว่าตอนนี้ลูกเป็นคนผิดกฎหมายอยู่นะ ไม่เพียงแค่ต้องทำบัตรใหม่ไว้ใช้ในวันข้างหน้า เผลอๆ บัตรเก่าอาจจะต้องทำใหม่ด้วยซ้ำ ถ้าเกิดกลับมาเป็นผู้หญิงแล้วสวยกว่าเดิมน่ะ”

ตั้งแต่เล็กจนโต สองพี่น้องครอบครัวเย่ ไม่ว่าจะเข้าเรียนอนุบาลหรือสอบเข้าเรียนต่อระดับชั้นต่างๆ เอกสารทุกขั้นตอนทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทะเบียนบ้าน หนังสือรับรอง คุณนายเย่ก็จัดการให้หมด เธอยังสามารถจัดการทำให้ลูกทั้งสองเข้ามหาวิทยาลัยได้อีกด้วย โดยที่หัวหน้าครอบครัวอย่างคุณเย่ไม่ต้องกังวลเลย นี่เป็นสิ่งยืนยันความสำเร็จของคุณนายเย่

อย่าคิดว่าแม่บ้านเป็นอาชีพที่ไม่ได้มีเทคนิคอะไรพิเศษ ตั้งแต่ลูกเล็กจนโตเธอคอยช่วยเลือกโรงเรียน จัดการติดต่อเรื่องเข้าโรงเรียน รวมทั้งผูกมิตรกับบรรดาคุณครู ที่สำคัญงานภายในบ้านเธอก็เป็นคนดูแลเองทั้งหมด คนในบ้านแทบไม่ต้องทำอะไรเองเลยด้วยซ้ำ

หญิงแก่หมดสวยนี้เป็นมายังไง ก็มาจากที่ถูกโยนงานให้นี่ล่ะ

โดยปกติแล้วพวกผู้ชายมักจะสำเร็จในหน้าที่การงานได้ง่ายๆ เพราะการมองสถานการณ์ของพวกเขาแม่นยำ แต่ถ้าจะให้พูดถึงความฉลาดในการใช้ชีวิตล่ะก็ มันมีรายละเอียดยิบย่อยยากที่จะพูด นั่นเห็นได้ชัดเลยว่าพวกผู้หญิงมีความยืดหยุ่นและความเอาใจใส่มากกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ หลังจากช่วงเวลาที่เย่ซวงเปลี่ยนเพศไปนั้น สิ่งที่คนเป็นพ่อต้องคิดเป็นอันดับแรกคืออนาคตของลูกสาว ไหนจะข้อดีข้อเสียที่จะตามมาอีกล่ะ

แต่คุณนายเย่กลับคิดว่า จะทำยังไงให้ทั้งสองร่างของลูกสาวใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การเป็นแม่บ้านที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงแค่ทำตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ ถูกกฎหมาย แต่ยังรวมถึงวิธีที่ไม่ค่อยถูกกฎหมายอีกด้วย ตราบเท่าที่เธอต้องการ ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็ทำได้หมด...

“บัตรประชาชนของลูกชายฉันต้องใช้ได้จริง สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ และมีบันทึก...จริงสิโทรศัพท์ฉันใช้เน็ตได้ ไปเอาเลขบัตรประชาชนมา แล้วพวกเราจะจองตั๋วกันในนี้ ถ้าจองตั๋วไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดกัน!”

คุณนายเย่ใช้อำนาจสั่งการตอนอยู่ในร้าน บอกความต้องการของตัวเองอย่างละเอียดพร้อมถือโอกาสขอลดราคาไปในตัว

“แล้วก็ใบปริญญา ฉันขอเลขรับรองเป็น 211 นะ ฉันไปหาในเน็ตได้นะ อย่าได้เอาร้านก๊อบปี้มาหลอกเราล่ะ...จริงสิ ได้ยินมาว่าพวกคุณทำทะเบียนบ้านกับใบขับขี่ได้ด้วย ยังสะดวกทำอยู่ไหม...คุณดูสิ ฉันใช้บริการของคุณตั้งเยอะ อย่าคิดเศษเล็กเศษน้อยเลย ลดให้หน่อยได้ไหมพี่ชาย” เย่ซวงยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ นอกจากประคองคุณนายเย่อย่างที่ 'ผู้ชาย' เขาทำกันแล้ว เขาก็ไม่อยากพูดแทรกขึ้นมา

หลังจากถูกพูดถึงกิจการผิดกฎหมายของพวกเขา ผู้ชายสองสามคนก็ขมวดคิ้วมองหน้ากันอย่างเสียไม่ได้ เมื่อโดนคุณนายเย่บีบบังคับจนจะประสาท

กิจการของพวกเขา...ถึงแม้จะรับลูกค้ามามากหน้าหลายตา แต่ยังไม่เคยเจอลูกค้าที่เป็นแม่บ้านวัยกลางคนแบบนี้มาก่อน

อีกทั้งยังจะมาต่อราคาอีก ทำอย่างกับเซียนต่อราคาอย่างนั้นล่ะ แต่ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้แม้จะดูจุกจิกแต่ก็มีนิสัยที่ละเอียดอ่อนพอตัว

นี่ไม่ใช่ผักกาดขาวครึ่งโลสามหยวน ที่จะมาขอลดกันได้นะป้า!

หลังจากที่มองกันไปมา ก็มีชายร่างผอมบางเหมือนคนดูแลเดินออกมา มองผ่านคุณนายเย่ที่ดูจัดการยาก แล้วไปมองดูเย่ซวงตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดออกมาว่า “จะเอาบัตรประชาชน?!”

“...ไม่อย่างนั้นคิดว่าจะมาที่นี่เล่นๆ เหรอ” เย่ซวงตอบกลับไป

คุณนายเย่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ถูกเย่ซวงดึงเสื้อรั้งเอาไว้...และเธอก็ดึงๆ ปล่อยๆ อยู่อย่างนั้น...คุณนายเย่เหลือบมอง “ลูกชาย” แวบเดียวก็หันกลับไปและคิดว่าตัวเองน่าจะคุยกับผู้ชายคนนี้ดีกว่า ไหนๆ เขาก็มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว

ชายร่างบางพูดขึ้นมาอย่างเอือมระอา “ที่ผมจะพูดก็คือ...ที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะว่าถูกหมายจับแล้วคิดจะเปลี่ยนตัวตนใหม่ใช่ไหม” คนนี้ดูไม่เหมือนคนที่จะไม่มีบัตรเลยสักนิด ถ้าคิดจะทำบัตรปลอมไปหลอกลวงคนอื่นแล้วล่ะก็ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น หน้าตาแบบนี้ถ้าได้ตัวตนใหม่ไปแล้วต้องออกไปหาผู้หญิงรวยเกาะแน่ๆ

เย่ซวงไม่ได้มีความคิดอย่างที่ชายร่างบางคิดแม้แต่น้อย แต่ความคิดของเขาทำให้เธอรู้สึกกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย “พี่ครับ พี่พูดเองว่าหน้าตาอย่างผมน่ะจำง่าย ถ้าผมทำเพื่อไปก่ออาชญากรรมจริง ผมศัลยกรรมเอาไม่ดีกว่าเหรอ...พี่ไม่ต้องเดาอะไรแล้วยังไงซะผมก็ไม่ทำให้พี่เดือดร้อนแน่นอน”

“พวกเราไม่ได้กลัวจะเดือดร้อน...เพราะยังไงอีกหนึ่งอาทิตย์พวกเราก็จะย้ายไปที่อื่นแล้ว ถ้าเกิดปัญหาอะไรก็คงไม่เดือดร้อนมาถึงพวกเราหรอก” ชายร่างบางก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เพียงแค่พูดเตือนออกไปเท่านั้น

ชายร่างบางพูดจบก็เดินออกไปจากเคาน์เตอร์ไปหยิบกล้องดิจิตอลส่งให้เพื่อน แล้วชี้ไปที่ประตูเล็กๆ ในร้าน “ไปถ่ายรูปในนั้น ถ้าทำบัตรประชาชนรอประมาณหนึ่งอาทิตย์ อยากจะตรวจสอบหมายเลขอะไรก็เชิญตามสบาย...ใช่สิ อีกเรื่อง ราคาน่ะลดไม่ได้แล้ว”

“พวกเรา...” ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่บ้าน คุณนายเย่เกือบจะพูดขัดออกไป แต่ก็ถูกดึงเสื้อห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ได้ ขอแค่ให้บัตรใช้งานได้จริงไม่มีปัญหาก็พอ” แค่นี้เย่ซวงก็ดีใจแล้ว ถึงแม้ว่าที่แบบนี้จะมีน้อย แต่มีเพียงไม่กี่คนทำได้ชำนาญขนาดนี้ เธอกับแม่ก็เป็นเหมือนกับแมวตาบอดที่โชคดีมาเจอหนูนอนตายรอให้พวกเธอมากิน

ในสายตาของเธอเรื่องบัตรก็ผ่านไปแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา เธอไม่มีเวลามากพอจะเดินดูทีละร้าน แต่ก็คิดว่าร้านนี้คงไม่ได้ขายดีไปกว่าอีกสามร้านหรอก เผลอๆ ถ้าเดินผ่านตรงนี้ไป กลับมาร้านนี้อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้...

เมื่อตกลงกันเสร็จทางร้านก็ให้เบอร์ไว้ติดต่อ คุณนายเย่พอก้าวพ้นประตูออกมาก็รู้สึกเจ็บใจ “กี่หมื่นหยวนล่ะเนี่ย ถ้าฉันไปที่อื่นล่ะก็ แค่ไม่กี่ร้อยหยวนเองนะ”

“...คุณภาพอาจไม่เท่ากันนะแม่” เย่ซวงอธิบายอย่างกล้ำกลืน “พวกเขาทำดีแล้ว เอาไปทำพาสปอร์ตหรือจดทะเบียนสมรสอะไรก็ไม่มีปัญหา คุณภาพดีราคาย่อมสูงเป็นธรรมดา”

คุณนายเย่จะไหวพริบดีหรือยังไงก็แค่คนสูงวัยที่ยังมีเรื่องไม่เข้าใจอีกหลายเรื่อง

ที่จริงเย่ซวงก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน แต่สมัยนี้ใครเขาจะไปมีประสบการณ์ตรงกันล่ะ! ขอเพียงแค่เย่ซวงอยู่ ข้อมูลทั้งหมดในยุคข้อมูลข่าวสารก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป...

แต่อาจเป็นเพราะเรื่องมันไปไกลมากแล้วก็เลยทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย ด้วยความกังวลว่า “ลูกชาย” สุดหล่อจะออกไปเดินข้างนอกไม่ได้ หลังจากคุณนายเย่บ่นพึมพำออกมาสองสามประโยคก็ยอมรับความจริงได้ ก่อนจะจัดการกับอารมณ์แล้วเตรียมไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างต่อ

...

บนโลกนี้มีลูกอยู่สองประเภทคือ หนึ่งคือลูกของเราเอง สองคือลูกของคนอื่น

ส่วนบ้านของตนเองคงไม่ต้องพูดถึง คลอดมากับมือ เจ็บเจียนตาย แต่ก็ไม่เสียดายที่ลูกเกิดมาธรรมดา หน้าตาธรรมดา คะแนนสอบธรรมดา นิสัยเหมือนคนทั่วไป การงานก็ทั่วๆ ไป

ตรงกันข้าม ลูกของบ้านคนอื่นมักจะหน้าตาดีกันทั้งนั้น โตมาก็มีแต่คนชมเชย คะแนนสอบในทุกๆ ปีก็มาเป็นที่หนึ่งตลอด...ต้องมีดีสักอย่างสองอย่างที่ทำให้สายตาอิจฉาของทุกคนจดจ้องมาที่พวกเขา

ความจริงคุณนายเย่ก็รวมอยู่ในกลุ่มคนธรรมดาพวกนั้นด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะยีนที่ได้รับทำให้ลูกสาวของเธอดูดีและฉลาดมากขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้หมายความว่าลูกเธอไม่ดี แต่ถ้าวันหนึ่งลูกเกิดทำให้เธอได้หน้าได้ตาขึ้นมา แน่นอนว่าตอนนั้นเธอคงไม่มีทางที่จะปฏิเสธความรู้สึกภูมิใจนั้นได้

คุณนายเย่ลากแขนเย่ซวงเข้ามาในห้าง ไม่ต้องพูดถึงสายตาของใครหลายคนที่มองมา นั่นทำให้คุณนายเย่รู้สึกดีเป็นพิเศษ

ตั้งแต่สมัยสาวๆ เธอยังไม่เคยเป็นจุดสนใจแบบนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึง...ปกติแล้วคุณนายจะเป็นคนพูดจาดี ก่อนจะเข้ามาในห้างก็คิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าจะซื้ออะไร แต่ตอนนี้กลับพูดออกมาอย่างใจกว้างว่า “เสี่ยวซวง ถูกใจอันไหนก็เลือกมาเลยนะ ลูกชายแม่หล่อขนาดนี้จะซื้อเสื้อผ้าน้อยๆ ได้ยังไงล่ะ!”

“...”

ตอนนั้นเย่ซวงก็นึกย้อนไปเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อนที่ตัวเองมีสภาพเหมือนเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง...

เย่ซวงถูกลากเข้าไปในร้านเสื้อแห่งหนึ่ง แค่เสื้อผ้าเหมาะกับเย่ซวงก็พออย่าไปมองราคาเลย พอเข้ามาในร้านสายตาของพนักงานที่มองตรงมาก็เป็นประกายวิบวับพร้อมกับทักทายด้วยน้ำเสียงหวานย้อยชวนเลี่ยน “ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้า สนใจดูเสื้อผ้าแบบไหนดีคะ”

“...”

เอากางเกงในมาสักสองตัวก่อนดีไหมนะ

เย่ซวงเกือบหลุดพูดออกมา แต่พอกำลังจะพูดออกไป เสียงของพี่สาวที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาซะก่อน “คุณป้าหลัวคะ”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด