ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 37
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 39

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 38


ตอนที่ 38

เย่ซวงและคุณแม่กำลังอยู่ในครัวกระซิบกระซาบอะไรกัน อยู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจเมื่อต้องปล่อยผู้ชายมีอนาคตตรงหน้าไป ตอนนี้ผู้ชายมีอนาคตเองก็กำลังอยู่ในห้องรับแขกแอบชื่นชมเธออยู่เงียบๆ เช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ลองชิมอาหารบนโต๊ะ แต่ดูจากรูปรสและกลิ่นแล้วก็ถือว่าได้คะแนนเต็ม สามารถนำเสนอเมนูอาหารที่ทานกันในบ้านแต่ทำออกมาได้ราวกับงานเลี้ยงระดับประเทศ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฟางม่อรู้สึกว่าเรื่องที่เพื่อนของเขาตกหลุมรักเย่ซวงนั้นก็ดูจะไม่ไร้เหตุผลไปซะทีเดียว

ผักคะน้าเขียวอวบฉ่ำนุ่ม กระดูกหมูเปรี้ยวหวานแดงมันเงากรอบ กุ้งฉ่ำเด้งหอมอบอวลช่างน่าเย้ายวน... อาหารบนโต๊ะเจ็ดแปดอย่างมีทั้งเนื้อสัตว์และผักเข้ากันได้อย่างลงตัวเป็นที่สุด เป็นอาหารที่ง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นสีสันวัตถุดิบ ทักษะใช้มีดและความร้อนของไฟ กลับทำได้ดีจนไร้ที่ติ

ข้อติเพียงอย่างเดียวก็คือ ผัดมันฝรั่งเส้น เส้นมันฝรั่งหั่นบางจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะหั่นบางมากแต่ก็ไม่ผัดจนเละ...ดูจากฝีมือการผัดแล้วก็ยังไม่นับว่าล้มเหลว ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าจะถูกปากคนทานหรือไม่?!

ฟางม่อหันสายตากลับมาและเริ่มรอคอยอาหารมื้อกลางวันของวันนี้

เพียงครู่เดียว แม่ลูกตระกูลเย่ก็เดินออกมาจากครัว ทุกคนต่างล้างมือเตรียมพร้อมรับประทานอาหาร และในฐานะที่ฟางม่อเป็นแขก แน่นอนว่าต้องได้รับการดูแลจากตระกูลเย่เป็นอย่างดี

คุณเย่และน้องชายแอบตกใจอยู่เงียบๆ รออยู่นานแล้ว แต่เมื่อมีแขกอยู่ด้วย พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงอาการตกใจให้คนอื่นสงสัยได้

ในที่สุดก็ได้เวลาทานอาหารกันสักที คุณเย่ซึ่งถือเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบ้านรอไม่ไหวอีกต่อไป เขาเริ่มจากตักคะน้าเขียวสดกรอบขึ้นมาแล้วใส่เข้าปากทันที คุณพ่อถึงกับสะดุ้งไปทั้งตัว...

นี่ฝีมือลูกสาวฉันจริงหรือนี่

?! *

แทบจะลืมดูแลแขกที่มาบ้านไปเลย คุณเย่พูดกับฟางม่อเพียงประโยคสองประโยคอย่างเกรงใจ แล้วหลังจากนั้นก็ทานอาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดไม่จา

ฟางม่อที่กำลังทึ่งอยู่กับฝีมือการทำอาหาร เพียงครู่เดียวอาหารบนโต๊ะก็ลดลงไปถึงหนึ่งในสี่แล้ว เย่ซวงรู้สึกว่าไม่ได้การแล้ว อุตส่าห์เชิญแขกมาทานอาหารเพื่อเป็นการขอบคุณ อาหารหมดเร็วขนาดนี้ จะให้แขกหิวกลับบ้านได้ยังไง น่าอายสิ้นดี

งั้นยังจะรออะไรอีกล่ะ! ต้องแสดงฝีมือความไวของมือและสายตาของตัวเองหน่อยแล้ว! เพียงไม่กี่วินาทีเย่ซวงก็ตักอาหารใส่จานของฟางม่อจนเต็มจาน ทั้งเนื้อสัตว์และผักต่างๆ พูนสูงมาก แต่วางทับกันอย่างเป็นระเบียบ เหมือนกำลังตั้งใจจะก่อกำแพงยังไงอย่างนั้น

เมื่อฟางม่อรู้สึกตัวอีกที กระดูกหมูผัดเปรี้ยวหวานก็อยู่สูงจนจะถึงคางของเขาแล้ว

“...พอแล้ว ผมกินไม่หมดหรอกเยอะขนาดนี้” ฟางม่อถอนหายใจหลังจากที่หยุดเย่ซวงได้ พลางยิ้มและถามว่า “เป็นเจ้านายเธอมาตั้งนาน ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอฝีมือดีขนาดนี้…ฝึกทำอาหารมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?!”

“ที่บริษัทมีโรงอาหาร เมื่อก่อนฉันเลยไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ” เย่ซวงอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเมื่อยอมรับคุณสมบัติผู้หญิงเพียบพร้อมอย่างนี้ เหมือนกับว่าเธอชอบฝึกทำอาหารมาตั้งแต่เด็กจริงๆ อย่างนั้น

“นั่นก็จริง” ฟางม่อเชื่ออย่างสนิทใจ เขาหยิบแฟ้มเอกสารในกระเป๋าถือที่วางไว้ข้างเท้าออกมาชุดหนึ่งแล้วยื่นให้ พอหล่อนรับไปแล้ว เขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อ “นี่เป็นเอกสารที่พึ่งเสร็จเมื่อเช้า ต่อไปนี้บ้านหลังนั้นก็เป็นชื่อของเธอแล้ว แต่ฉันแนะนำว่าให้รีโนเวทหน่อยแล้วค่อย…เอ่อ…ทานข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

หลังจากคีบกระดูกหมูเข้าปาก ฟางม่อก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่าทีบนโต๊ะอาหารของคนบ้านเย่มันมาจากไหน แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ รอทานเสร็จก่อนค่อยว่ากัน

คนอื่นๆ ในบ้านต่างตกตะลึงและดีใจ แต่ถ้าให้เย่ซวงพูดล่ะก็ เธอซาบซึ้งใจมากที่ในที่สุดเธอก็จะได้กินอิ่มทุกมื้อแล้ว น้ำตาของเธอนองหน้า ในที่สุดปัญหาเรื่องข้าวกลางวันก็แก้ไขได้แล้ว! ส่วนผู้เป็นพ่อที่ในมือกำลังถือแก้วน้ำดื่ม และสมองถูกอาหารสุดอร่อยทำให้ลืมทุกสิ่ง พึ่งจะรู้สึกถึงบทสนทนาที่ไม่ทันฟังเมื่อครู่บนโต๊ะอาหาร

สมองกำลังย้อนทบทวนสิ่งที่ฟางม่อพูดเมื่อครู่อีกรอบ ผู้เป็นพ่อพึ่งจะรู้สึกตัวกับเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ซวงซวง! เมื่อกี้พูดถึงห้องอะไรกันน่ะ?!”

ฟางม่อขมวดคิ้วและมองไปที่เย่ซวงอย่างสงสัย แต่เย่ซวงไม่ได้สนใจ เธอกำลังยุ่งอธิบายให้พ่อฟังก่อน “ก็ที่เราเคยคุยกันไงคะ หนูจะต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เพราะฉะนั้น…”

เธออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้ฟังอีกรอบ ฟางม่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็คอยพูดเสริมบ้างประปราย พูดจนคอแห้ง ในที่สุดก็ได้อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนเสียที เย่ซวงหลังดื่มน้ำอึกใหญ่จึงสรุปให้ฟังว่า “…เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ หนูว่าจะจัดของให้เรียบร้อยแล้วก็ย้ายเข้าไปอยู่”

พ่อแม่ของเธอต่างมองหน้ากัน ทั้งสองคุยเรื่องที่จะต้องย้ายไปอยู่ข้างนอกของเธอกันตั้งนานแล้ว แถวนี้มีคนรู้จักก็เยอะ เย่ซวงที่ตอนนี้มีสภาพแบบนี้ พอสลับเพศแล้วก็จะต้องปิดบังผู้คน…ได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก็คงเจอเรื่องปวดหัวน้อยลง ถึงแม้จะยังมีเพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวา แต่ไม่ต้องไปคบหาสมาคมอะไรมาก ก็คงไม่เป็นไร แต่ก็…

ทั้งพ่อและแม่ได้วางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว พวกเขาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และยังต้องดูว่าเงินเก็บที่บ้านพอจะจ่ายเงินดาวน์ที่ไหนไหวบ้าง แต่นึกไม่ถึงว่าลูกสาวจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้รวดเร็วปานนี้ อยู่ๆ ก็ได้บ้านอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ฟางม่อเห็นบรรยากาศของบ้านเย่แบบนั้น ก็เหมือนคิดอะไรสักครู่ จึงเงยหน้าพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ทั้งสองท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณนายเฉินเป็นคนหนักแน่น พูดแล้วไม่คืนคำ และไม่มีแผนการใดๆ ทั้งสิ้นเล่นตุกติก…กระบวนการทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมายและสามารถตรวจสอบได้ นี่เป็นเพราะคุณเย่ซวงช่วยชีวิตคุณผู้หญิงเอาไว้ สำหรับท่านแล้วเงินเพียงแค่นี้ไม่สำคัญอะไร”

คุณแม่ตอบอย่างช้าๆ : “ไม่ใช่ว่าเป็นห่วง แต่รู้สึกราวกับฝันไป...”

ฟางม่อ “…” ที่จริงแล้วตอนที่เขาเห็นเหตุการณ์นั้นก็รู้สึกราวกับฝันไปเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด