ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 35
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 37

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 36


ตอนที่ 36

ในที่สุดอันจื่อหนิงก็โดนพ่อของตัวเองดุสั่งสอนไปฉอดหนึ่งทางโทรศัพท์

ท่าทางอันจื่อหนิงดูไม่หนีและไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน ดังนั้นเย่ซวงที่อยู่ข้างๆ ก็เลยได้ยินเนื้อความทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากที่ฟังเนื้อความทั้งหมด เย่ซวงก็รู้ได้อย่างหนึ่งคือ กิจการของตระกูลอันเป็นที่รู้จักมาก

ถึงแม้คนสั่งสอนอย่างพ่อจะโกรธแต่ก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา ส่วนคนที่โดนสั่งสอนอย่างอันจื่อหนิงเองถึงแม้จะเชื่อฟังอย่างว่าง่าย แต่กลับดูเหมือนชินชามากกว่า...ดูท่าแล้วเรื่องนี้คงไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งหรือสองครั้ง...

หลังจากที่ตกปากรับคำกับพ่อแล้ว อันจื่อหนิงก็ตัดสายโทรศัพท์ไป แล้วมาอยู่ที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง “ร้านนี้มีชื่อเสียงมาค่อนข้างนาน ในเมืองนี้ไม่มีที่ไหนสู้ติ่มซำของพวกเขาได้เลย เป็นรสชาติดั้งเดิมโดยแท้ งั้นเอาที่นี่แล้วกัน?!”

“...” นี่เธอลืมเรื่องในโทรศัพท์เมื่อกี้ไปแล้วเรอะ?!

เย่ซวงชื่นชมเธอจริงๆ เขาจะดุก็ดุไป

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแกร่งเพียงใด หากตัวเองเป็นภูเขา พวกเขาก็เหมือนลมที่ทำได้เพียงแค่พัดผ่านไป ไม่ได้มีผลอะไรกับเจ้าตัว

...ต้องโดนด่ามาสักกี่ครั้งกันถึงจะได้ขนาดนี้

เย่ซวงเป็นแค่คนธรรมดา ในอายุยี่สิบกว่าปีก่อนก็ไม่ได้มีโอกาสเข้ามายังสถานที่ราคาแพงแบบนี้ แถมยังไม่รู้ของอะไรขึ้นชื่อไม่ขึ้นชื่ออีก

แต่ด้วยความรู้สึกอันเฉียบแหลมที่ผิดปกติของเธอเพียงอย่างเดียว แค่ลิ้นสัมผัสก็บอกราคาของมันได้แล้ว

เกี๊ยวกุ้งหวานอร่อย ลูกกลมๆ เป็นมัน ผิวด้านนอกโปร่งแสงและขาวราวกับหิมะ แป้งบางเหมือนกับกระดาษ ทำให้เห็นตัวกุ้งที่ถูกห่ออยู่รำไรทะลุแป้งออกมา

ขนมจีบไส้ทะลัก เหนียวนุ่มหอมหวน ไส้หอมๆ แป้งเป็นมันเกลี้ยงเกลาดูน่าอร่อย ไส้ข้างในหวานเค็มอร่อยถูกห่อด้วยแป้งนุ่มๆ ...

หลังจากยีนของตัวเองได้ผสมผสานปรับให้ดีมากขึ้นแล้ว อาหารรสชาติถูกปากก็น้อยลงเรื่อยๆ

ไม่ใช่เพราะเธอเลือกกิน แต่เป็นเพราะต่อมรับรสมันเฉียบแหลมมากขึ้น ของที่ตัวเองเคยกินก่อนหน้านี้

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนเย่ซวงชอบกินซาวข่าวที่แผงลอยแถวบ้านที่หนึ่งมาก รสชาติมันทั้งเผ็ด แถมยังถูก และปริมาณกำลังดี จึงได้รับความนิยมจากคนแถวนั้น...แต่หลังจากที่ยีนพัฒนาขึ้นล่ะ?! เย่ซวงไปกินอีกครั้งก็รู้สึกว่าเนื้อมันเก่า คุณภาพไม่ดี เศษถั่วที่ใส่ก็ชื้นจนเกิดขึ้นรา เครื่องเทศก็หลายชั้นเกินไปจนแยกรสชาติไม่ออก ส่วนเนื้อก็ยังมีรสชาติสารเคมี...

หลังจากพูดเรื่องนี้ออกมาพร้อมกับน้ำตาที่อาบหน้าแล้ว สมาชิกในบ้านเย่ทั้งสี่คนก็เลิกอุดหนุนร้านนั้นไปเลย

ตลาดที่ต้าเทียนฉาวเป็นแหล่งรวมน้ำมันจากท่อระบายน้ำ และสารเคมีต่างๆ ตอนนี้เย่ซวงจึงได้บอกลาอาหารนอกบ้านไปมากมายแล้ว ของในบ้านก็เป็นของทำเองแบบลวกๆ แต่อย่างน้อยวัตถุดิบก็สดใหม่ ส่วนจะหาร้านข้างนอกที่ถูกปากเธอได้นั้นคงเป็นเรื่องยาก...ก่อนที่จะเจอกับอันจื่อหนิง เย่ซวงคิดว่าจะไปซื้อโจ๊กกินสักถ้วยก็พอแล้ว แน่นอนว่า ไม่ใส่เครื่องอะไรแบบนั้น...

ดูเหมือนว่าร้านราคาแพงก็จะมีข้อดีอยู่เหมือนกัน ครั้งที่แล้วที่ฟางม่อชวนไปก็ดี ครั้งนี้ที่อันจื่อหนิงเลือกก็ดี พวกนี้เป็นที่ที่เย่ซวงรู้สึกว่าดีและอร่อยทั้งนั้น

ถ้าจะให้พูดถึงอาหารสามมื้อหลังจากนี้ คงต้องวางแผนที่จะหาเงินก่อน หรือว่าตัวเองควรจะไปฝึกเข้าครัวทำอาหาร?! ดูจากร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งห้าอันเฉียบแหลมแล้ว นี่ก็ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อม...

เย่ซวงกินแล้วก็พยายามลิ้มรสชาติ แต่ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าคนรอบข้างกำลังตกใจกับเข่งติ่มซำที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่บนโต๊ะของเธอ...ถึงแม้ติ่มซำเข่งหนึ่งจะไม่ได้เยอะ แต่ก็ไม่น่าจะวางซ้อนกันได้ขนาดนี้!

อันจื่อหนิงที่อยู่โต๊ะเดียวกันก็ตกใจเหมือนกัน “นักสู้เจริญอาหารขนาดนี้เลย?!”

นักสู้...เย่ซวงทำหน้าเอือม คิดเงียบๆ แล้วจึงพูดออกไปอย่างอ่อนหวานว่า “แหะๆ พี่อันช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง อันที่จริงฉันก็ฝึกไปเรื่อยเปื่อย ไม่นับว่าเป็นนักสู้หรอก” เย่ซวงยิ้มฝืน คิดจะทวงคืนภาพลักษณ์สักหน่อย อย่างน้อยขอแค่ไม่กลายเป็นแม่สาวล่ำบึ้กก็พอ

“ฉันเข้าใจๆ พวกคนฝีมือดีแบบพวกเธอก็ชอบถ่อมตัวกันแบบนี้แหละ” อันจื่อหนิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ หลังจากนั้นก็คิดอย่างหนัก ก่อนจะพูดคำหนึ่งออกมา “อืม...ฉันจำได้ว่ามันเรียกว่าเสแสร้งใช่ไหม?!”

“...” ครูพละสอนภาษาเธอเรอะ

เย่ซวงไม่ได้สนิทกับอันจื่อหนิงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้บอกว่าคนคนนี้เป็นคนไม่ดี แล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอจะถือเอาผลประโยชน์มาทำให้แตกคอกัน ปัญหาที่สำคัญคือ คนสองคนที่ฐานะต่างกันไม่มีทางคบกันได้อย่างเท่าเทียมหรอก

ครั้งนี้เป็นเพราะโชคชะตาบังเอิญให้ไปช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่ความรู้สึกมีบุญคุณแบบนี้ก็ใช่ว่าจะอยู่ไปตลอด โดยเฉพาะกับนิสัยของอันจื่อหนิงที่ค่อนข้างแข็งกร้าวและถูกยุยงได้ง่าย

ยกตัวอย่างเช่น แค่คำพูดไม่คิดที่ออกจากปากน้องชายมาก็ทำให้เธอวิ่งเต้นได้ขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ครั้งนี้อันจื่อหนิงจะเห็นว่าเรื่องเล็กแค่นี้ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถ้าครั้งหน้าคนใกล้ตัวอีกฝ่าย ‘พูดมั่วซั่ว’ เรื่องเธอ จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?!

แต่ฟางม่อไม่ใช่คนประเภทเดียวกับอันจื่อหนิง ฟางม่อมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ และใจกว้างกว่าอันจื่อหนิง เรื่องที่ไม่จำเป็นก็จะไม่พูดให้แตกหักกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่เย่ซวงคบกับเขาได้โดยไม่มีความกดดัน

หลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ ฟางม่อก็โทรศัพท์เข้ามา สำนักงานที่ดินเป็นที่ที่เขาคุ้นเคย จะทำการโอนย้ายทะเบียนจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ด้วยความสามารถของเขา ห้องที่อันจื่อหนิงไปอาละวาดมาเมื่อครู่ก็ได้กลายมาเป็นชื่อของเย่ซวงแล้ว

หลังจากกินเสร็จก็แยกย้ายกัน แล้วโทรศัพท์ของอันจื่อหนิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง เย่ซวงที่เพิ่งลุกขึ้นมาก็ได้ยินเสียงผู้ชายทางโทรศัพท์ดังออกมา “พี่ เมื่อกี้ปู่...”

อันจื่อหนิงรับโทรศัพท์ แล้วโบกมือลาเย่ซวง เย่ซวงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็เดินจากไป

เรื่องในบ้านคนรวยไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเข้าไปยุ่งได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด