ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 30
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 32

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 31


ตอนที่ 31

ชื่อเสียงเสียหายหมด อันที่จริงอายแสนอาย...แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะหนักไปกว่านี้อีกแล้ว...

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

ก็คนเหมือนกัน ใครจะไม่อายบ้าง?! แต่หากโดนเข้าใจผิดแล้วตัวเองไม่มีโอกาสได้อธิบายล่ะก็ สุดท้ายก็คงเหลือทางเดียวคือ ยอมรับกับชะตากรรมแล้วเสียศักดิ์ศรี...

วินาทีที่หันกลับไปเห็นป้ายโรงแรมด้านหลังตัวเอง จากตอนแรกที่ตกใจก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเศร้า แล้วก็กลุ้มใจ ในที่สุดก็ทำใจยอมรับกับชะตากรรมได้ แล้วหันหน้าเฉยเมยกลับมาพูดว่า “ไม่ผิดหรอก เรื่องมันก็เป็นอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ”

เป็นผู้หญิงกล้าทำก็ต้องกล้ารับ เป็นยังไงล่ะ!!!

ฟางม่อ “...” ที่จริงตอนแรกเขาคิดว่าเธอรีบไปส่งแฟนตอนเช้าตรู่ จากนั้นจึงมาเอาเสื้อผ้าที่โรงแรมกลับไปซัก...

แต่เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เรื่องก็ดูเหมือนว่าจะซับซ้อนกว่าที่ตัวเองคิดเข้าไปอีก

ฟางม่อไอแห้งๆ ออกมาทีหนึ่ง เขาพยายามหยุดความคิดแปลกๆ ของตัวเองด้วยการยิ้มแล้วเปลี่ยนบทสนทนา “ช่างเถอะ ยังไงวันพฤหัสบดีเขาก็ต้องกลับมาถ่ายโฆษณาอยู่ดี งั้นเอาไว้ครั้งหน้าค่อยกินข้าวด้วยกัน”

“ได้สิคะ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันค่ะ”

เมื่อถึงตอนนั้น

‘เธอ’ จะอยู่ที่นี่หรือเปล่า ก็เป็นเรื่องของตอนนั้น

ในเมื่อเพื่อนไม่ได้อยู่ที่นี่ ฟางม่อเองก็ไม่ควรจะอยู่กับแฟนเพื่อนสองต่อสองเป็นเวลานาน ต่อให้เราบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้ามันทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความสงสัยขึ้นมาล่ะก็ แค่คำว่าบริสุทธิ์ใจมันเอามาอธิบายคนอื่นไม่ได้หรอก

หลังจากที่พยักหน้าบอกลาเย่ซวง ขณะที่ฟางม่อกำลังขอตัวกลับไป มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมา

ฟางม่อเดินไปรับสายไปด้วย หลังจากพูด

‘ฮัลโหล’

แล้ว อีกฝ่ายก็ได้รายงานเรื่องหนึ่งกับเขา ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเท้าที่ก้าวอยู่ก็ค่อยๆ ชะลอลง...

สายที่รีบโทรมาแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ จะต้องมีเรื่องยุ่งที่แก้ไขไม่ได้แน่ๆ ถึงได้เป็นแบบนี้

ฟางม่อเองรับสายนี้แล้วถึงได้เป็นอย่างนี้

ฟังดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่คนที่ก่อเรื่องดันมีปัญหาก็เท่านั้น

บริษัทของฟางม่อทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ อสังหาที่มีอยู่ในมือนอกจากจะขายให้กับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ยังขายให้กับญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงทั้งหมดอีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนสนิทจะแต่งงานแล้วต้องการซื้อห้อง ญาติคนนั้นจะย้ายมาเมืองนี้แล้วอยากจะซื้อห้อง...ไปๆ มาๆ ก็ได้คอนเนกชั่นเพิ่มขึ้นมา

และครั้งนี้คนที่ก่อเรื่องก็คือ หลานของเพื่อนเก่าของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ถ้าหากจะพูดว่าฟางม่อเป็นทายาทดีเด่นล่ะก็ งั้นหลานคนนี้ก็คงเป็นทายาทเหลวแหลก...กินดื่มเที่ยวเล่น ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือเขา

ฟางม่อกับคุณชายเหลวแหลกนี้ไม่ค่อยจะได้ออกไปไหนด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเพราะว่าความชอบหรือไม่ชอบส่วนตัวทำให้สนิทสนมหรือห่างเหินกัน ปกติทั้งคู่ต่างก็ดูแลธุรกิจของใครของมัน เวลาเจอหน้ากันก็แค่ทักทายกันตามมารยาทก็เท่านั้น

แต่ต่อให้ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นก็ต้องสนิท โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านรู้จักกันดี ดังนั้นจะไม่ให้ทั้งคู่ติดต่อกันเลยคงเป็นไปได้ยาก

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนคุณชายเหลวแหลกคนนี้เพิ่งจะไปคบชู้กับดาราสาวปลายแถว ตอนที่ยังหวานชื่นกันอยู่ ดาราคนนี้ก็ฉลาดไม่เบาที่รู้ว่าคนพรรคนี้ไม่มีทางจะรักเธอจริงๆ จึงถือโอกาสช่วงที่ความรักยังเบ่งบานอยู่เอ่ยปากขอให้พ่อคุณชายนี่ซื้อห้องให้

หากให้คุณชายที่ใช้เงินอย่างเทน้ำเทท่าพูดล่ะก็ เงินแค่นี้มันเล็กน้อยมาก ต่อให้รู้ว่าดาราคนนั้นหน้าเลือดขนาดไหน แต่แค่เป็นเด็กดีเชื่อฟังและทำให้ตัวเองได้หน้าตอนอยู่ข้างนอกได้ล่ะก็ การซื้อห้องให้เป็นรางวัลก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่...ดังนั้นแค่คุณชายเหลวแหลกนี่โบกมือแบบขอไปทีก็จ่ายเงินเต็มจำนวนซื้อห้องหรูพร้อมแต่งจากฟางม่อมาได้อย่างสบายแล้ว อีกทั้งใบกรรมสิทธิ์ห้องยังยกให้เป็นชื่อเจ้าหล่อนอีกด้วย

เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฟางม่อเลยสักนิด เขาเป็นคนขายห้อง และคุณชายจะซื้อห้อง เมื่อจ่ายเงินมา ของก็ต้องไป การขายจบลงก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก

แต่ที่บ้านของคุณชายยังมีผู้หญิงปากร้ายอารมณ์ร้ายอยู่คนหนึ่ง...ผู้หญิงที่สามารถแต่งงานกับคนในแวดวงนี้ได้ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็จะมาจากครอบครัวที่มีฐานะทัดเทียมกัน

ไม่รู้ว่าหญิงสาวปากร้ายอารมณ์ร้ายคนนี้ได้ยินเรื่องคบชู้ของสามีเธอกับดาราสาวมาจากไหน บวกกับไม่รู้ว่าคนที่เอาเรื่องนี้ไปบอกต้องการทำให้เป็นเรื่องใหญ่หรือทำร้ายจิตใจกันแน่ แต่ฟางม่อก็โดนลากเข้าไปมีเอี่ยวด้วย เพราะเธอเข้าใจว่า เพื่อนในกลุ่มของสามีต่างก็รู้เรื่องนี้ แล้วทุกคนยังช่วยสามีของเธอปิดบังเธอ...

คนที่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก แน่นอนว่าเพื่อนของสามีก็เหมือนกับคนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ภรรยา

ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ความรู้สึกในใจลึกๆ ของหญิงสาวคนนี้ก็รู้สึกเหมือนโดนทุกคนร่วมมือกันหักหลัง ทำให้สาวเจ้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงจัดการพาคนไปเคาะประตูห้อง บุกไปถึงถิ่นศัตรู ก่อนจะตรงไปลากผู้ชายกับผู้หญิงสารเลวลงมาจากเตียงไซส์ใหญ่ ตอนนี้ใครก็ห้ามไม่ได้ทั้งนั้น แล้วก็เปิดปากพูดแขวะสามีและเพื่อนไม่ได้เรื่องไปฉอดหนึ่ง แน่นอนว่า...คนที่ขายห้องให้อย่างฟางม่อก็ไม่เว้น และยังโดนหนักอีกด้วย...

ฟางม่อที่ทำตัวไม่ถูกก็ได้เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “...งั้นตอนนี้ล่ะ?!”

น้ำเสียงจากปลายสายเหมือนจะร้องไห้ออกมา “คุณนายเฉินยังมีโมโหอยู่ ตอนนี้...ยังด่าไม่หยุดเลย แถมเธอยังพูดอีกว่าจะเอาห้องไปอีกด้วย ยอมขายต่อในราคาถูก ยังดีกว่าให้นังแพศยาคนนี้อยู่”

“งั้นผม...” ฟางม่อคลึงขมับตัวเองเบาๆ กำลังจะพูดว่าเดี๋ยวตัวเองจะเข้าไปดู สุดท้ายก็พูดออกมาได้แค่สองคำ แล้วที่ไหล่ก็ถูกแตะเบาๆ

ฟางม่อหันกลับไปมอง เย่ซวงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายมองเขาด้วยความตื่นเต้น “พี่ฟางจะขายห้องเหรอคะ ขายในราคาถูกคือถูกขนาดไหนคะ แบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ได้ไหม?”

“...”

แล้วเธอมาวุ่นวายด้วยทำไมเนี่ย...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด