DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
ก่อนที่แม่จะทนไม่ไหวพาลูกชายคนโตสุดเพอร์เฟกต์ออกไปอวดชาวบ้าน พ่อที่กินข้าวเสร็จเช็ดปากแล้วก็รั้งภรรยาไว้ได้ทัน ก่อนจะถือโอกาสพาเย่ซวงเข้าไปคุยถึงปัญหาเมื่อกี้ต่อในห้องหนังสือ
“เสี่ยวซวง ที่ลูกบอกว่ายีนมันมีความทรงจำที่สืบทอดต่อกันมา งั้นตอนนี้ลูกรู้ถึงภาพรวมการเปลี่ยนแปลงของตัวเองหรือเปล่า” คุณเย่พลิกพจนานุกรมเล่มหนาพร้อมกับเริ่มใช้ความคิดว่าอะไรที่เป็นตัวกำหนดว่าลูกสาวของตนเปลี่ยนไปถึงขั้นไหนแล้ว?!
คุณเย่ไม่เคยอ่านนิยายออนไลน์หรือว่าดูหนังอะไรพวกนี้เลย จึงไม่รู้ว่าปกติเมื่อตัวเอกเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วทำตัวยังไงกัน
แต่ถ้าดูจากมุมมองของคุณเย่แล้ว ถึงเขาจะรู้ก็ไม่ถูกใจอยู่ดี
หลังจากที่ตัวเอกพบเจอเรื่องไม่คาดฝันแล้ว ยังต้องปกปิดคนในบ้านด้วย เพราะกลัวโดนจับไปทำการทดลองจึงต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ กระทั่งโดนสภาพแวดล้อมบีบบังคับ ทำให้ระเบิดพลังออกมาในที่สุด แล้วชนะอย่างสวยงาม เริ่มสร้างตัวมีอาชีพการงานหลังจากนั้นก็สร้าง...ฮาเร็ม?
อย่ามาล้อเล่นกันเลย เรื่องดีๆ แบบนั้นจะเจอกันได้ง่ายๆ ซะที่ไหนกันเล่า? หรือว่าตัวละครพวกนี้ไม่เคยคิดเลยว่าบางทีร่างกายอาจจะทนรับการเปลี่ยนแปลงให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างกะทันหันนี้ไม่ไหวเลยระเบิดตัวเองทิ้ง หรือระบบที่ปรากฏขึ้นมาช่วยอาจจะไม่ใช่ตัวชี้นำที่มีความสามารถครอบจักรวาลเหมือนที่คิดไว้ แต่กลับกลายเป็นตัววางแผนกำจัดคุณแทนล่ะ
เพราะตัวเองแข็งแกร่งเลยอยากช่วยเหลือคนอ่อนแอให้มีจุดยืน อาศัยพลังที่ตัวเองได้รับมาเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง…ตัวเอกพวกนี้คิดได้ยังไงกันว่าเรื่องนี้มันสมเหตุสมผลดี คิดว่าโลกทั้งใบจะต้องหมุนรอบตัวเองอย่างแน่นอน อยู่ๆ มีของดีแบบนี้ปรากฏขึ้นมาก็รับได้และไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิดเนี่ยนะ!
คุณเย่ยังคงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวสิ่งที่ไม่รู้จักนี้ และเขาเองก็ไม่ถูกล้างสมองด้วยนิยายและหนังให้คิดว่า เมื่อได้รับพลังวิเศษมาแล้ว จะสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้ด้วยพลังที่เหนือกว่านี้
จากที่คุณเย่เห็น ไม่ว่าเรื่องนี้จะดีหรือร้าย ก่อนอื่นเขาต้องมั่นใจก่อนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ต่อให้มืดแปดด้าน ก็จะต้องไม่หมดหวัง
“การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและสมอง ส่วนระดับของพละกำลังนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะในความทรงจำที่ได้รับมาจากมนุษย์ต่างดาวนั้น พละกำลังระดับนี้ยังถือว่าอยู่ในขั้นปกติ เนื่องจากนี่เป็นหน่วยความจำทางพันธุกรรมจึงไม่มีบันทึกที่สามารถเอามาเทียบกับโลกได้” เย่ซวงสัมผัสได้ถึงความหวังดีและความห่วงใยจากคนเป็นพ่อที่ปกติแล้วจะเป็นคนจริงจัง จึงบอกไปว่า “ไม่มีพลังวิเศษอะไรค่ะ มีแค่ร่างกายกับสมองพัฒนาไม่หยุด...ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นผลกระทบที่จะตามมา”
คุณเย่ถอนหายใจออกมา “ไม่มีผลผลกระทบก็ดีแล้ว แต่ว่าลูกจะต้องทำตัวเองให้คุ้นเคยกับร่างกายนี้เสียก่อน...เอ่อ อย่างน้อยก็ระวังอย่าหักตะเกียบในบ้านก็แล้วกัน” ดีที่ครั้งนี้เป็นตะเกียบ ถ้าหลังจากนี้ลูกสาวไปจับมือใครเข้าแล้วเกิดตื่นเต้นขึ้นมา...คุณเย่ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เย่ซวงน้ำตาคลอเบ้า ตะเกียบนั่นใช่ว่าเธออยากจะหักมันเสียหน่อย แต่เป็นเพราะความปากไม่ดีของเย่เฟิงต่างหาก...
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เราลองมาทดสอบจากอะไรง่ายๆ ดูก่อน” คุณเย่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเริ่มทดสอบจากสมองก่อน แล้วจึงยื่นพจนานุกรมเล่มหนาไปให้ “ถ้าไม่มีพลังวิเศษ ก็มาลองทดสอบความจำและกระบวนการทางความคิดแล้วกัน”
ความจำ...หลังจากเย่ซวงใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็สามารถจำสิบหน้าแรกได้อย่างง่ายดาย คุณเย่เริ่มมีสีหน้าที่เคร่งขรึมกว่าเดิมก่อนจะดึงเอาพจนานุกรมคืนมา “โอเค พ่อเข้าใจแล้ว” บ้าบอที่สุด! โลกใบนี้มันช่างไม่ยุติธรรมซะจริง!
มันยากที่จะไม่ให้คุณเย่อิจฉาความจำของลูกตัวเอง แต่เขาก็สูดหายใจเข้าเพื่อตั้งสติ “อย่างนั้นเดี๋ยวพ่อจะไปเอาข้อสอบคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมาให้ลูกลองทำสักสองสามแผ่นแล้วกัน” นี่คือการทดสอบความคิดเชิงตรรกะขั้นพื้นฐาน
“ไม่เอานะพ่อ” เย่ซวงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ให้พ่อทดสอบด้วยการทายปริศนายังจะดีเสียกว่า ตอนนี้สมองของหนูกำลังแล่นเลย แต่...” เป็นเพราะตอนเรียนคะแนนวิชานี้ของเธอนั้นเรียกว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยก็ว่าได้ พอเข้าทำงานได้สักสองปีก็เอาความรู้คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว
“...” เมื่อคุณเย่เข้าใจถึงระดับความสามารถของลูกสาวตัวเองก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
ความสามารถที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ช่วยให้คำนวณสูตรคณิตศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ ในเมื่อลูกสาวมีพื้นฐานไม่แน่น การจะให้มาทำแบบทดสอบวิชาคณิตศาสตร์คงไม่ยุติธรรมกับเธอเท่าไร... “ถ้าอย่างนั้นมาทดสอบร่างกายแทนก็แล้วกัน”
หลังจากสิ้นเสียงคุณเย่ บนโต๊ะไม้ก็ได้มีรอยบุ๋มของนิ้วมือ หน้าต่างกันขโมยก็แตกออก จากนั้นบ้านก็เริ่มสั่นเล็กน้อย แล้วผนังในห้องก็ค่อยๆ แยกออกจากกันเผยให้เห็นอีกห้อง
สองสามีภรรยาและเย่เฟิงที่ยืนดูอยู่เงียบๆ หลังผนังที่แยกออกนั้น ก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นเย่ซวงยกตู้เสื้อผ้าที่น้ำหนักไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยกิโลไปปิดผนังที่แยกจากกัน
“ทะ...ที่รักคะ” คุณนายเย่ยกมือทาบอกรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็น “หรือจะให้ฉันพาซวงซวงไปที่ยิมดีคะ?!” หลังจากเหตุการณ์นั้นทุกคนก็ห้ามไม่ให้เย่ซวงเคลื่อนย้ายของในบ้านอีกเลย ในใจที่ว่ารับไม่ได้แล้ว กำแพงบ้านกลับรับไม่ได้มากกว่าพวกเขาเสียอีก
คุณเย่ในตอนนั้นดูแก่ขึ้นสักสิบปี ได้แต่โบกมือไหวๆ อย่างอ่อนแรงตอบกลับ “ไปเถอะ ผะ...ผมขอคิดอะไรสักหน่อย”
พี่ซวงจะจัดการยังไงกับพละกำลังมหาศาลของเธอล่ะเนี่ย?!
เย่เฟิงที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตื่นเต้นจนอยากจะไปตั้งกระทู้ถามคนในเน็ตเหลือเกิน เขาอยากจะรู้ว่าจะมีใครปากไม่ดี ซ้ำร้ายยังมีพี่สาวเหนือมนุษย์แบบเขาบ้าง
ยิ่งนึกถึงเมื่อก่อนเวลาที่เขายั่วโมโหพี่สาวตัวเอง ภาพที่โดนเคาะกบาลก็ลอยเข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ...อยู่ๆ เย่เฟิงก็รู้สึกกลัวอนาคตที่สุดแสนจะมืดมนของตัวเองขึ้นมา
ในที่สุดคุณนายเย่ก็ได้รับอนุญาตให้พาเย่ซวงออกไปข้างนอกได้แล้ว แต่ก่อนจะออกจากบ้านก็ถูกคุณเย่กำชับอีกรอบด้วยความเป็นห่วงว่า “เสี่ยวซวง ระหว่างการปรับตัวนี้ก็ให้ระวังอย่าใช้กำลังพร่ำเพรื่อ จะหยิบจับอะไรก็เบาๆ มือหน่อย เข้าใจไหม”
โดยเฉพาะกับคน ถ้าไม่ระวังอาจจะทำให้คนอื่นเจ็บตัวเอาได้
“...” ต่อไปนี้เธอคงไม่ได้หยิบจับอะไรแล้วล่ะมั้ง
...
ในตอนนี้ส่วนสูงของเย่ซวงดูแปลกแยกไปจากคนในบ้านอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากการเปลี่ยนแปลงในขั้นแรกผ่านไปแล้ว ทุกคนก็ย้ำกับเธออีกรอบเพราะไม่รู้ว่าจะกลับไปเป็นผู้หญิงอีกทีเมื่อไหร่ รอให้ผ่านไปก่อนสักสามวันถึงจะรู้ แต่ตอนนี้เป็นผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบก็ไม่มีอะไรจะพูด
สัดส่วนทองคำในส่วนสูง 184 เซนติเมตร ไหล่กว้างเอวสอบ รวมทั้งอวัยวะทั้งห้าที่ได้รูป ไม่ว่าจะยืนตรงไหน ก็เหมือนกับภาพวาดบนหนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว
เมื่อเย็นวันก่อนที่ร่างกายเพิ่งเปลี่ยนสภาพ เย่ซวงกำลังสวมกระโปรงอยู่ แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงของเย่ซวงนั้นทำให้คนในบ้านตกใจอยู่ไม่น้อย รวมทั้งความสูงราวกับนายแบบที่สะกดสายตาผู้คน ทำให้ไม่มีใครคิดเล็กคิดน้อยกับปัญหานี้
ในวันที่สองที่เย่ซวงเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ปัญหาก็โผล่มาทันที...เย่ซวงเหลือบมองความสูงของตัวเองกับพ่อและเย่เฟิงที่ต่างกันลิบลับ “ลูกชายคนโต” สวมกางเกงของพวกเขา ทั้งที่ปกติแล้วความยาวความยาวจะกำลังพอดี แต่เมื่อเย่ซวงสวมกางเกงกลับลอยเต่อจนดูตลกไปในทันที
ส่วนเรื่องเสื้อไม่ต้องพูดถึง ไหล่กว้างของเย่ซวงทำให้ไซซ์เสื้อของทั้งสองไม่เหมาะกับเย่ซวงในตอนนี้อย่างมาก
สุดท้ายเย่ซวงก็คว้าเอาเสื้อยืดคอกลมใส่นอนตัวใหญ่ของตัวเองมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วก็หยิบกางเกงกีฬาของเย่เฟิงมาอีกตัว หนุ่มหล่อเดินออกมาพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ส่องประกายลงมา ในที่สุดเขาก็แก้ปัญหาได้เสียที
ชุดที่ใส่อยู่ก็แค่ชั่วคราว ในอนาคตเย่ซวงยังต้องการเสื้อผ้าที่เยอะกว่านี้อีก และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ...เธอไม่สามารถใส่กางเกงในลายสตรอว์เบอร์รีน่ารักหวานแหววภายใต้กางเกงยีนได้!!!
ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว ถ้าได้ออกไปข้างนอกนะ จะกว้านซื้อของที่จำเป็นมาให้หมดเลย
หลังจากที่คุณนายเย่เช็ดล้างทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยก็พา 'ลูกชายคนโต' ออกจากบ้านไป แม้ว่าเสื้อผ้าที่เย่ซวงใส่อยู่จะดูพื้นๆ ไม่ได้หวือหวาแต่กลับดูดีเกินจะต้านทานไหว เมื่อลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็เจอเข้ากับมนุษย์ป้าสอดรู้
“อุ๊ย พ่อหนุ่มนี่หล่อจัง...พี่หลัว นี่ญาติของพี่เหรอ?!” คุณนายเย่นามสกุลหลัวนั่นเอง...ดวงตาสอดรู้ของมนุษย์ป้าเปล่งประกายเมื่อได้เห็นหนุ่มหล่อตรงหน้า
หายากนะที่จะได้เห็นเด็กหนุ่มที่โตมาหล่อขนาดนี้เนี่ย
สุดท้ายก็กลั้นความอยากรู้ไม่ไหวจึงถามออกไปว่า “ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ?”
ด้วยความเคยชินจนลืมไปว่าตอนนี้เป็นผู้ชาย พอเพื่อนแม่ถามก็พลั้งปากตอบกลับไปทันทีว่า “ชื่อเย่ซวง”
ป้าคนนี้เป็นใครกันหน้าคุ้นๆ ...เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่สิ ตอนนี้เราเป็นผู้ชายนี่!
ใบหน้าของเย่ซวงแข็งทื่อราวกับหินเมื่อรู้ว่าตัวเองทำพลาด ส่วนคุณนายเย่กับมนุษย์ป้านั้นก็ยืนอึ้งกันไปเป็นที่เรียบร้อย
คุณนายเย่ที่ยืนนิ่ง “...”
มนุษย์ป้าก็ลังเล “...เอ่อ ชื่อเหมือนกับลูกสาวพี่หลัวเลย”
เย่ซวงทำตัวไม่ถูก “เฮอะ เฮอะ...”
ยังดีที่มนุษย์ป้าไม่ชอบอ่านนิยายออนไลน์เหมือนกับพวกวัยรุ่น มนุษย์ป้าไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่าทั้งสองคือคนคนเดียวกัน
เมื่อพูดถึงการซุบซิบนินทากันในกลุ่มแม่บ้านแล้ว ก็ทำให้มนุษย์ป้าคนนี้ตีความไปต่างๆ นานา ก่อนที่สติจะกลับมาเพราะดันไปสะดุดตาเข้ากับเสื้อเชิ้ตที่เย่ซวงสวมอยู่
จุดพีคมันอยู่ตรงเสื้อเชิ้ตตัวนี้
และในตอนนั้นสายตาของมนุษย์ป้าก็เปลี่ยนไปทันที “นั่นแน่ พี่หลัว นี่ลูกเขยพี่ใช่ไหม?!”
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าคิดจะไปกังขากับความสามารถในการตีความของคนพวกนี้เลย
แต่เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่น่ากลัวของสิ่งมหัศจรรย์ที่มารวมตัวกันอย่าง 'สมาคมแม่บ้าน' รู้กระทั่งข่าวเล็กข่าวน้อยที่คนคิดไม่ถึง หลายคนในหมู่บ้านเล็กนี้กลับมองข้ามคนกลุ่มนี้ไปได้
อาหารสามมื้อบนโต๊ะของทุกบ้าน ผลสอบลูกของบ้านทุกหลัง แม้กระทั่งใครแอบไปร้านเน็ต หรือใครที่คิดจะแอบพ่อแม่มีแฟน...เหล่ามนุษย์ป้าสมาคมแม่บ้านทุกคนล้วนเป็นหน่วยข่าวกรองชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว
และอีกอย่างเสื้อตัวนี้เย่ซวงเพิ่งเคยใส่ออกมานอกบ้านไม่เกินสามครั้งด้วยซ้ำ ถึงแม้ร่างกายจะเปลี่ยนไปแต่ก็ถูกมนุษย์ป้าจับได้อยู่ดี
แล้วเรื่องในสมองที่มนุษย์ป้าคิดเองเออเองก็กำลังจะถูกเล่าต่อๆ กันไป หลังจากที่ลาจากแม่ “ลูก” ครอบครัวเย่ไปแล้ว มนุษย์ป้าก็กระจายข่าวออกไปทั่วหมู่บ้านด้วยความเร็วแสงเลยทีเดียว
“นี่ นี่ นี่รู้หรือยัง? ครอบครัวเย่มีหนุ่มหล่อ แถมใส่เสื้อของเย่ซวงอีกด้วย”
“นี่ นี่ นี่รู้หรือยัง? ครอบครัวเย่มีหนุ่มหล่อหน้าตาไม่ธรรมดามาจีบเย่ซวงด้วย”
“นี่ นี่ นี่รู้หรือยัง? ครอบครัวเย่มีลูกเขยแล้วนะ”
“นี่ นี่ นี่รู้หรือยัง? เย่ซวงลูกสาวบ้านเย่ท้องแล้วนะ”
แม้แต่เย่ซวงก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ช่วงเวลาที่คุณนายเย่พาเย่ซวงออกไปซื้อเสื้อผ้า ข่าวที่เธอกับหนุ่มแปลกหน้ารักกันและแต่งงานกันแล้ว ก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว