DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 17
ตอนที่ 17
ฟางม่อกำลังใจลอยกับภาพลวงตาที่อยู่ตรงหน้า
เขารู้สึกราวกับว่าภาพของเพื่อนใหม่ที่เขาได้รู้จัก กับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นกำลังทับซ้อนกันอยู่ แต่เมื่อลองมองดูดีๆ แล้ว กลับพบว่ารูปร่างหน้าตาของทั้งสองคนไม่ได้มีความคล้ายกันนัก
คงจะเป็นภาพลวงตา?!
ฟางม่อส่ายหัว ให้ความคิดไร้สาระนี้ออกไปจากหัว แล้วมองดูเย่ซวงที่ตัดสายโทรศัพท์อย่างลนลาน ขณะเดียวกันสายตาของเขาก็เหลือบไปมองในมือถือเห็น สายไม่ว่าง
“...” ฟางม่อขมวดคิ้วก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไป เขาเดินมาแล้วพูดเปิดประเด็น “เธอรู้จักกับเย่ซวงเหรอ?”
“ฮ่าๆ ...” เย่ซวงยิ้มออกมาอย่างเขินๆ
โอวเชี่ยนหรูมองไปทางฟางม่อทีเย่ซวงทีด้วยความสงสัย จากนั้นจึงถามออกไปว่า “ซวงซวง คนนี้...”
ท่าจะบ้า?
เธอยังคงนิ่งเงียบ ตอนนี้ดันมีเรื่อง ‘เย่ซวง’ อีกคนเพิ่มเข้ามาอีก
ทางด้านฟางม่อ หลังจากได้ยินโอวเชี่ยนหรูเรียกชื่อด้วยความสนิทสนม อยู่ๆ เขาก็จำเรื่องที่เพื่อนใหม่เคยขอลาแทนเพื่อนขึ้นมาได้ จากนั้นก็เข้าใจได้ทันที “เธอก็คือเย่ซวงคนนั้นนี่เอง”
ทุกคน “...”
สายตาสงสัยของโอวเชี่ยวหรูรวมทั้งคนอื่นๆ ที่ล้อมกันอยู่ในตอนแรก ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปมองฟางม่อว่าเป็นคนสติไม่ดีไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่เขารับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง ฟางม่อก็หน้าแดงขึ้นมา ยกมือขึ้นต่ำกว่าปากแล้วกระแอมออกมาอย่างเคอะเขิน “อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ที่ฉันถามออกไปเมื่อกี้คือเรื่อง...ของแฟนเธอ”
ความจริงที่ว่าทั้งสองคนใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวกัน ทำให้ฟางม่อตัดสินความสัมพันธ์ของ ‘เย่ซวง’ ทั้งสองคนไปเป็นที่เรียบร้อย
โอวเชี่ยนหรูก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา “คุณคนนี้พูดถึงคู่หมั้นของซวงซวง? พวกคุณรู้จักกันเหรอ?”
“คู่หมั้น?” ในเวลานั้นฟางม่อเองก็ตกใจ และจากนั้นรอยยิ้มที่หายไปก็กลับคืนมา “พอดีเคยได้รับความช่วยเหลือจากคุณเย่ซวงน่ะครับ...เมื่อกี้ผมคิดจะโทรหาเขาเพื่อจะปรึกษาอะไรบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะอยู่กับเย่...มิสเย่ที่นี่”
ด้วยประโยคสั้นๆ เพียงประโยคเดียว กลับทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังต่างสับสน
เรื่องชื่อซ้ำกันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่คนต่างเพศที่ชื่อซ้ำกันนั้นพบเจอได้ยาก และที่สำคัญกว่านั้นคือทั้งสองคนยังเป็นคู่รักกัน...ฟางม่อรู้สึกว่าถ้าหากตัวเองกับเพื่อนใหม่ยังคบกันไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องกลายเป็นบ้าเข้าสักวันแน่ๆ
“เพราะงานที่เขาทำ ทำให้เมื่อวานนี้เขาออกจากเมืองไปแล้ว” เย่ซวงเองก็สับสน และจากนั้นก็เปิดปากพูดเรื่องเหลวไหลออกมา “ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ อย่างช้าที่สุดก็ต้องรอสักสองถึงสามเดือน...” ความจริงคือเธอไม่อยากเจอคนอื่น...หากไม่มีความจำเป็น เธอก็ไม่อยากเอาร่างผู้ชายของตนเองไปพัวพันกับคนอื่นมากนัก เพราะยังไม่รู้ว่าร่างกายนั้นจะหายไปตอนไหน
แน่นอนว่า ก่อนที่ความจริงนี้จะถูกเปิดเผยควรรีบหาผู้ชายมา...ด้วยก่อน!!!
ฟางม่อขมวดคิ้ว “ทำไมถึงได้นานขนาดนี้ ขอถามหน่อยได้ไหม คุณเย่เขาเป็นทหารเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก” ไม่รอให้เย่ซวงตอบ โอวเชี่ยนหรูก็เบิกตากว้างแล้วพูดสวนขึ้นอย่างตกใจ “หน้าตาแบบนั้นไปเป็นทหารก็น่าเสียดายแย่!”
“...” ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เกี่ยวอะไรกัน แต่นึกไม่ถึงว่าฟางม่อจะพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้
จริงด้วย หน้าตาแบบนั้น...
“ที่จริงผมก็แค่คาดเดา” ฟางม่อยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ยังไงเสียถ้าพกมือถือไม่ได้ และทำงานครั้งหนึ่งต้องไปประมาณสองถึงสามเดือน เกรงว่าการเป็นทหารน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด”
โอวเชี่ยนหรูบ่นพึมพำออกมา “นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“...อย่าบอกนะว่าพวกเธอคิดว่าทรงผมแบบนั้นเป็นทหารได้?” เย่ซวงทำหน้าเอือมระอาหมดคำพูด สองคนนี้พูดเรื่อยเปื่อยยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก
ถ้าเป็นทหารแล้ว ‘เย่ซวง’ กล้าไว้ผมยาวแบบนั้นล่ะก็ คาดว่าคงโดนหักคะแนนไปหลายครั้งแล้ว
ฟางม่อได้ฟังอย่างนี้แล้วก็สับสน จากนั้นความสงสัยก็เข้ามาแทนที่ จึงโน้มตัวมาหาแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ถ้าพูดอย่างนี้แสดงว่า...เป็นทหารประจำกองกำลังพิเศษที่ต้องปิดบังตัวตนเหรอ?”
เย่ซวง “...”
“โธ่เอ๊ย!” เมื่อเห็นสายตาสบประมาทของเย่ซวง ฟางม่อจึงยืดตัวแล้วกระแอมออกมาเบาๆ “ผมแค่รู้สึกว่าฝีมือของคุณเย่ซวงไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป...”
“…” ความคิดของคนนี้ช่างแตกต่างจากคนทั่วไปเหลือเกิน...
พวกเขาคุยกันจนออกรส เมื่อมองดูเวลาแล้วผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบเดินเข้ามาเตือนฟางม่อ “คุณฟางม่อคะ เกี่ยวกับเรื่องคนที่จะมาเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา...” เรื่องไร้สาระไว้ค่อยคุยกันวันหลัง? ตอนนี้ที่สำคัญก็คืออีกเดี๋ยวจะต้องถ่ายโฆษณาแล้ว แต่ยังไม่ได้คนเลย
เมื่อถูกเตือนฟางม่อก็นึกขึ้นมาได้ หันไปถามเย่ซวงว่า “ใช่สิ ที่ผมต้องการจะติดต่อกับคุณเย่ก็เพื่อที่จะให้เขามาถ่ายโฆษณา ถ้าหากไม่กระทบกับงานของเขา รบกวนช่วยติดต่อให้พวกเราหน่อยได้ไหม?”
“โฆษณา?!”
ทั้งสองพูดเสียงดังขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย
เย่ซวงพูดด้วยความประหลาดใจ ส่วนโอวเชี่ยนหรูนั้นพูดด้วยความตกใจระคนดีใจ...คนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญาก็มีคนมาสนใจเสียแล้ว แน่นอนว่านี้เป็นสัญญาณของความดัง!
เย่ซวงขมวดคิ้วกำลังจะพูดปฏิเสธออกไป “ขอโทษด้วย แต่ว่าเขา...”
“ถึงแม้คุณเย่จะยังไม่ได้เป็นที่รู้จัก แต่ถ้าได้มองแค่ครั้งเดียวใครก็ลืมไม่ลงแน่นอน ดังนั้นถึงแม้จะเป็นการออกกล้องครั้งแรก แต่ผมก็สามารถให้ค่าตัวถึงหกหลักได้” ฟางม่อมองออกว่าเย่ซวงกำลังจะปฏิเสธออกมา จึงพูดตัดบทออกมาล่อเหยื่อ
ตามโครงสร้างของบริษัท ที่จริงแล้วตัวเลขหกหลักก็ยังถือว่าไม่สูงมากนัก แต่หากคนเล่นโฆษณาเป็นแค่มือสมัครเล่น หรือว่าเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกล่ะก็ หกหลักก็ถือว่าให้เยอะมากแล้ว
เห็นได้ชัดเลยว่า ฟางม่อกำลังเดิมพันกับใบหน้าที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็นของเย่ซวง
ในขณะนั้นเย่ซวงเองก็เอาตัวเลขหกหลักมาเปลี่ยนเป็นจำนวนเงิน แล้วจิตใจก็ว้าวุ่นขึ้นมาทันที
แม้แต่โอวเชี่ยนหรูก็กำลังตกตะลึง สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า?
ตัวเลขหกหลัก...ต่อให้ตำแหน่งหน้าสุดของจำนวนเงินเป็น ‘หนึ่ง’ เธอก็ถือว่าได้เงินเยอะเลยทีเดียวล่ะ!
โดยเฉพาะร่างกายของเย่ซวงในตอนนี้ยังไม่พร้อมจะกลับไปทำงาน ถ้ามีเงินปึกขนาดนั้นล่ะก็ คงเอามาแก้ไขเรื่องว่างงานของเธอได้อย่างง่ายดาย...เย่ซวงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “พวกคุณใช้เวลาถ่ายโฆษณา...กี่วัน?!”
สายตาของฟางม่อมองไปยังเย่ซวง “ฉันจำได้ว่าคุณเย่เคยพูดไว้ เธอก็เป็นคนในบริษัทฉันเหรอ? งั้นเธอคงรู้เรื่องโครงการของพวกเราในช่วงนี้คร่าวๆ แล้ว...เนื้อหาโฆษณาเกี่ยวกับชีวิตของตัวพระเอกในห้องใหม่ ถ้าทุกอย่างกระชับราบรื่นก็ประมาณหนึ่งวัน ถ้าหากแบ่งถ่ายก็คงประมาณ3-4 วัน”
“งั้นก็เอาที่ถ่ายแบบกระชับแล้วกัน!” เย่ซวงตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็ว “เขามีวันหยุดไม่เยอะ ถึงเวลานั้นคาดว่าน่าจะออกมาได้ 2 - 3 วัน ไม่แน่อาจจะเสาร์อาทิตย์นี้”
“…” เมื่อกี้เธอไม่ใช่หรือที่บอกว่าเขาออกไปทำงาน 2-3 เดือนน่ะ?!
โอวเชี่ยนหรูรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ฟางม่อดีใจ หลังจากนั้นก็ลังเลก่อนจะพูดว่า “ที่เธอพูดนี่เขาจะมาแน่ใช่ไหม?”
เย่ซวงตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ ฉันรับรองเมื่อถึงเวลานั้นเขาไปแน่!”