DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 16
ตอนที่ 16
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้โอวเชี่ยนหรูไม่เล่าอะไรให้บ้านของน้าหลัวฟัง
ยังไงเสียเย่ซวงก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมตัวเองถึงสวมเสื้อผ้าผู้ชายกลับมา ดูเหมือนว่าคงเหลืออยู่ทางเดียวคือยอมรับเรื่องคู่หมั้น
ในเมื่อยอมรับเรื่อง ‘คู่หมั้น’ คนนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปกปิดญาติคนสนิทคนนี้อีกแล้ว และยิ่งไม่ต้องพูดถึงมุมมองของโอวเชี่ยนหรูเลย ต่อให้คุณนายเย่ประกาศว่าคนนี้คือว่าที่ลูกเขย...แต่ก็ไม่มีแม่ที่ไหนพาว่าที่ลูกเขยไปซื้อเสื้อผ้าในห้างมากมายขนาดนั้นได้หรอก!
ดังนั้นตอนนี้การมีตัวตนอยู่ของ ‘เย่ซวง’ อีกร่างจึงปกปิดไว้ไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่างหลังจากที่โอวเชี่ยนหรูรู้เรื่องความสัมพันธ์ของหนุ่มหล่อกับครอบครัวเย่แล้ว ปัญหาเรื่องเซ็นสัญญาที่หยุดพูดไปก่อนหน้านี้ก็ถูกยกขึ้นมาพูดอีก...
“ซวงซวง เชื่อใจพี่เถอะ! เซ็นสัญญากับคนกันเอง อาเช่อเองก็คงไม่เอาเปรียบว่าที่น้องเขยหรอก” บนโต๊ะอาหารมื้อเที่ยง โอวเชี่ยนหรูคีบหมูผัดซอสอย่างสบายใจแล้วพูดโน้มน้าวว่า “เธอดูแฟนเธอสิ เสียงก็ใช้ได้ หน้าตาก็ไม่เลว จะไปร้องหรือแสดงอะไรก็ได้หมด ต่อให้ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย ถ้าได้เป็นนายแบบล่ะก็ จะต้องดังอย่างแน่นอน!”
ครอบครัวเย่พร้อมใจกันเงียบ สายตาก็หันไปทางเย่ซวงที่หน้าแทบจะปักลงไปในจานข้าวโดยไม่ได้นัดหมาย
“...”
หลังจากที่เย่ซวงเงียบอยู่หลายนาทีบนโต๊ะอาหาร สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จึงจำใจเงยหน้าขึ้นมา จับผมสีดำตรงยาวเหมือนแพรไหมแล้วพูดออกมาว่า “พี่เชี่ยนหรู คะ...คู่หมั้นของหนูเขามีงานประจำอยู่แล้วนะคะ”
“งานประจำเหรอ?!” โอวเชี่ยนหรูพยักหน้าเข้าใจ “อย่างนั้นก็ได้ ไหนเธอลองบอกมาสิว่าเขาทำงานอะไร เราลองมาเทียบกันดูว่า งานไหนน่าทำมากกว่ากัน คนเราน่ะ ถ้ามีชีวิตดีๆ รับรองไม่เป็นสองรองใครแน่นอน ถ้าคู่หมั้นของเธออยู่ในวงการบันเทิง จะประสบความสำเร็จยิ่งกว่าสิ่งที่คนทั่วไปคิดฝันเสียอีก”
แน่นอนว่าโอวเชี่ยนหรูไม่เชื่อคำพูดของเย่ซวง ที่สำคัญคือเธอไม่เชื่อว่าครอบครัวเย่จะหาลูกเขยที่ดีพร้อมแบบนี้ได้...ไม่ใช่ว่าจะดูแคลนครอบครัวเย่นะ แต่มันต้องมีขีดจำกัดกันบ้าง
คนกันเองไม่ควรพูดเรื่องน่ารังเกียจออกมา แต่เย่ซวงก็ไม่ได้มีพื้นเพดีอะไรมากมาย ทั้งประวัติการศึกษาและหน้าตา...
เอ๊ะ? ทำไมวันนี้ดูสวยขึ้น?!
ต่อให้สวยขึ้นแบบนี้ แต่การจะหาลูกเขยที่เพียบพร้อมขนาดนี้ได้คงเป็นไปไม่ได้
โอวเชี่ยนหรูเอาพื้นเพของครอบครัวเย่มาพิจารณาระดับลูกเขยในอนาคตของพวกเขา อย่างน้อยในหนึ่งปีหนุ่มหล่อคนนั้นก็ต้องหาเงินได้สักสองแสนหยวน ก็ถือว่าดีอยู่ไม่น้อย
แต่ถึงจะได้เงินค่อนข้างเยอะ ยังไงก็คงไม่มีงานไหนรายได้เทียบเท่าดาราได้หรอก!
โอวเชี่ยนหรูที่มั่นใจว่าชัยชนะนั้นได้ตกอยู่ในกำมือเธอ กำลังรอให้เย่ซวงเปิดเผยรายได้ของแฟนหนุ่มออกมา...ขอเพียงแค่หนุ่มหล่อคนนั้นอยากจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานกว่าที่เป็นอยู่ เธอก็มีโอกาสถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะพาเขาเข้ามาเซ็นสัญญาเข้าวงการได้
ในขณะที่ต้องช่วยเหลือว่าที่ลูกเขยในอนาคตของญาติแล้ว ก็ต้องคอยช่วยเหลือหน้าที่การงานของว่าที่สามีในอนาคตของตัวเองด้วยเหมือนกัน!
เย่ซวงเกาหัวด้วยสีหน้าลำบากใจ “อย่างแรกทางบ้านของเขาคงไม่เห็นด้วย...พี่เชี่ยนหรู พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยเรื่องที่จะไปเกลี้ยกล่อมคนที่บ้านเขา คงไม่ต้องพูดถึงความคิดของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ต่อให้เปลี่ยนได้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นการบังคับคู่หมั้นของหนูให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบอยู่ดี”
สายตาประหลาดใจของคุณนายเย่จ้องมองไปทางลูกสาวของตนเอง
ใช้ได้เลย ช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ก็ยังซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทักษะการพูดก็ดูจะเพิ่มขึ้นนะ...
เย่ซวงมองไปยังโอวเชี่ยนหรู “อีกอย่างที่พี่เชี่ยนหรูเห็นว่าเขาหล่อ แน่นอนว่าเขาก็เคยถูกพวกแมวมองชวนไปเซ็นสัญญา แต่ว่าเขาบอกปัดพวกนั้นไปว่าเขาป่วย...แน่นอนว่าพวกเราเป็นคนกันเอง ถ้าพี่ไปพูดแบบนั้น เขาก็คงไม่ทำให้พี่เสียหน้าเหมือนที่ทำกับคนอื่นหรอก พี่เชี่ยนหรูคงไม่บังคับคนกันเองหรอกใช่ไหมคะ”
ฉันหวังดีนะ!
โอวเชี่ยนหรูเกือบจะหลุดปากออกมา แต่ก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทันท่วงที
พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าโอวเชี่ยนหรูเองก็รู้ว่าไม่ควรจะพูดอะไรอีก ได้แต่คีบตะเกียบพร้อมกับมองเย่ซวงอย่างเอาเป็นเอาตายนานอยู่สามนาที หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโกรธๆ แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ “เดี๋ยวนี้โตแล้วสิ ทีเมื่อก่อนจะให้ฉันไปขอลายเซ็นดาราให้ก็ทำเป็นพูดดีด้วย ตอนนี้มีคนรักแล้วก็ถีบหัวส่งเลยนะ...”
เย่ซวง “...” เมื่อก่อนฉันเคยทำแบบนั้นที่ไหนกัน!!
เย่ซวงวางตัวนิ่งเฉย นั่งกินข้าวจนหมดด้วยความลำบากใจ
เมื่อรู้ว่าเย่ซวงจะไม่เดินทางสายงานนี้ โอวเชี่ยนหรูก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย ต่อไปคงจะไม่สร้างความลำบากใจให้กับเย่ซวงแล้ว...แต่ถ้าครั้งหน้าได้เจอกับเจ้าตัวล่ะก็ เธอจะเข้าไปคุยด้วยตัวเอง
หลังจากที่เก็บกวาดจานเสร็จแล้วก็เตรียมตัวออกไปทำงาน ก่อนที่จะออกจากบ้านไป โอวเชี่ยนหรูก็หันไปมองเย่ซวงที่ยังอยู่ในบ้าน “เธอไม่ไปทำงานเหรอ?!”
“...ตอนนี้อยู่ในช่วงลางาน” เย่ซวงแสดงสีหน้าลำบากใจ “เรื่องมันน่าเศร้า พี่เชี่ยนหรูอย่าถามเลย”
“...” โอวเชี่ยนหรูหยุดชะงักไปชั่วครู่ จับประตูพลางใช้ความคิด “วันนี้พี่จะต้องไปสตูดิโอเพื่อถ่ายเอ็มวี ยังไงเสียตอนนี้เธอก็ว่างอยู่ ไปดูด้วยกันไหม?!”
เย่ซวงที่อยากจะหลับสักตื่นก็แสดงท่าทางเหนื่อยหน่าย เตรียมจะพูดปฏิเสธ “ไม่เอาล่ะฉัน...”
“มีดาราดังมาเป็นแขกรับเชิญด้วยนะ” โอวเชี่ยนหรูพูดเสริมไปประโยคหนึ่ง
“ฉันหายง่วงพอดี ตอนนี้อยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกเหลือเกิน!” เย่ซวงตื่นเต็มตาพร้อมออกไปข้างนอก “งั้นพวกเราไปกันเลยไหม?”
“...”
คุณเย่หยุดคุณนายเย่ที่กำลังโกรธจัด อยากจะกระโดดออกไปคว้าลูกสาวไม่ได้เรื่องเอาไว้ แล้วโอวเชี่ยนหรูที่เอาเย่ซวงติดไปด้วย ก็โบกมือลาทั้งสองแล้วรีบออกไป
ดูเหมือนว่าวันนี้เย่ซวงจะโชคไม่ดี เมื่อเธอมาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอดันเดินตามโอวเชี่ยนหรูเข้าไปในสตูดิโอถ่ายทำของดาราดังไม่ทัน และที่กำแพงของสตูดิโอข้างๆ ก็ได้เห็นคนหน้าตาคุ้นๆ หมุนตัวกลับมาพร้อมกับผู้ช่วยอีกสองคน
ฟางม่อ!
เย่ซวงรีบก้มหน้าหลบ แต่ด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ...จากคนที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นเธอก็ต้องหันมามอง
ฟางม่อที่เพิ่งจะปิดรายชื่อคัดเลือกพรีเซนเตอร์โฆษณาที่ผู้ช่วยยื่นมาให้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบเข้ากับใบหน้างดงามของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล แต่เมื่อเธอเห็นเขากลับมีท่าทางตกใจราวกับเจอยักษ์เจอมาร เดิมทีฟางม่อที่ควรจะเดินผ่านไป กลับหยุดเดินพร้อมกับมองมาทางนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยแทน
“...” เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนหรือเปล่านะ?!
เมื่อจ้องมองอีกฝ่ายอย่างละเอียดก็พบว่า ด้านข้างของเธอมีผู้หญิงที่ดูโตกว่ายืนอยู่ คนที่ดูโตกว่าคนนั้นดูสงสัยอยากจะถามผู้หญิงคนนั้นว่า มันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็ใช้สายตามองมาที่ตัวเขาอย่างพิจารณา
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวแล้วกระซิบอธิบาย จากนั้นคนที่โตกว่าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่ก้มหัวให้เขา เพื่อแสดงความขอโทษที่จ้องเขาไปเมื่อครู่
ฟางม่อยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากที่แน่ใจแล้วว่า ไม่เคยรู้จักหญิงสาวคนนี้ ก็ยกมือขึ้นปัดป่ายเล็กน้อย
“คุณฟางคะ ในเอกสารรายชื่อชุดนี้ เป็นดาราที่มีภาพลักษณ์ตรงกับความต้องการของบริษัทเราค่ะ” ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้น “ถ้าหากอยากได้คนที่ดีกว่านี้ คงต้องขอจากตัวแทนบริษัทใหญ่แล้ว...แต่พวกเราไม่ได้ทำแบรนด์ต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนให้สิ้นเปลืองค่ะ”
ฟางม่อหันกลับมาสนใจทางผู้ช่วย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างจำใจ “เอาเป็นว่า เมื่อสามวันก่อนที่คุณนำเอกสารชุดนี้มาให้ผมดู ผมคิดว่ามีดาราคนหนึ่งที่เหมาะ แต่ตอนนี้...”
หลังจากได้พบหนุ่มหล่อที่ไม่มีใครเทียบได้คนนั้น ฟางม่อก็ไม่สนใจดาราพวกนั้นอีกเลย
ผู้ช่วยสาวดูเหมือนจะสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เจ้านายถึงได้คิดแบบนั้น
ในขณะที่ผู้ช่วยกำลังสับสนอยู่นั้น ดูเหมือนว่าฟางม่อจะคิดอะไรออก จากนั้นจึงล้วงมือถือออกมาพร้อมกับเดินไปค้นหาเบอร์โทรไป
เมื่อค้นหาเบอร์โทรนั้นเจอ เสียงริงโทนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านข้างของฟางม่อ
ฟางม่อหันไปมองอย่างตกใจ แล้วหญิงสาวคนเมื่อครู่ก็เงยหน้ามองมาอย่างสับสนปนตกใจเช่นเดียวกัน...