DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 15
ตอนที่ 15
เย่ซวงไม่สามารถเข้าใจความคิดของสองพี่น้องตระกูลฟางได้
หลังจากที่เธอพาฟางเฟยมาส่งที่ห้องอาหารก็ขอตัวกลับไปเลย หลังจากนั้นทั้งสองคนจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว
คงต้องหาโรงแรมใหม่นอน แน่นอนว่าตลอดทั้งคืนความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองไม่ขาดสาย จนถึงรุ่งสางเย่ซวงถึงจะได้หลับ เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เย่ซวงก็ได้พบกับเรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดนั่นก็คือ เธอได้กลับมาเป็นผู้หญิงแล้ว!
น่าตื้นตันใจใช่ไหมล่ะ!
ตอนที่ไปล้างหน้าแปรงฟัน เย่ซวงใช้กระจกในห้องน้ำส่องดูรูปร่างของตัวเองอย่างละเอียด
แน่นอนว่าเหมือนกับที่คิดเอาไว้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เธอดูดีขึ้นเยอะเลย แต่ไม่เหมือนตอนเป็นผู้ชายที่เปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคน เพียงแต่หน้าเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ
อย่างเช่น ขนตาก็ยาวกว่าเมื่อก่อน แล้วยังเป็นแพรสวยงาม นัยน์ตาสีดำใสจนมองเห็นเงาสะท้อนของใบหน้า รวมทั้งผิวพรรณก็ละเอียดเนียนผ่อง...อย่างกับหลุดออกมาจากในรูปภาพอย่างนั้นแหละ นี่คือใบหน้าเดิมของเธอเอง แต่ชั่วพริบตาเดียวเธอกลับรู้สึกว่า
ดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
“นี่คือความแตกต่างระหว่างยีนเติมเต็มกับยีนปรับเปลี่ยนสินะ!” เย่ซวงยื่นมือขึ้นไปเช็ดไอน้ำบนกระจกแล้วพูดกับตัวเอง
หลังจากได้รับความทรงจำของมนุษย์ต่างดาวมาเป็นของตัวเองแล้ว เธอก็คิดถึงความแตกต่างของหน้าตาตัวเองระหว่างร่างผู้ชายและผู้หญิง
ยีนของผู้หญิงเป็นยีนบนโลกของตัวเอง แม้ว่าจะได้รับยีนของมนุษย์ต่างดาวมาปรับแต่งให้ดีขึ้น แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็วิวัฒนาการมาจากยีนเดิมของตัวเอง
แต่ยีนของผู้ชายนั้น รับมาเพื่อทำให้ยีนแข็งแรงขึ้น ถึงแม้ว่าจะเอายีนเดิมของเธอมาเป็นพื้นฐาน แล้วปรับแต่งตำแหน่งโครโมโซมใหม่ แต่ในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี กลับต้องเริ่มสร้างใหม่ตั้งแต่ศูนย์
ถ้าหากมองเลือดเนื้อที่มีอยู่แต่เดิมของเธอเป็นวัตถุดิบดั้งเดิม แต่มองยีนของมนุษย์ต่างดาวเป็นงานฝีมือระดับสุดยอด ถ้าอย่างนั้น ร่างกายผู้หญิงก็คือ ผลงานของการเอาของเดิมมาปั้นให้ดีขึ้น ช่างปั้นยึดตามพื้นฐานเดิมในการปรับเปลี่ยนรูปร่าง ขั้นตอนการเปลี่ยนก็จะใช้เวลานาน แต่ถึงยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้
ส่วนทางด้านร่างกายของผู้ชายกลับเหมือนถูกปั้นใหม่มาตั้งแต่แรก รูปร่างหน้าตาจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของคนปั้น...นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่เย่ซวงเป็นผู้ชายถึงได้โดดเด่นกว่าตอนที่เป็นผู้หญิง
...อาจจะต้องใช้เวลา ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงอยู่ มันคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดได้ในทันที
เย่ซวงพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะล้างมือเช็ดมือให้สะอาด แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป เพื่อมาเก็บของเตรียมกลับบ้าน...
ไม่มีบ้านที่จะกลับ มันน่าเศร้าใช่ไหมล่ะ!
เดินออกมาแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว แต่เย่ซวงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแต่เรื่องเมื่อเช้าที่เห็นใบหน้าตลอดยี่สิบกว่าปีของตัวเองดูดีขึ้น ในใจก็แค่รู้สึกว่า มันดูไม่เป็นธรรมชาตินิดหน่อยเท่านั้นเอง
หลังจากที่ลงมาจากรถโดยสาร เพื่อนบ้านต่างตกใจพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเธอ เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็หยิบกุญแจออกมาไขประตูก่อนจะเดินเข้าไป เมื่อโอวเชี่ยนหรูหันมาเห็นเธอ อยู่ๆ แก้วในมือก็ลื่นหลุดมือไปดื้อๆ ในที่สุดเย่ซวงก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป
ตรงไหนแปลกไป?!
แม้ว่าจะดูสวยขึ้นมานิดเดียว แต่ถ้าจะให้พูดว่าไปรักษาหน้ามาหรือแต่งหน้ามาก็ดูจะเกินไป หน้าเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายขนาดนั้นสักหน่อย...
เย่ซวงกลืนคำพูดที่จะพูดลงคอ แล้วเปลี่ยนเป็นคำพูดทักทายแทน ก่อนจะขมวดคิ้วคิดไปคิดมา จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยความระมัดระวังว่า “พี่เชี่ยนหรู พี่เป็นอะไรไปคะ?!”
“เธอ...”
โอวเชี่ยนหรูชี้นิ้วไปที่ถุงในมือเย่ซวงด้วยมือที่สั่นเทา
พูด ‘เธอ’ ออกมานานแล้ว แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อสักที
เย่ซวงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กำลังจะวางของแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อก้มลงวางถุงเสื้อผ้าในมือ ก็พบว่ามีเสื้อผ้าของผู้ชายอยู่ในนั้น ทันใดเองนั้นหัวใจก็เต้น ‘ตึกตักๆ’ ขึ้นมา
ในที่สุดเธอก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นตัวก็แข็งทื่อไม่อยากยอมรับความเป็นจริง ก่อนจะเหลือบไปมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่...
คุณพระช่วย!!!
แน่นอนว่าเธอลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ชายที่ใส่อยู่!
อยู่ๆ เย่ซวงก็อยากจะร้องไห้ออกมา
ความเคยชินเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรอย่างนี้ ตลอดสองวันที่ผ่านมา ใส่แต่ชุดของผู้ชาย ตื่นเช้ามาก็อยู่ที่โรงแรม ไม่ทันคิดให้ดีๆ ก่อน ก็หยิบชุดผู้ชายบนหัวเตียงมาใส่...มิน่าล่ะ เพื่อนบ้านถึงได้ซุบซิบนินทาเธอ ไม่แปลกใจเลยที่โอวเชี่ยนหรูเห็นตัวเองก็ตกใจราวกับเห็นผี!
ขณะนั้นสมองของเธอโล่งขึ้นมาทันที เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดตรงหน้า ไม่ว่าจะพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ผลแล้ว...อย่าว่าแต่คนอื่นจะไม่เชื่อเลย แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ตอนนี้คนในครอบครัวเย่ก็ไม่มีใครอยู่ คาดว่าช่วงเช้าพ่อกับแม่ก็น่าจะออกไปซื้อของ ส่วนเย่เฟิงไม่ต้องพูดถึง ไอ้เด็กน้อยนี่ ตั้งแต่ปิดเทอมก็เอาแต่ออกไปเที่ยวเล่นตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเกิดการเปลี่ยนแปลงกับเย่ซวงแล้วล่ะก็ เขาคงไม่ยอมอยู่บ้านเป็นเด็กดีจนถึงบ่ายขนาดนั้นหรอก
โอวเชี่ยนหรูก็ถือว่าเป็นคนของเรา เธออยู่ในบ้านเย่ก็เหมือนอยู่บ้านของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทักทายกันเป็นพิธีมากมาย แต่ก็เพราะว่าสนิทกับเธอมาก จึงทำให้จัดการยาก
ยกตัวอย่างเช่น...หากโอวเชี่ยนหรูกลับไปที่บ้านญาติ แล้วเอาเรื่องของทางนี้ไปเล่าให้ฟัง ถึงตอนนั้นทุกคนเกิดอยากจะมาดูตัวหนุ่มหล่อขึ้นมาจะทำยังไง?!
ขณะที่เย่ซวงกำลังรวบรวมความคิด ยังไม่ทันจะหาวิธีรับมือกับเรื่องวุ่นวายได้ โอวเชียนหรูก็ดึงสติกลับมาได้เสียก่อน เธอทำหน้าเครียดก่อนจะเดินเข้ามาลากเย่ซวงเข้าไปยังห้องรับแขก แล้วถามออกมาตรงๆ ว่า “ระ...เรื่องนี้คุณป้ารู้หรือเปล่า?!”
“เรื่องอะไร?” เย่ซวงยังคงไม่เข้าใจ
โอวเชี่ยนหรูรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ จึงใช้นิ้วดันหน้าผากเย่ซวงไปหนึ่งที “ก็เรื่องที่เธอไปนอนค้างกับผู้ชายคนนั้นยังไงล่ะ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ตอนที่เขาไปซื้อเสื้อผ้ากับแม่เธอ ฉันก็อยู่ตรงนั้น!”
ช่วยปล่อยผ่านไปทีเถอะ!! ตอนนี้ตัวเธอไร้เรี่ยวแรงไปหมด...เย่ซวงอยากจะร้องไห้ “หนูไม่ได้ไปนอนค้างกับใครมานะ แค่ใส่ชุดผิดแค่นั้น...” พอพูดออกไป เย่ซวงก็รู้สึกได้ว่า การอธิบายแบบนี้มันช่างโง่เขลาเสียจริง
แน่นอนว่า โอวเชี่ยวหรูไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่คำเดียว “ถ้าอย่างนั้น ไหนลองอธิบายมาสิ ทำไมเสื้อของเขาถึงอยู่กับเธอ?”
“…” ตอนนี้พูดแก้อะไรไม่ได้แล้ว
เมื่อเห็นเย่ซวงนิ่งไป โอวเชี่ยนหรูก็ถอนหายใจหนึ่งที ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้เสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ช่างมันเถอะ เห็นพ่อหนุ่มนั่นไปซื้อเสื้อผ้ากับแม่เธอได้อย่างนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเธอคงอยู่ตัวแล้ว แต่ผู้หญิงกับผู้ชายมันไม่เหมือนกันนะ มีบางเรื่องที่เธอต้อง...จริงสิ วางแผนไว้ว่าจะพาพ่อหนุ่มนั่นไปเปิดตัวที่บ้านหลัวให้คุณน้าดูเมื่อไหร่ล่ะ?!”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น เย่ซวงก็ไม่เหลือทางให้หนี ได้แต่พยักหน้ารับไป และแล้วหลังจากนั้นไม่นาน สถานการณ์ทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนไป...
ซวยอะไรอย่างนี้เนี่ย!!
ตัวเองกลายเป็นคู่หมั้นของตัวเองเนี่ยนะ?!