DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 11
ตอนที่ 11
ทั้งคืนผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาใช้เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงพักผ่อนเล็กน้อย พรุ่งนี้วันจันทร์จะต้องไปทำงาน
โดยรวมแล้ว ความรู้สึกของฟางม่อที่มีต่อเย่ซวงนั้นถือว่าดี อย่างแรกคือรูปร่างหน้าตาที่สูสีกัน อย่างที่สองคือฝีมือดี และอย่างสุดท้ายคือเป็นคนดี คนแบบนี้หาได้ยาก...การได้เจอเพื่อนดีๆ ที่ไม่พาไปทำอะไรเสียหายแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ฟางม่อรู้สึกเกินคาดคือ เพื่อนใหม่ที่ได้รู้จักคนนี้ค่อนข้างหัวโบราณพอตัว
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ที่เขากำลังเปลี่ยนเสื้อแล้วโดนปาหมอนใส่ แม้แต่ตัวหนุ่มหล่อคนนี้เองยังสวมชุดนอนที่ดูเรียบร้อยมิดชิด...นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางม่อเห็นคนสวมชุดนอนในฤดูร้อนแล้วติดกระดุมเสื้อขึ้นมาถึงคอแบบเย่ซวง
เมื่อถึงเวลาเจ็ดโมงเช้า ฟางม่อก็ตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติ เปลี่ยนชุดที่เมื่อวานให้โรงแรมนำไปซักรีดให้อย่างใจเย็น ก่อนจะเรียกบริการอาหารเช้าขึ้นมาเสิร์ฟ ฟางม่อกวาดสายตามองไปบนเตียงก็เห็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนเพิ่งจะได้นอนไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องไปทำงานหรือเปล่า ขณะที่คิดอยู่อีกฝ่ายก็ตื่นขึ้นมาพอดี
“ตอนนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว คุณต้องไปทำงานไหม?” ฟางม่อถามอย่างเกรงใจ “พอดีว่าตอนนี้ผมกำลังจะไปบริษัท ถ้าคุณจะนั่งรถโดยสาร ให้ผมขับรถไปส่งคุณก่อนก็ได้”
“ทำงาน?!” เย่ซวงตอบกลับพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง กำลังจะพยักหน้าตอบรับตามสัญชาตญาณแต่ก็นึกขึ้นได้ถึงสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้จึงตอบไปว่า “...ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ”
ด้วยร่างกายของเธอตอนนี้ต่อให้ไปบริษัทก็คงจะไม่มีใครจำได้แน่ๆ
ประจวบเหมาะกับบอสยืนอยู่ตรงหน้าพอดี เย่ซวงจึงแสดงท่าทางลังเลออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขอลางานแทนตัวเองอย่างระมัดระวัง “ใช่สิ ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง...อืม เธอมีปัญหานิดหน่อยก็เลยไปทำงานไม่ได้ อยากรู้ว่าจะขอลางานกับคุณได้ไหม?”
“ครับ?”
เย่ซวงเห็นใบหน้างงงวยของฟางม่อ ก็คิดกับตัวเองว่าควรที่จะอธิบายอะไรเพิ่มเติม “พอดีว่าเพื่อนคนนั้นเขาทำงานอยู่บริษัทของคุณน่ะ เมื่อวานผมเห็นจากนามบัตรคุณ...”
ในที่สุดฟางม่อก็เข้าใจ สำหรับเขาเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก จึงพยักหน้าตอบอย่างไม่คิดมาก “แน่นอน ได้สิครับ แล้วเพื่อนของคุณอยู่แผนกไหนล่ะ”
“แผนกการจัดการ ชื่อเย่ซวงครับ”
ฟางม่อมองมาที่เธออย่างแปลกใจก่อนจะพูดว่า “ชื่อเดียวกับคุณ?”
“...”
“ฮ่าๆ บังเอิญจริงๆ”
ไม่นานอาหารเช้าก็ถูกนำมาเสิร์ฟ หลังจากที่ทั้งคู่ทานอาหารเสร็จก็วางแผนจะออกจากโรงแรมพร้อมกัน เย่ซวงที่เมื่อคืนทั้งคืนมีความทรงจำไหลเข้ามาในหัวอย่างไม่ขาดสาย ยืนอยู่ด้วยสภาพงัวเงีย เธอกลัวว่าถ้าเผลอหลับไปอีก อาจจะตื่นอีกทีบ่ายๆ ถ้าถึงตอนนั้นคงต้องเสียเงินเพิ่มแน่ๆ ...อีกอย่างอยู่ข้างนอกมันจะไปดีเท่าที่บ้านได้ยังไง ถ้ากลับไปที่บ้านดู ไม่แน่โอวเชี่ยนหรูอาจจะออกไปทำงานแล้วก็ได้...
แน่นอนว่าฟางม่อเป็นคนที่เก็บความรู้สึกได้ดี ตอนไปเอารถในลานจอดรถของโรงแรม เขาก็เห็นรอยครูดเป็นทางที่ท้ายรถอย่างชัดเจน แต่เขากลับไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ชะงักอยู่ตรงรอยครูดครู่หนึ่ง แล้วก็เดินตรงไปขึ้นรถ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับถามเย่ซวงว่าจะไปที่ไหน
เย่ซวงพยายามที่จะแสดงความเกรงใจออกมา โดยให้อีกฝ่ายไปส่งที่ป้ายรถเมล์กลางเมืองก็พอ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะตรงกลับบ้านเลย แต่เธอไม่อยากเปิดเผยที่อยู่จริงให้เขารู้และไม่อยากติดต่อกับเขาโดยไม่จำเป็นจนเกิดปัญหาตามมาทีหลัง...แล้วอีกอย่างไอ้เด็กบ้าเย่เฟิงที่ทำรถเขาเป็นรอยก็อยู่ที่นั่นอีก เขาไม่พูดอะไรออกมาก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้หน้าด้านพอที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วขอความช่วยเหลือจากเขาอีก...
ในที่สุดเย่ซวงก็พาร่างกายอันเหน็ดเหนื่อยกลับมาถึงบ้าน แน่นอนว่าโอวเชี่ยนหรูออกไปทำงานแล้ว ตอนนี้เย่เฟิงก็กำลังปิดเทอมอยู่และดูเหมือนว่าจะนัดเพื่อนออกไปเที่ยวเล่นกันข้างนอก ก็คงเหลือแค่พ่อแม่ที่รอเธอกลับมาตั้งแต่เช้า อยากจะถามไถ่เรื่องที่เย่ซวงออกไปอยู่ข้างนอก
“กลับมาแล้วเหรอ?!” คุณนายเย่เปิดประตูมาเห็นเย่ซวงก็รีบลากเธอเข้าไปในบ้านทันที “เป็นยังไงบ้าง เสี่ยวเฟิงเล่าว่าไปเจอพวกอันธพาลปล้นคนมาเหรอ? เป็นเรื่องจริงใช่ไหม ช่วงนี้เวลากลางค่ำกลางคืนเริ่มจะไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว...ใช่สิ เชี่ยนหรูบอกว่าจะอยู่บ้านเราอีกหนึ่งอาทิตย์ วันนี้งานเธอไม่ค่อยเยอะ อีกเดี๋ยวเที่ยงๆ ก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ ลูกถือโอกาสนี้ไปกินข้าวกินปลาให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับออกไปแล้วกัน”
“...” เย่ซวงพูดอะไรไม่ออก
นี่มันเป็นบ้านของเธอ แต่กลับบ้านมาครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอกลายเป็นหัวขโมยไปเสียอย่างนั้น แถมยังต้องใช้โอกาสตอนที่คนไม่อยู่บ้านรีบกินรีบออกไปอีก
“หนูยังอยากนอนอีกสักสองสามชั่วโมง” เย่ซวงถอนหายใจพร้อมกับกุมขมับ ก่อนจะพูดว่า “ไม่กินแล้ว กินข้าวมาจากโรงแรมแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงยังจะต้องออกไปจัดการกับ...”
“ไม่กินข้าวก็ไม่เป็นไร แต่ว่าอย่าเพิ่งรีบไปนอน” คุณเย่เดินเข้ามาขวางไว้ก่อน “เสี่ยวซวงตามพ่อมาที่ห้องหนังสือก่อน บอกพ่อมาว่าร่างกายลูกมีอะไรเปลี่ยนไปอีกไหม”
หลังจากที่เย่ซวงได้รับยีนนี้มาอย่างไม่ตั้งใจ คนในบ้านที่กระตือรือร้นค้นคว้าหาทางช่วยมากที่สุดก็คือคุณเย่ บางทีอาจเป็นเพราะคุณเย่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เรื่องนี้จึงเป็นความเคยชินไปแล้ว บวกกับความเป็นห่วงที่มีต่อลูกสาว ในบรรดาเรื่องที่คุณเย่เคยวิจัยมาทั้งหมดเรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่ยากที่สุด
เรื่องที่เคยทำการทดสอบในบ้านก่อนหน้านี้ช่างมันไปก่อน เขายังอยากจะติดตามผลร่ากายของเย่ซวงต่อ...เย่ซวงอยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อคืนทั้งคืนข้อมูลต่างๆ มากมายไหลเข้ามาในสมองของเธอไม่ขาดสาย ตอนนี้เย่ซวงรู้สึกเวียนหัว อยากจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเพียงอย่างเดียว
แต่ดูเหมือนว่าความหวังเล็กๆ แบบนี้คงจะไม่มีทางเป็นจริงได้ใช่ไหม?!
เย่ซวงพยายามจะหาทางหนีออกมาจากคุณเย่ “พ่อ พ่อให้หนูไปนอนก่อนไม่ได้เหรอ...”
“รอลูกตื่นขึ้นมา ถึงตอนนั้นเชี่ยนหรูก็คงถึงบ้านพอดี” คุณเย่แสดงความเด็ดเดี่ยวออกมา “หรือว่าลูกไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้เลยเหรอ?! เจ้าลูกคนนี้ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็ก ทำตัวเรื่อยเปื่อยอยู่ได้ เรื่องใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวแล้วยังจะผัดวันประกันพรุ่งอีก...”
สุดท้ายแล้วเย่ซวงก็ถูกคุณเย่ลากเข้ามาในห้องหนังสืออย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าให้พูดในด้านกายภาพยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากเที่ยงคืนเป็นต้นไป ข้อมูลต่างๆ กลับหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ ทันทีที่พูดจบก็ไปสะกิดต่อมอยากรู้ของพ่อ ทำให้พ่อใช้เวลาในช่วงเช้าขอให้เย่ซวงเล่าเกี่ยวกับพวกมนุษย์ต่างดาวให้เขาฟัง
ไม่นานนักก็ถึงตอนเที่ยง โอวเชี่ยนหรูโทรกลับมาบอกว่าเธอกลับมาทานข้าวที่บ้านไม่ได้ ทำให้เย่ซวงรู้สึกตื้นตันใจจนอยากจะร้องไห้ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะได้ล้มตัวนอนบนเตียง อยู่ๆ ฟางม่อก็โทรเข้ามา
“ทำไมคุณถึงรู้เบอร์โทรผม?!” ปฏิกิริยาแรกที่เย่ซวงรับสายคือความไม่เข้าใจ
“...เอ่อ ใบเสร็จมันมีเบอร์ของลูกค้าอยู่” ฟางม่อเงียบไปสักพักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “คือว่า เมื่อวานคุณซื้อเสื้อแล้วลืมไว้บนรถของผม ไม่มาเอาไปเหรอ?!”
“...” โถ่เอ๊ย! มิน่าล่ะตอนที่กลับบ้านมาถึงได้รู้สึกว่ามือมันโล่งๆ เหมือนมีอะไรหายไป...
เย่ซวงกลุ้มใจอยู่นานก่อนจะพูดออกมาว่า “งั้นผมไปหาคุณที่บริษัทดีไหม?!”
“ได้!” ฟางม่อตอบรับทันที “ตอนบ่ายผมมีนัดกับลูกค้า รอผมเลิกงานก่อนค่อยมาก็ได้”