ตอนที่ 2 เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง
ฉู่ชิงหยุนไม่สนใจสุ่ยเชียนเย่ว เขาหันหน้าไปมองที่สุ่ยฉงเสียนและพูดด้วยความสุขุมว่า "ท่านลุงสุ่ย หญิงสาวที่ข้ามาเพื่อแต่งงานด้วยไม่ใช่สุ่ยเชียนเย่ว แต่เป็นบุตรสาวคนที่สองของตระกูลสุ่ย สุ่ยหลิวเซียง"
"ว่าไงนะ!" ดวงตาของสุ่ยเชียวเย่วเบิกกว้าง "เจ้าต้องการแต่งงานกับสุ่ยหลิวเซียง?"
เสียงดังก้องไปทั่วห้องโถงหลัก ทำให้สีหน้าของผู้คนกลายเป็นน่าเกลียด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุ่ยฉงเสียน สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จากซีดขาวกลายเป็นมึนงง จนกระทั่งแดงเถือกด้วยความโกรธ
ตระกูลสุ่ยมีบุตรสาวเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นคือสุ่ยเชียนเย่ว ส่วนสุ่ยหลิวเชียงที่ฉู่ชิงหยุนพูดถึงนางเป็นบุตรที่เกิดจากสุ่ยฉงเชียงกับหญิงสาวในซ่อง ในบ้านตระกูลสุ่ยสถานะของนางไม่ได้แย่ไปกว่าคนใช้เลย
ครั้งนี้ฉู่ชิงหยุนมาที่ตระกูลสุ่ยเพื่อแต่งงาน ทุกคนต่างคิดว่าเขามาเพื่อขอสุ่ยเชียนเย่วแต่งงาน
แต่ในท้ายที่สุด เขาไม่ได้เลือกสุ่ยเชียนเย่ว แต่เลือกสุ่ยหลิวเชียง เขาบ้าไปแล้วหรือ?
เมื่อได้ยินคำพูดของสุ่ยเชียนเย่ว ใบหน้าของฉู่ชิงหยุนเริ่มมืดมนและน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป "คนที่ต้องการทำลายสัญญาและทำตัวน่าขันไม่มีคุณสมบัติที่จะเทียบกับหลิวเชียง ในสายตาของข้า เจ้าไม่มีอะไรที่เทียบกับนางได้เลย!"
แค่ก!
เสียงที่ดังฟังชัดของเขาทำให้ทุกคนสั่นสะเทือน
ด้านนอกห้องโถงหลัก มีหญิงสาวรูปร่างผอมบางสวมกระโปรงยืนเกาะประตูอยู่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
"หลิวเชียง" ฉู่ชิงหยุนจ้องมองไปที่นางอยู่ชั่วครู่ สีหน้าที่เยือกเย็นได้เลือนหายไปบนใบหน้าและถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นภายในดวงตาของเขา ราวกับว่าเขาได้พบกับคนรักของเขาที่ห่างหายกันไปนาน
ฉู่ชิงหยุนก้าวเท้าเดินไปอยู่ด้านหน้าสุ่ยหลิวเชียงและจับมือนางไว้แน่น และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาที่มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่ได้ยินว่า "หลิวเชียง ในชีวิตนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าพลัดพรากไปจากข้าอีกแล้ว!"
เมื่อเห็นการกระทำของสุ่ยชิงหยุน สุ่นเชียงเย่วกำหมัดแน่นและกัดฟัน!
ในห้าหรือห้าปีที่ผ่านมา ฉู่ชิงหยุนไล่ตามนางอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้สุ่ยเชียนเย่วจึงคิดว่าฉู่ชิงหยุนจะต้องมาหานางอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ฉู่ชิงหยุนไม่ได้มาหาสุ่ยหลิวเชียงเท่านั้น แต่ยังแสดงความรักดังกล่าวต่อหน้าทุกคน
ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนนอกจะไม่สบประมาทสุ่ยเชียนเย่วและบอกว่านางเป็นรองผู้หญิงในซ่องหรอกหรือ?
สุ่ยเชียนเย่วจ้องมองไปที่ฉู่ชิงหยุนอยู่ครู่หนึ่งและหัวเราะกลับอย่างโกรธแค้น "คนหนึ่งเป็นขยะของตระกูลฉู่ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนที่ต่ำต้อยของตระกูลสุ่ย ช่างเป็นการจับคู่ที่เหมาะสมอะไรขนาดนี้"
สุ่ยเชียนเย่วหันไปพูดกับสุ่ยฉงเสียน "ท่านพ่อ หากมีคนปล่อยมือเพื่อทำให้หม้อแตก พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้ ดังนั้นพวกเราควรให้พวกเขาทั้งสองคนแต่งงานกันและเขาจะไม่คุกคามตระกูลสุ่ยของเราอีก"
"ฉู่ชิงหยุน เจ้าต้องการแต่งงานกับสุ่ยหลิวเชียงจริงๆหรือไม่?" สุ่ยฉงเสียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อเขาพูด เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าสุ่ยหลิวเชียง เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ราวกับไม่เห็นนางเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสุ่ย
"แน่นอนอยู่แล้ว!" ฉู่ชิงหยุนตอบออกมาด้วยความจริงใจ "ตราบใดที่ตระกูลสุ่ยยินดีที่จะยกสุ่ยหลิวเชียงให้กับข้า หนี้ที่ตระกูลสุ่ยติดข้าถือว่าจบกัน"
"เงื่อนไขของข้าคือถ้าเจ้าแต่งงานกับสุ่ยหลิวเชียง นางจะไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสุ่ยอีกต่อไป ในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตระกูลสุ่ยของข้าถือว่าไม่เกี่ยวข้องและเจ้าจะไม่ได้รับผลประโยชน์อันใดของตระกูลสุ่ย" สุ่ยฉงเสียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และสีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมอีกครั้ง
ตระกูลสุ่ยเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ยังพูดแบบนั้น ฉู่ชิงหยุนโต้กลับและหัวเราะออกมาด้วยความรังเกียจ "ถ้าวันนี้ข้าแต่งงานกับสุ่ยเชียนเย่ว นอกเหนือจากเงินแล้ว ข้าจะได้รับอะไรอีก?"
"จ...เจ้า!" เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าของสุ่ยเชียนเย่วกลายเป็นบิดเบี้ยว ฉู่ชิงหยุนไม่เพียงแค่ดูถูกตระกูลสุ่ย แต่ยังทำให้นางได้รับความอับอายด้วย
การดูถูกเหยียดยามของฉู่ชิงหยุนเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นสุ่ยเชียนเย่วกัดฟัน เขาพูดต่อว่า "เมื่อข้าแต่งงานกับสุ่ยหลิวเชียง แม้ข้าจะมีเจ้า แต่สำหรับข้านางดีกว่าเจ้าทุกอย่าง!"
ฉู่ชิงหยุนยืนยืดอกอย่างภาคภูมิใจ คำพูดของเขาทำให้สุ่ยหลิวเชียงตื้นตันใจและช่วยไม่ได้ที่นางจะร้องไห้ออกมา
"ดี!" สุ่ยฉงเสียนกล่าวและประกาศว่า "หากเจ้ายืนกรานขนาดนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปสุ่ยหลิวเชียงจะเป็นคนของตระกูลฉู่ของเจ้า และจากนี้ไปตระกูลสุ่ยและตระกูลฉู่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป"
หลังจากนั้น สุ่ยฉงเสียนเดินไปที่โต๊ะ เขาเขียนจดหมายแต่งงานและโยนไปให้ฉู่ชิงหยุน
"เขียนชื่อของเจ้าลงไป" สุ่ยฉงเสียนกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ แต่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความสุข
การดำรงอยู่ของสุ่ยหลิวเชียงสำหรับตระกูลสุ่ยแล้วมันไม่สำคัญอะไร
โดยที่เขาไม่คาดคิด ฉู่ชิงหยุนมาที่นี่เพื่อขอนางแต่งงาน แลกกับหนี้บุญคุณที่ตระกูลสุ่ยติดค้างตระกูลฉู่
มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากสำหรับตระกูลสุ่ย!
"อะไร? หรือเจ้าจะกลับใจ?" หลังจากนั้นชั่วครู่ สุ่ยฉงเสียนเห็นฉู่ชิงหยุนไม่ยอมลงชื่อ เขาจึงรู้สึกตื่นตระกูลและรีบถามออกไป
ฉู่ชิงหยุนส่ายหัว เขายื่นมือออกไปและดึงสุ่ยหลิวเชียงเข้ามาหาเขาและจ้องมองใบหน้าที่งดงามของนาง
ในเรื่องของความงดงาม สุ่ยหลิวเชียงนั้นด้อยกว่าสุ่ยเชียนเย่ว
แต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเมตตาและไร้เดียงสา เช่นเดียวกับดอกบัวที่เบ่งบาน
"หลิวเชียง เจ้ายินยอมที่จะแต่งงานกับข้าหรือไม่?" ฉู่ชิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมาเป็นคำๆอย่างชัดเจน
"พี่หยุน..." ร่างของสุ่ยหลิวเชียงสั่นเล็กน้อย และน้ำตาที่หยุดไหลเริ่มที่ไหลออกมาอีกครั้ง
เมื่อนางยังเด็ก แม่ของนางเสียชีวิตเนื่องจากเจ็บปวด และนางต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง
ต่อมา นางได้รับการดูแลจากตระกูลสุ่ย แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด กลับกัน นางมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานและน่าสังเวชซึ่งเลวร้ายกว่าคนอื่น และไม่มีสถานภาพอะไร
ในตอนนั้นมีเพียงแค่ฉู่ชิงหยุนเท่านั้นที่ทำดีต่อนางและปกป้องนางอย่างเงียบๆ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หลิวเชียงจดจำได้ทุกอย่าง และถึงขั้นคิดอย่างไร้เดียงสาว่านางจะกลายเป็นภรรยาของฉู่ชิงหยุนในอนาคต
และวันนี้ความฝันนั่นกลับกลายเป็นจริง
ฉู่ชิงหยุนขอนางแต่งงานต่อหน้าทุกคน!
"ข้ายินยอม!" สุ่ยหลิวเชียงพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากที่เขาลงชื่อเสร็จ ฉู่ชิงหยุนอุ้มนางขึ้นมาและส่งเสียงอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุขของฉู่ชิงหยุน สุ่ยเชียนเย่วรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ นางเปิดปากและพูดอย่างเย้ยหยันว่า "อย่างกับปลาตามหาปลา กุ้งตามหากุ้ง และคางคกตามหากบไม่มีผิด"
คำพูดของนางรุนแรงมาก ดังนั้นดวงตาของฉู่ชิงหยุนกลายเป็นเยือกเย็นและตอบกลับอย่างดุเดือดว่า "ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าได้พูดจาโอ้วอวดจนเกินไป"
ฉู่ชิงหยุนชูขึ้นมาหนึ่งนิ้วและพูดว่า "อีกหนึ่งปีข้างหน้าห้าสำนักใหญ่แห่งราชวงศ์จะเปิดรับคัดเลือกศิษย์ ในเวลานั้น ข้าจะบอกให้เจ้าได้รับรู้ว่าใครกันแน่คือกบก้นบ่อที่ทำได้แค่มองท้องฟ้า!"
หนึ่งปี?
สุ่ยเชียนเย่วยกคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจและพูดเหยียมยามว่า "อย่าพูดว่าหนึ่งปีเลย แม้จะเป็นสิบปีหรือร้อยปี เจ้าทำได้แค่มองแผ่นหลังของข้าตลอดไป"
"อย่างนั้นรึ?" ฉู่ชิงหยุนไม่โต้เถียงต่อ เขามองไปรอบๆอย่างช้าๆและจดจำการกระทำของทุกคนในตระกูลสุ่ยที่เหยียดยามเขาไว้ในใจ และหันหลังออกจากตระกูลสุ่ขพร้อมกับหลิวเชียง
เขาเดินอย่างมั่นคงปราศจากความลังเล
เพราะเขารู้ว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง!