DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง
เมื่อลูกสาวคนเดิมกลายเป็นลูกชายคนใหม่
มันเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่มากเกินไปแล้ว แม้ว่าเย่เฟิงลูกชายคนเล็กจะอ่านนิยายมานานหลายปี แต่ก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเรื่องมหัศจรรย์นี้จะเกิดขึ้นกับพี่สาว...ไม่สิ เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรกับพี่ชายกันแน่
ทุกคนในบ้านแม้แต่กินข้าวก็แทบจะไม่มีอารมณ์จะกินด้วยซ้ำ ได้แต่เฝ้ามองไปยังลูกชายคนใหม่ที่ยังหลับใหลอยู่บนโซฟาอย่างใจจดใจจ่อ รอให้เขาฟื้นขึ้นมา
เย่ซวงที่ยังหลับใหลเดิมทีก็ไม่ใช่สาวสวยที่งามตามกระแสนิยมอะไรอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่พอจะเรียกได้ว่าหมดจดน่ารัก
หลักการเดียวกัน หลังจากที่เปลี่ยนไปเป็นผู้ชาย หน้าตาก็ไม่ถึงขั้นหล่อเหลา แค่มองหน้าตาของเย่เฟิงดูก็รู้แล้ว บ้านตระกูลเย่ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชายต่างก็ไม่ได้สวยหล่อจนน่าตกตะลึงอะไร
แต่ว่า ในระหว่างที่เย่ซวงสลบไป ร่างกายของเธอ… เอ่อ ของเขา ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกคนล้วนเห็นมันด้วยตาตนเอง
ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าในร่างกายของเธอเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คนตระกูลเย่ทั้งสามคนก็สามารถมองออกถึงสภาพการณ์โดยรวมได้ ว่าเซลล์ในร่างกายของเย่ซวงตอนนี้เหมือนกับมีชีวิตก็ไม่ปาน
พวกมันเปลี่ยนแปลงตัวเองไปไม่หยุดยั้ง ปรับโครงสร้าง สุดท้ายก็ทำการจัดเรียงใหม่
เซลล์ที่อ่อนแอถูกกำจัดออกไปจากร่างกาย เหลือไว้เพียงเซลล์ที่ยอดเยี่ยม เพราะเมื่อหมดช่วงวัยรุ่นร่างกายที่เข้าสู่ช่วงหยุดการเจริญเติบโตได้ถูกกระตุ้นให้เริ่มเติบโตใหม่อีกครั้ง ส่วนที่ไม่สมบูรณ์และติดขัดในสายยีนจะถูกสะสางใหม่ทั้งหมด จนท้ายที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นการรวมตัวที่สมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เป็นเวลาสี่ชั่วโมงเต็มๆ ที่ทั้งหมดนั่งมองดูร่างของ ‘ลูกชาย’ ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
เย่ซวงในตอนนี้ไม่เหมือนกันกับเย่ซวงคนเดิมแล้ว...ไม่ใช่แค่เพศที่เปลี่ยนไป ผิวของ ‘เขา’ ขาวละเอียดราวกับหยกที่เปล่งความมันวาวออกมา กระดูกยังยืดและตั้งตรงขึ้น ไม่เพียงแค่เครื่องหน้าดูมีมิติและงดงามประณีตเท่านั้น ขนาดความสูงที่หยุดอยู่แค่ 160 ซม. มาหลายปียังเพิ่มมากขึ้นอีก ผิวที่โผล่พ้นมาจากเสื้อผ้า กล้ามเนื้อราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตยังไงอย่างนั้น มันขยับคดเคี้ยวไปมาอย่างอิสระและเริ่มเรียงตัวใหม่ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นเส้นสายที่เรียวยาวเรียบลื่น
เย่เฟิงทนดูต่อไปไม่ไหวจนต้องเข้าไปดึงเสื้อของ ‘พี่ชาย’ ขึ้นดู หลังจากนั้นก็ต้องโมโหเมื่อเห็นว่าพี่ของเขาที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยกลับมีซิกแพค!
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ซิกแพคแบบที่ตึงแน่นอะไร แต่ซิคแพคที่ดูเป็นลอนพอเหมาะนั่นเห็นได้ชัดเลยว่าเข้ากับกระแสนิยมในปัจจุบันนี้ สามารถสยบได้ทั้งชายและหญิงเลยทีเดียว!
ไม่ว่าพวกเขาจะมองมุมไหนในสายตาของพวกเขา ‘ลูกชาย’ คนใหม่คนนี้ ก็เป็นหนุ่มหล่ออย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผิวกายละเอียดใสราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ใบหน้าหล่อเหลางดงามราวกับรูปสลัก ขนตาเป็นแพงอนยาว เส้นผมนุ่มลื่นสีดำเป็นประกายราวกับน้ำหมึก...ดูยังไงตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่เหมือนคนในตระกูลเย่เลยสักนิด
“คุณคะ” เมื่อร่างกายของลูกชายที่นอนอยู่บนโซฟาดูมีท่าทางผ่อนคลายลง ไม่สั่น ระริกอีกราวกับว่าได้หยุดการเปลี่ยนแปลงแล้ว คุณนายเย่อดไม่ได้ที่จะจับมือของสามีเอาไว้แน่น กระทั่งน้ำเสียงยังแผ่วเบาและสั่นเล็กน้อย ก็ไม่รู้เป็นเพราะตกใจหรือว่าตื่นเต้นกันแน่ “นะ...นี่ใช่ลูกที่ฉันคลอดออกมาใช่ไหมคะ?”
“...ใช่ เป็นลูกที่คุณคลอดไม่ผิดแน่” คุณเย่เองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
...ชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกของเราไม่ผิดแน่ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างจะ...หรือว่าจะเอาดีเอ็นเอไปพิสูจน์ดูดี
...
ตอนที่คุณเย่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองนั้น เย่ซวงก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา
เปลือกตาของเย่ซวงค่อยๆ เปิดออก เมื่อนัยน์ตาสีนิลมองสบมา หัวใจของคนเป็นแม่ก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
คนหล่อทำอะไรก็ดูดีไปหมด ตอนที่ ‘ลูกชาย’ ร่างกายสูงใหญ่ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาด้วยใบหน้าอิดโรย คุณนายเย่ก็รู้สึกราวกับว่านี่คือคุณชายตกยากยังไงอย่างนั้น
“พ่อ แม่” เย่ซวงกุมขมับ ราวกับยังสามารถรู้สึกได้ถึงการฉีกออกของเซลล์ที่แผ่ซ่านมาตามร่างกายจากการรวมตัวกันเมื่อครู่ สมองก็มึนงงเหมือนจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ อย่างนั้น
คุณเย่ได้สติกลับมาในที่สุดและรีบถามว่า “ฟื้นแล้วเหรอ?! ลูก...”
ช่วงเวลาที่สลบไป มีข้อมูลมากมายมหาศาลไหลทะลักเข้ามาในสมองของเธอ เธอรู้ตัวเองดีว่าร่างกายของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น และรู้ว่าทำไมในน้ำเสียงอึกอักของพ่อถึงเต็มไปด้วยความกังวลแบบนั้น
มองพ่อแม่และน้องชายที่นั่งลงตรงหน้าเธอด้วยใบหน้ากังวล เย่ซวงที่กำลังเศร้าก็ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกคนอยากถามใช่ไหมว่าทำไมหนูถึงเป็นแบบนี้”
“โห ถ้ารู้ว่าจะหล่อขึ้นขนาดนี้ผมทุบจี้หยกให้แตกไปนานแล้วนะเนี่ย” เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเมื่อเห็นความหล่อเหลาตรงหน้า “เจ๊เป็นผู้หญิงเปลี่ยนไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร เสียดายของเปล่าๆ ถ้าเป็นผมที่เปลี่ยนไปนะ คงไม่ต้องกังวลเรื่องแฟนแล้ว”
“ดีกับผีน่ะสิ” เย่ซวงก็โพล่งกลับไปอย่างหงุดหงิดกับท่าทีของน้องชาย
กลับเป็นคุณนายเย่ที่ถูกคำพูดหยาบคายที่ออกมาจากปากหนุ่มหล่อทำให้อึ้งไป จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นี่สิลูกสาว...ไม่สิ ลูกชายของฉัน” ด้วยความรู้สึกคุ้นชินเล็กน้อย ไม่ใช่สิ ทำไมถึงได้ยอมรับได้ง่ายขนาดนี้นะ?!
เย่ซวงใบหน้าเศร้าหมองเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น “สรุปง่ายๆ เลยนะ ในหยกมีดีเอ็นเอบางอย่าง”
“???” สีหน้าของทั้งสามเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามกับคำพูดของเธอ
สีหน้าของทั้งสามทำให้หนุ่มหล่อต้องถอนหายใจออกมา แล้วเริ่มอธิบายต่ออย่างละเอียด “ในจักรวาลนี้ยังมีดาวเคราะห์อยู่อีกมากมาย นักวิทยาศาสตร์คิดว่ายังมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิชนิดอื่นๆ ที่วิวัฒนาการสูงกว่าพวกเราอาศัยอยู่ในดาวเคราะห์ดวงอื่น...อันนี้ทุกคนเข้าใจใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้วๆ ๆ” เย่เฟิงพยักหน้ารับด้วยดวงตาเป็นประกาย
บ้าเอ๊ย! นี่ประตูของอีกโลกกำลังจะเปิดใช่ไหมเนี่ย
“อธิบายง่ายๆ ก็คือ บนโลกในยุคอารยธรรม...เอ่อ เมื่อสมัยก่อนนักโบราณคดีค้นพบร่องรอยอารยธรรมชั้นสูง ทุกคนเข้าใจใช่ไหม นั่นมันก็คือ...เอาเถอะๆ งั้นหนูพูดต่อนะ” เมื่อโดนคุณเย่ถลึงตาใส่ เย่ซวงก็ลูบๆ จมูกแล้วกลับเข้าเรื่องหลัก
“ในยุคอารยธรรม มนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือนโลกมนุษย์ของเรา และในหยกนั่นก็มีดีเอ็นเอของมนุษย์ต่างดาวเก็บเอาไว้” เย่ซวงอธิบายต่ออย่างใจเย็น “ดีเอ็นเอพวกนี้ทำให้ร่างกายและสมองของผู้ที่ได้รับพัฒนาและเพิ่มขีดจำกัดมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ได้รับสืบทอดความทรงจำในอดีตมา และสามารถทำให้หนูเข้าใจถึงองค์ความรู้ของพวกเขาได้โดยไม่ต้องใช้เวลาเรียนเป็นสิบปีอีกด้วย”
“หูยยยย โคตรเจ๋งอ่ะ” เย่เฟิงเด็กหนุ่มมหาลัยที่เพิ่งจะสอบตกไปสองวิชาในเทอมนี้ตบหน้าขาตัวเองด้วยดวงตาเป็นประกาย
“แต่ว่ามันมีข้อเสียอย่างหนึ่ง” เย่ซวงขี้เกียจจะไปสนใจเขา แล้วก็อธิบายต่อ “มนุษย์ต่างดาวถ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะก็จะไม่มีเพศที่แน่นอนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หลังจากที่บรรลุนิติภาวะแล้วเพศของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับความชอบที่มีต่อคู่ครองแรกของตน พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้หนูอาจจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็พูดไม่ได้ว่าเป็นผู้ชาย”
ใบหน้าของคนเป็นพ่อและแม่ซีดเผือดไปทันตา แม้แต่เย่เฟิงเองก็นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
“มะ...หมายความว่าอะไร?” ในที่สุดคุณเย่ก็ถามออกมาอย่างเชื่องช้า ตอนนี้ลูกของเขากลายไปเป็นกะเทยไปแล้วเหรอ
เย่ซวงมีสีหน้าซับซ้อน “หมายความว่า ก่อนที่การหลอมรวมจะสมบูรณ์ หนูก็ยังต้องใช้ชีวิตแบบหญิงก็ไม่ใช่ ชายก็ไม่เชิงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้อาจจะยังเป็นผู้ชาย แต่ไม่แน่อีกสามวันข้างหน้าอาจจะกลับเป็นผู้หญิงก็ได้”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในบ้านเมื่อได้ฟังคำอธิบายของเย่ซวง
“แต่ถ้าอยากให้ชีวิตแบบนี้มันจบลง หนูก็จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนลำดับโครโมโซมกับเพศที่ตรงข้ามกันกับเพศที่หนูอยากเป็น จึงจะสามารถทำให้เพศของหนูในอนาคตไม่เปลี่ยนแปลง”
“...” ก็ยังคงไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากคนในบ้านอยู่ดี
เย่ซวงที่พูดมาถึงขนาดนี้แล้วกลัวพ่อและแม่ไม่เข้าใจก็รีบอธิบายต่อให้ชัดเจนไปเลย “สรุปง่ายๆ เลยนะคะ ถ้าสมมติว่าหนูกลับไปเป็นผู้หญิง หนูก็ต้องรีบหาผู้ชายมามีอะระ…”
“อ๊าๆ ๆ หยุดพูดเลยนะ ลูกสาวบ้านนี้ไม่ได้ไร้ยางอายขนาดนั้นนะ” คุณนายเย่ทนฟังต่อไปไม่ได้จึงรีบร้องขัดขึ้นเสียงแหลม
เย่ซวงได้ยินคำพูดแบบนั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมา
นี่เธอหน้าไม่อายเหรอ? ใช่เหรอ?!
ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะพ่อซื้อของราคาถูกกลับมาน่ะ!!!
ในตอนนี้เย่เฟิงกลับไม่ได้อิจฉาเย่ซวงแล้ว ถ้าเขาต้องเปลี่ยนเป็นผู้หญิงล่ะก็ แค่สามวันก็คงจะเป็นบ้าแล้ว แล้วยิ่งถ้ามันไม่ได้หยุดอยู่แค่สามวันด้วยแล้วล่ะก็
คุณเย่ที่ได้ฟังเรื่องราวมาทั้งหมด แม้ว่ายากจะเชื่อ แต่ว่าเรื่องที่ตอนนี้ลูกสาวคนโตของเขากลายมาเป็นแบบนี้นั่นคือเรื่องจริง ดังนั้นเขาต้องพยายามทำใจรับมันให้ได้
“วันนี้เราแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ว่าจะเอายังไง” คุณเย่เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่สับสน
คุณนายเย่ยังไม่ทันได้พูดประโยคที่อยากพูดก็ถูกสามีลากเข้าห้องไปก่อน
“เดี๋ยวก่อน ไม่กินข้าวกันเหรอ?” เย่ซวงมองตามพ่อที่เดินเข้าห้องไปปิดประตูลงกลอน เธอเพิ่งจะเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แต่กลับไม่มีใครคิดจะคอยอยู่ปลอบโยนจิตใจที่อ่อนแอเปราะบางของเธอเลยเหรอ นี่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ของเธอจริงไหมเนี่ย
“ต้มมาม่ากินเองเถอะ” เย่เฟิงยังอยู่ แต่พอเปิดปากพูดขึ้นมากลับไม่ทำให้รู้สึกถึงความห่วงใยเลยสักนิด โหดร้ายชะมัด
เย่ซวงกลอกตา แล้วก็ก้มมองที่ร่างกายตนเองที่ตอนนี้เนื้อตัวสกปรกมอมแมมเพราะเมื่อครู่ร่างกายได้กำจัดเซลล์ที่ด้อยคุณภาพออกไป จนเธอเองทนไม่ได้ลุกขึ้นเดินออกไป อีกอย่างกับเจ้าเด็กบ้านี่เธอไม่มีอะไรจะพูดด้วยหรอก!
“เจ๊...เอ๊ย เฮีย! จะไปไหน” เย่เฟิงตกใจมองเย่ซวงที่ลุกเตรียมเดินออกไป
“อาบน้ำ...จะไปฉี่ด้วย อั้นไม่ไหวละ”
“โอ๊ะ งั้นเฮียก็...เดี๋ยวก่อนดิ” เย่เฟิงที่นึกอะไรขึ้นได้ กำลังจะรีบเรียกเย่ซวงเอาไว้แต่พูดยังไม่ทันจบเย่ซวงก็เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว
ผ่านไป 10 วิร่างสูงก็เดินกลับออกมาจากห้องน้ำไปนั่งบนโซฟาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ไม่ฉี่แล้วเหรอ?” เย่เฟิงถามกวนประสาททั้งๆ ที่รู้ว่าเย่ชวงกำลังโมโห
“...ฉันว่าฉันยังอั้นได้อยู่” เย่ซวงกัดฟันตอบ
“เจ๊ ต่อมลูกหมากน่ะ...มันสำคัญกับผู้ชายมากนะ เจ๊อย่าอั้นจนเสียสุขภาพล่ะ” สุดท้ายเย่เฟิงทนไม่ได้เลยโพล่งออกมา
“...”
บ้าเอ๊ย!