GE142 นางเป็นของเจ้า [ฟรี]
ตำหนักซื่อฟาน หานหยวนจี๋ไม่อนุญาติให้ใครเข้าไปเหยียบที่นั่น แต่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเหล่านั้นกลับรุกล้ำ
หากไม่เพราะคิดถึงความรู้สึกของหานหยวนจี๋ หนิงฝานคงสังหารพวกมันด้วยสัมผัสกระบี่ไปแล้ว
แม้ในช่วง 2 ปีแห่งการกลายเป็นผู้ฝึกตน หนิงฝานจะไม่ค่อยโกรธ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะโกรธไม่เป็น
หลังจากผู้ขุดสุสานในตำหนักซื่อฟานได้ยินเสียง ไม่นานแสงสีดำสายหนึ่งก็ปรากฏอยู่บนท้องนภา ก่อร่างเป็นผู้เยาว์คนหนึ่ง
ผู้เยาว์คนนี้สีหน้าเรียบเฉย บนหน้าผากปรากฏดารา ดวงตาเฉียบคมราวกับกระบี่
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับกระบี่...ไม่ใช่มนุษย์! ทั้งยังเป็นกระบี่ที่สังหารได้กระทั่งเทพหรือปีศาจ
นั่นคือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปมองหนิงฝาน
เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณแต่ละคนสวมชุดคลุมสีเงิน ด้านหลังสลักไว้ด้วยรูปกระบี่บินสีเงิน 4 เล่ม
ถัดจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไป มีผู้เยาว์ใบหน้าขาวกระจ่าง อายุประมาณ 26 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง การที่มันจะบรรลุระดับนี้ได้ ย่อมต้องมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา มันน่าจะเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้มา และที่แผ่นหลังของมัน มีรูปกระบี่สลักอยู่ถึง 6 เล่ม
แรงกดดันของหนิงฝาน ทำให้ผู้คนนั้นประหลาดใจเล็กน้อย มันไม่ได้หวาดกลัว มันป้องมือให้หนิงฝานและกล่าวด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง
“สหาย… ข้าและคนเหล่านี้คือคนของโลกกระบี่ หากเจ้าไม่มีสิ่งใด จงเร่งจากไป”
“โลกกระบี่?”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ราวกับนึกบางสิ่งได้ หานหยวนจี๋และคนของโลกกระบี่เป็นศัตรูกัน และสาวน้อยตู่กูเองก็น่าจะเป็นของโลกกระบี่ นางถูกฝังไว้ที่นี่
บางทีผู้ที่มาขุดสุสานของนาง อาจเป็นคนในครอบครัวนาง?
หากไม่เพราะมันมีที่มาไม่ธรรมดา มันจะเข้ามาเหยียบโลกพิรุณไม่ได้… แต่โลกของผู้ฝึกตนแต่ละใบมีกฏที่เข้มงวดอยู่ และไม่ยอมให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างโลกเดินทางผ่านมาได้ง่ายๆ หากคนเหล่านี้มาจากโลกกระบี่ ที่พวกมันเข้ามาได้อาจเพราะทำตามกฏของโลกพิรุณ ส่งมาเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ
ยามนี้หนิงฝานเริ่มเข้าใจว่าเหตุใดเหล่านี้ถึงเข้ามายังตำหนักซื่อฟานได้ นั่นเพราะหานหยวนจี๋ไม่ได้ห้ามพวกมัน แม้ชายชราจะสูญเสียพลัง แต่หากจะห้าม ต่อให้ตายชายชราก็จะไม่ให้พวกมันเข้ามา
เมื่อผู้เยาว์คนนั้นเห็นว่าหนิงฝานไม่กล่าวหลังจากได้ยินคำว่าโลกกระบี่ มันเผยสีหน้าพึงพอใจ
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มแล้วอย่างไร? ในแคว้นเยว่ที่ต่ำต้อยเช่นนี้ แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเป็นผู้เยาว์ แต่หากเทียบกับตระกูลในโลกกระบี่ ยังไม่นับเป็นอันใด
“เมื่อรู้ว่านี่เป็นเรื่องของโลกกระบี่แล้ว ก็จะรีบกลับไป!” ผู้เยาว์คนนั้นกล่าวพลางจ้องมองหนิงฝานด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฮึ่ม! โลกกระบี่แล้วอย่างไร?”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ปลดปล่อยสัมผัสกระบี่ จนทำให้ผู้เยาว์คนนั้นและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆหน้าถอดสี
สีหน้ามีความสุขของผู้เยาว์คนนั้นหายไป เหลือเพียงความหวาดกลัว
“กระบี่… ทะเลสติกระบี่… นี่เจ้า เจ้า!”
ผู้เยาว์คนนั้นตกตะลึงจนไม่อาจควบคุม ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มสำหรับโลกกระบี่ไม่นับเป็นอันใด แต่ผู้ที่ครอบครองสัมผัสกระบี่นั้น แม้เป็นโลกกระบี่ยังหาได้ยากยิ่ง และส่วนใหญ่ล้วนเป็นจักรพรรดิกระบี่ในขอบเขตไร้แบ่งแยก
นอกจากจะเรียกขานคนเหล่านั้นว่าจักรพรรดิกระบี่แล้ว ยังมีหลายๆชื่อเช่นจักรพรรดิภูติพราย จักรพรรดิอสูร… ตราบใดที่คนเหล่านั้นบรรลุถึงขอบเขตไร้แย่งแยก ล้วนเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
ภายในโลกทั้ง 9… โลกกระบี่นับเป็นโลกที่ทรงพลังที่สุด เหล่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ครอบครองสัมผัสกระบี่ สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับล่างได้เพียงแค่คิด
ผู้เยาว์คนนั้นไม่อยากเชื่อว่าหนิงฝานจะครอบครองสัมผัสกระบี่ แม้ว่าจะด้อยอยู่มาก แต่มันก็เพียงพอให้สังหารผู้เชี่ยวชาญที่ด้อยกว่าขอบเขตแก่นทองคำได้
สิ่งที่ทำให้ผู้เยาว์ตกตะลึงอีกข้อ คือแม้หนิงฝานจะรู้ว่ามันมาจากโลกกระบี่อันยิ่งใหญ่ แต่ยังกลับยังกล้าลงมือ หากพวกมันถูกสังหาร ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในโลกกระบี่ไม่ยอมแน่
มันบ้าไปแล้ว!
แต่ในขณะที่หนิงฝานจะสังหารพวกมัน เสียงสายหนึ่งกลับดังมาจากด้านนอกของสุสาน
“หนิงฝาน อย่าฆ่าพวกมัน”
“พอแล้วฝานเอ๋อร์!”
เสียงอีกสายดังขึ้น หนึ่งเป็นของสตรีผู้งดงาม นางยืนอยู่ใต้ต้นท้อ อีกหนึ่งเป็นของชายชราในอาภรณ์ดำที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ
สตรีนางนั้นสวมอาภรณ์ขาว เผยไหล่ที่ขาวนวล ผมดำขลับยาวลงมาถึงเอวพาดผ่านมาเบื้องหน้า สายลมที่พลิ้วไหวขับส่งให้นางงดงามและสูงศักดิ์ แววตาแฝงด้วยเจตจำนงค์กระบี่ ยามนี้หนิงฝานบรรลุเจตจำนงค์เทพพิรุณ จึงสัมผัสได้ถึงเจตจำนงค์กระบี่ที่ทรงพลังในแววตาของนาง บางที นี่คงเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญของโลกกระบี่สมควรมี
บางทีก่อนตาย ตู่กูน้อยอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมาก่อน...
หนิงฝานได้เห็นหานหยวนจี๋อีกครั้ง ชายชรายังคงสวมอาภรณ์ดำเหมือนก่อน แต่แววตายังอาจหาญแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ ผมที่ดำขลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเทา ราวกับ 2 ปีที่ผ่านมา ชายชราคงผ่านเรื่องราวๆมามาก
หนิงฝานรู้สึกเศร้าใจ พร้อมกับความเกลียดชังในตัวเทพกษัตริย์เนี่ยเพิ่มพูน
หากไม่เพราะมัน ชายชราคงได้เป็นเซียน ท่องเที่ยวไปทั่วแดนสวรรค์ทั้ง 4 เหมือนก่อน… หากไม่เป็น เพราะมัน โลกพิรุณคงทรงพลังมากขึ้น
ในขณะที่หนิงฝานจ้องมองตู่กูและหานหยวนจี๋ ทั้งสองคนนั้นก็จ้องมองสำรวจหนิงฝานเช่นกัน
แววตาของตู่กูเผยถึงความสุขเมื่อหนิงฝานกลับมา เพราะหนิงฝานเคยกล่าวว่า เขากลับมาเอาเจตจำนงค์กระบี่ของนางเมื่อบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่เมื่อนางสัมผัสถึงสัมผัสกระบี่ของหนิงฝาน ผู้ที่บรรลุเจตจำนงค์กระบี่ที่ทรงพลังอย่างนางยังหวาดกลัว
เจตจำนงค์กระบี่นั้น ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปสามารถสัมผัสได้ แต่ก็เป็นเพียงเปลือกนอก ยังไม่ใช่เจตจำนงค์กระบี่ที่แท้จริง มีเพียงผู้ที่บรรลุขอบเขตตัววิญญาณเท่านั้นที่จะเจตจำนงค์กระบี่ที่แท้จริง… ตู่กูบรรลุขั้นนั้นก่อนที่นางจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ จึงกลายเป็นหนึ่งในสามผู้กล้าแห่งโลกกระบี่เมื่อครั้งอดีต
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่นางยังไม่อาจได้ครอบครองสัมผัสกระบี่… เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าไม่อาจหยั่งหนิงฝานได้ ระดับของเขาดูคลุมเครือ ราวกับมีหมอกบดบัง
ไม่เจอกันเพียง 2 ปี หนิงฝานกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังไปแล้ว
ตู่กูไม่เข้าใจว่า หนิงฝานมีพรสวรรค์ชั้นเลิศ แต่เหตุใดเขาเลือกที่จะเป็นปีศาจ... ในตระกูลของนาง บิดานางเกลียดชังผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม… ความรักระหว่างหานหยวนจี๋และพี่สาวนางจึงถูกขัดขวาง… บางที หากหนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญฝ่านอธรรมคงจะดี
ในขณะที่นางเหม่อลอย จู่ๆนางกลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้!
“แย่แล้ว หนิงน้อยบอกว่าเมื่อบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม จะมาชิงเจตจำนงค์กระบี่ของข้า… แต่หากปล่อยให้คนของ
โลกกระบี่ได้ไป จะนำมาซึ่งภัยพิบัติร้ายแรง!”
หากจะกังวลเรื่องที่ต้องแต่งงานกับหนิงฝาน ตู่กูเป็นห่วงความปลอดภัยของหนิงฝานมากกว่า
หานหยวนจี๋ที่จ้องมองหนิงฝาน เผยสีหน้ามีความสุขเป็นครั้งแรก
“เด็กน้อย เจ้ามีร่างจำแลงที่ทรงพลัง… ได้ยินว่าเจ้าจะไปทะเลไร้สิ้นสุด ข้าเป็นกังวลกับเจ้ามาก แต่เมื่อได้เห็นเจ้ายามนี้ ข้าก็ผ่อนคลายลงบ้าง… และยอมปล่อยเจ้าไป”
หนิงฝานแปลกใจกับคำกล่าวของชายชรา
“เจ้าจะไปที่ใดในนั้น? แต่ดูจากระดับพลังของเจ้าแล้ว...” ชายชราหยุดกล่าวและหันมองของโลกกระบี่ ชายชราไม่อยากให้พวกมันรู้
“หานหยวนจี๋ต้องติดตามพวกนี้กลับโลกกระบี่… นางก็ด้วย! กษัตริย์ของเราได้ยินเรื่องของเทพกษัตริย์เนี่ยแล้ว หากมีท่านคอยปกป้อง ต่อให้เป็นเทพกษัตริย์เนี่ยก็ไม่กล้าล่วงเกินหานหยวนจี๋”
เมื่อหานหยวนจี๋กล่าว ผู้เยาว์คนนั้นก็มั่นใจว่าหนิงฝานไม่กล้าสังหารพวกมัน
หนิงฝานหลับตาเมื่อได้ยินคพกล่าวของผู้เยาว์คนนั้น
แม้ว่าชายชราจะหน้าด้านยังไงก็ไม่ขอให้ผู้อื่นช่วยเด็ดขาด แต่ยามนี้ ชายชราดูเหมือนจะยอมติดตามผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไป แต่หากหนิงฝานไม่ยอม พวกมันก็พาชายชราไปไม่ได้
หรือว่าชายชราจะกลัวเทพกษัตริย์เนี่ยจริงๆ? หรือกลัวว่าอีก 100 ปีข้างหน้ากลัวเทพกษัตริย์จะมาพรากชีวิตตนไป?
แต่หากชายชรากลัวจริงๆ ชายชราคงไม่อยู่ที่โลกพิรุณมานานขนาดนี้ มีโอกาสมากมายที่ชายชราจะไปโลกกระบี่ได้
หรือที่ชายชรายอมไป เป็นเพราะเป็นห่วงหนิงฝาน
หากชายชราไปโลกกระบี่ อีก 100 ปีข้างหน้าเทพกษัตริย์เนี่ยจะไม่ต้องมาโลกพิรุณเพื่อตามล่า แต่จะไปโลกกระบี่แทน
ชายชรากำลังปกป้องหนิงฝานอยู่
“เหตุใดท่าน...” หนิงฝานลืมตา เขาทนไม่ไหว
“ฮ่าฮ่า ข้าทำไม? เด็กน้อย โชคชะตาในอีก 100 ปีข้างหน้าของเจ้า ที่ต้องบรรลุผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกนั้นเป็นไปไม่ได้… ผู้ฝึกตนต้องก้าวผ่านความยากลำบาก ผ่านการเคี่ยวกรำ แต่หากจิตใจของเจ้าถูกครอบงำ เจ้าจะกลายเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์… ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว อีกพันข้างหน้าบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกคงไม่ใช่เรื่องยาก… ตัวข้าไม่อยากให้แรงกดดันทำลายตัวเจ้า” ชายชรากล่าวกับหนิงฝานอย่างจริงจัง
“ท่านกลัวว่าอีก 100 ปีข้างหน้าข้าจะสู้เทพกษัตริย์เนี่ยไม่ได้ใช่หรือไม่?”
“ใช่… ข้าไม่ได้กลัวว่าข้าจะต้องตาย ข้ากลัวว่าเจ้าจะตาย เจ้าช่วยให้ข้าได้บรรลุสิ่งที่ปรารถนา ฉะนั้นข้าตายได้แล้ว แต่เจ้าไม่! ข้าเป็นอาจารย์ที่ดีไม่พอสำหรับเจ้า”
“ไม่… ถึงท่านจะกล่าวแบบนั้น แต่หากไม่มีท่านข้าก็ไม่มีวันนี้ หากไม่มีท่าน ในวันที่ข้าหนีออกจากนิกายเหอฮวน ข้าคงตายบนภูเขาสักแห่งที่ห่างไกล ไร้ซึ่งผู้ใดพบเห็น… แต่ท่านก็รับข้าเป็นศิษย์ ความเมตตาของท่านสลักลึกในใจข้า… แต่หากท่านต้องการเช่นนั้น ข้าจะไม่ขัดขวางท่าน” หนิงฝานกล่าวอย่างจริงจัง
เดิมทีคศิษย์อาจารย์คู่นี้ไม่ได้ผูกพัน แรกเริ่มชายชรารับหนิงฝานเพื่อหวังใช้ช่วยเหลือตน แต่หนิงฝานกลับยอมรับตนเป็นอาจารย์จากใจ
หนิงฝานและหานหยวนจี๋เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าว และความสัมพันธ์แน่นแฟ้นของทั้งสอง ก็ค่อยๆเพิ่มพูนช้าๆ
หานหยวนจี๋ให้เป้าหมายในการเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมกับหนิงฝาน
ส่วนหนิงฝานก็ให้การรักษาชายชราและเติมเต็มความต้องการ
หนิงฝานไม่ได้ปฏิเสธในสิ่งที่ชายชราตัดสินใจ เพราะเขารู้ว่า เรื่องนี้สำคัญกับชายชรามาก
“ข้าจะโลกกระบี่… และข้าจะไม่ตาย! เจ้าเองก็อย่าได้กดดันตนเองมากนัก ในอีก 100 ปีข้างหน้าลานสวรรค์โบราณจะเปิด เจ้าห้ามสู้กับเทพกษัตริย์เนี่ย… แต่จำเป็นต้องทำ เจ้าก็จงรักษาชีวิตให้ดี… ส่วนคำขอของข้าก่อนไป ข้าอยากให้เจ้าช่วยคนผู้หนึ่ง แม้ข้าไม่กล่าวเจ้าก็เดาได้… เจ้าทำได้หรือไม่?”
“ข้าไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย ส่วนชายชราก็หัวเราะ
ผู้เยาว์ที่อยู่ห่างออกไปเผยสีหน้านับถือศิษย์อาจารย์คู่นี้
มันเฝ้าให้ชายชรากลับโลกกระบี่กับมัน
“อีกเรื่องที่ข้ามาคือพานายหญิงน้อยรองกลับ และพานายหญิงใหญ่กลับเช่นกัน! เพียงแต่ ปราณกระบี่ที่สลักอยู่บนศิลาก้อนนี้ นายหญิงน้อยสองได้ตกลงกับเทพกระบี่ไว้ว่า หากมีผู้ชิงปราณกระบี่ไปได้ทั้งหมด นายหญิงน้อยก็ไม่ต้องแต่งงานกับหลานชายของเทพกระบี่ ให้แต่งงานกับผู้ที่ครอบครองปราณกระบี่ของนาง… ยามนี้ ปราณกระบี่ที่สามยังเหลืออยู่ ดูเหมือนายหญิงน้อยต้องกลับไปกับข้าแล้ว...”
ก่อนไป ผู้เยาว์คนนั้นได้กล่าวขึ้น เพราะนับเป็นเรื่องที่สำคัญกับตู่กูมาก
แต่เมื่อนางได้ยินคำกล่าว ใบหน้าของนางกลับซีดขาวและแสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างชัดเจน “ถึงเจตจำนงค์กระบี่ยังคงอยู่ แต่ข้าไม่มีวันแต่งงานกับมัน...”
“ฮ่าฮ่า เรื่องนี้บ่าวไม่อาจตัดสินใจ… ข้าจะถอนเจตจำนงค์กระบี่ไป เพราะเจตจำนงค์กระบี่นี้คือเพลงกระบี่ลับของเทพกระบี่ ไม่อาจปล่อยให้อยู่ในมือของคนภายนอก!”
เมื่อผู้เยาว์คนนั้นออกคำสั่ง เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณก็เร่งนำอุปกรณ์ออกมาเพื่อเตรียมทำลายศิลาที่สลักเจตจำนงค์กระบี่ไว้
เพลงกระบี่ลับของเทพกระบี่ นับเป็นสิ่งล้ำค่า หากเป็นผู้อื่นคงไม่อาจสังเกตุเห็นความพิเศษของมัน เว้นแต่ได้ครอบครองเจตจำนงค์กระบี่ ถึงจะเข้าใจในกระบี่มากขึ้น
ในอดีตตู่กูและเทพกระบี่ได้ตกลงกันไว้ จึงได้สลักเจตจำนงค์กระบี่ทั้ง 3 ไว้ที่สุสานของนาง เพียงแต่สุสานของนางอยู่ในตำหนักซื่อฟาน และไม่อนุญาติให้ผู้ใดเข้ามา จึงไม่มีผู้ใดที่จะนำเจตจำนงค์กระบี่ของนางไปได้… เพียงแต่ หนิงฝานผู้ไม่รู้ที่มาได้ชิงเจตจำนงค์กระบี่ไปแล้ว 2 เจตจำนงค์
หากหนิงฝานชิงเจตจำนงค์กระบี่ไปได้ทั้งหมด ตู่กูต้องแต่งงานกับหนิงฝาน… หากยามนั้นนางไม่ตัดสินใจเช่นนี้ เทพกระบี่คงไม่ยอมให้นางออกจากโลกกระบี่ได้ง่ายๆ เพราะนางคือเทพกระบี่คนต่อไป!
เมื่อเห็นว่าศิลาก้อนนั้นกำลังจะถูกทำลาย ตู่กูน้อยที่คิดกังวลก็สบายใจ
เพราะการที่นางได้ร่ำเรียนเพลงกระบี่ลับของเทพกระบี่ ก็เพราะเทพกระบี่อนุญาติ หากผู้อื่นได้ไปและคนของโลกกระบี่รู้เข้า คนผู้นั้นต้องถูกกำจัด
หนิงฝานเองก็ไม่ใช่คนของโลกกระบี่ หากเขาชิงปราณกระบี่ไป อาจทำให้เทพกระบี่ไม่พอใจ
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าเจตจำนงค์กระบี่ของข้าเป็นเป็นเช่นใด?”
“เจตจำนงค์กระบี่แฝงไปด้วยเจตจำนงค์เทพ แฝงไปด้วยปราณของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไม่อาจรับไหว”
“และเจ้าก็ไม่อาจเอาไปได้!”
“ข้าลืมบอกไป ที่ข้ากลับมาเมืองฉีเหม่ย ก็เพราะต้องการชิงเจตจำนงค์กระบี่อันสุดท้ายไป!”
หนิงฝานหันมองหานหยวนจี๋ หันมองตู่กู และหันมองคนของโลกกระบี่ จากสีหน้าของทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนเจตจำนงค์กระบี่นั่นจะสำคัญมาก ดังนั้นเขาจึงยังไม่ชิงมาทันที
แต่หลังจากนั้น ชายชราก็แสดงสีหน้าเป็นเชิงให้หนิงฝานชิงเอา ชายชราอยากให้หนิงฝานได้ครอบครอง แม้จะต้องเป็นศัตรูกับคนของโลกกระบี่ก็ตาม
การชิงเจตจำนงค์กระบี่มาได้ นอกจากจะทำให้ชายชรามีความสุข ยังช่วยตู่กูปลดเปลื้องความทุกข์ใจ
“เจตจำนงค์กระบี่เป็นของข้า!” หนิงฝานสะบัดชายอาภรณ์ กระแทกผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจนปลิว จากนำสัมผัสกระเป๋า นำฝักกระบี่ออกมาแล้วเก็บเจตจำนงค์กระบี่ไป
เจตจำนงค์กระบี่นี้ เป็นเจตจำนงค์ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม นามว่า ‘กระบี่สลัก’!
เมื่อหนิงฝานชิงเจตจำนงค์กระบี่ สีหน้าผู้เยาว์คนนั้นแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
“เจ้า… เจ้า… นี่เจ้ากล้าชิงเจตจำนงค์กระบี่ไป! เจ้าไม่กลัวที่จะเป็นศัตรูกับผู้เชี่ยวชาญโลกกระบี่ทั้ง 70 ล้านคนใช่ใช่มั้ย?”
“ข้าไม่กลัว เพราะข้าไม่ไปโลกกระบี่...” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย แต่แววตากลับแปรเปลี่ยนเย็นชา
“หากข้าไปเยือนโลกกระบี่เมื่อใด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าลงกับข้า ต่อให้เป็นเทพกระบี่ก็ตาม! เช่นนั้นข้ามีอะไรต้องกลัว!”
ผู้เยาว์คนนั้นผงะถอย เจตนาสังหารของหนิงฝานทำให้มันหวาดกลัวและไม่กล้ากล่าว
การสูญเสียเจตจำนงค์กระบี่ไปไม่นับเป็นเรื่องร้ายแรงมากสำหรับมัน
แต่หากยั่วยุหนิงฝาน มันอาจถูกสังหารได้
หนิงฝานเป็นคนเสียสติ แม้จะรู้ถึงผลที่ตามมา แต่กลับยังชิงเจตจำนงค์กระบี่ไป
ดูเหมือนยามนี้ ผู้เยาว์คนนั้นต้องยอมกลับไปโลกกระบี่มือเปล่า โดยไม่ได้ตู่กูกลับไปด้วย
มันจะทำอย่างไร… มันจะทำอย่างไรดี
ในขณะที่ผู้เยาว์คนนั้นโกรธแค้น ตู่กูก็กระทืบเท้าด้วยโทสะ
นางเกลียดหานหยวนจี๋! ชายชรารู้ว่าเจตจำนงค์กระบี่สำคัญกับนางยังไง แต่ยังให้หนิงฝานช่วงชิง
และสุดท้าย หนิงฝานก็เป็นผู้ได้เจตจำนงค์กระบี่ไปจริงๆ
“เมื่อเจตจำนงค์กระบี่มาแล้ว ย่อมได้อย่างด้วยใช่หรือไม่...” หนิงฝานกล่าว
“ทำนองนั้น… นับจากนี้นางจะเป็นของเจ้า...” ชายชราชี้ไปที่ตู่กูด้วยสีหน้ามีความสุข
“หา! เดี๋ยวๆ ท่านล้อข้าเล่นหรือเปล่า?”
หนิงฝานไม่เชื่อว่าเรื่องที่กล่าวมาจะเป็นจริง
และยามนี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตู่กูถึงได้หวงเจตจำนงค์กระบี่มากนัก...