ตอนที่แล้วGE140 สามทางเลือก [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE142 นางเป็นของเจ้า [ฟรี]

GE141 ข้าไม่ยอม [ฟรี]


ภายในห้องที่มืดมิด สตรีที่งดงามหยดย้อย อาบน้ำอยู่ในอ่างไม้

หมอกควันลอยฟุ้ง ยากที่มองเห็นเรือนร่างของนางได้ชัดเจน

สตรีนางนั้น จิตใจของนางปั่นป่วน ยากจะสงบ

ไม่นานนัก เสียงเย้าหยอกของหนิงฝานก็ดังมาจากนอกประตู

“ซือซือ เจ้าไม่สบายที่ใด...ให้นายท่านของเจ้าได้ดูด้วยเถอะ… เสียงน้ำ… เจ้าอาบน้ำอยู่หรือ? ข้าเข้าไปแล้วนะ...”

“ช้าก่อน!”

นางตะโกนขึ้นก่อนจะลุกออกจากอ่างอาบอย่างรวดเร็ว แผ่ปราณขับน้ำที่เปียกปอนไปทั่วตัว เร่งสวมใส่อาภรณ์ทันท่วงที

แต่ด้วยที่จิตใจนางปั่นป่วน จึงทำผิดพลาดบางสิ่ง แต่ไม่มีเวลาให้นางได้แก้ไข เพราะหนิงฝานเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม และเดินตรงเข้าหานาง

“หอมมา… เจ้าอาบน้ำได้สะอาดดี… จื่อเฮ่อบอกข้าว่าเจ้าไม่สบาย และบอกให้ข้ามาหาเจ้า แต่จากที่เห็น… ดูเหมือนเจ้ากำลังยั่วยวนข้าเสียมากกว่า”

“อย่ามาใกล้ข้า!”

ซื่อหวูเสียแตกตื่นที่หนิงฝานเข้าใกล้ นางเร่งนำกระบี่ออกมา จ่อชี้ไปที่หน้าอกของหนิงฝาน จนทำให้เขาต้องชงักฝีเท้า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหายไปและถอนหายใจเบาๆ

ความทรงจำของนางทั้งหมดฟื้นคืนแล้ว… นางไม่ใช่สตรีผู้ใสซื่อ ผู้ที่จื่อเฮ่อชื่นชอบแล้ว

“ซื่อหวูเสีย ความทรงจำของเจ้าฟื้นคืนแล้วสินะ… แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อไป?”

“ข้าอยากได้โอสถก่อดวงจิต หากเจ้าไม่ให้… ข้าจะฆ่าเจ้า!” แววตาของนางแปรเปลี่ยนเย็นชา

เมื่อความทรงจำทั้งหมดฟื้นคืน นางก็จำได้ว่าผู้เยาว์เบื้องหน้า คือผู้ที่ทำลานนิกายเทียนหลีโม่ของนาง และมอบความอัปยศให้นาง

เมื่อครั้งที่นางสูญเสียความทรงจำ นางกลายเป็นเหมือนบ่าวที่ดูแลหนิงฝานเป็นอย่างดี… สิ่งต่างๆเหล่านั้นทำให้นางอัปยศ

ยิ่งหวนคิด เจตนาสังหารที่มีต่อหนิงฝานก็เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งยามนี้  นางยังคิดอยากจะแทงกระบี่ใส่หัวใจ เพื่อปลิดชีพหนิงฝาน เพียงแต่… มือของนางกลับสั่นเทา

นางไม่ละสายตาจากหนิงฝาน กระบี่ที่นางนำออกมาเป็นเพียงกระบี่วิญญาณระดับกลาง ไม่อาจทำอันตรายหนิงฝานที่บรรลุขอบเขตกระดูกเงินได้แม้แต่น้อย… ยามนี้ หนิงฝานกำลังเฝ้าดูความรู้สึกของนาง ความรู้สึกภายในที่นางปกปิดไว้

ไม่ว่ายังไง หนิงฝานไม่อยากเห็นนางเป็นศัตรู

“ที่แท้เจ้าต้องการโอสถก่อดวงจิต จึงช่วยเหลือข้าในวันนั้น?” หนิงฝานถอนหายใจ

“ถูกต้อง...”

“ย่อมได้… ข้ามีโอสถก่อดวงจิต เดิมเป็นของสือหยิน แต่เมื่อมันตาย โอสถก็เป็นของเจ้า...”

หนิงฝานหลับตา สัมผัสกระเป๋า นำเอากล่องหยกใบหนึ่งออกมาแล้วโยนให้นาง

“ได้โอสถก่อดวงจิตไปแล้ว เจ้าจะทำเช่นใดต่อ?”

“ฮึ่ม! เห็นแก่โอสถก่อดวงจิต ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า… นับจากวันนี้ไป เราไม่เกี่ยวข้องกันอีก...” อารมณ์ของนางเย็นลง

“เจ้าจะไป? ไม่คิดสังหารข้าแล้วเหรอ? หรือเจ้าไม่กล้า...” หนิงฝานลืมตา จ้องมองเข้าไปในดวงตานาง ราวกับเห็นความเป็นซือซืออยู่ในนั้น

“ฮึ่ม! ข้าแค่ไม่อยากสังหารเจ้า แต่หากเจ้ายังยั่วโมโหข้า ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!”

“เจ้าสังหารข้าไม่ได้หรอก...” หนิงฝานใช้นิ้วดีดกระบี่ยาวในมือของนางจนสั่น ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ… เพียงขยับนิ้วกระบี่ของนางก็พัง มีเพียงผู้ที่บรรลุขอบเขตกระดูกเงินเท่านั้นที่ทำได้ และในขณะนั้นเอง หนิงฝานฉวยโอกาสรวบตัวนางเข้ามาในอ้อมกอดจนทำให้นางตกตะลึง แต่นางในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุด จึงพยายามดิ้นเต็มกำลัง

“เจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกันเชียว! เมื่อปีก่อน เพียงข้าขยับมือเจ้าก็ต้านไม่ได้แล้ว! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเจ้า..”

“เจ้าวางใจเถอะ ที่ข้ากอด...ไม่ได้กอดซื่อหวูเสีย เพียงกอดซือซือเท่านั้น… หากเจ้าจะไป ข้าจะไม่ห้ามเจ้า และจะไม่หลบความทรงจำของเจ้าอีก… แต่หากว่าเจ้าคิดร้ายต่อเมืองหนิง คิดร้ายต่อจื่อเฮ่อ ต่อให้เจ้าเป็นแม่ชีพรหมจรรย์ ข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไว้เด็ดขาด”

คำขู่ของหนิงฝานแฝงด้วยเจตนาสังหาร จนทำให้สีหน้าซื่อหวูเสียแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“เจ้ากล้าเหรอ! หากเจ้าทำ ร่างจริงของข้าจะตามล่าเจ้า ข้า… ข้า...”

นางพยายามดิ้นรนแต่ไม่อาจหลุดจากอ้อมกอดเขาได้ คำข่มขู่ของนางแฝงด้วยความเศร้า นางพูดไม่ออก ได้แต่เพียงด่าทอและข่มขู่เท่านั้น

แม่ชีพรหมจรรย์คือสตรีที่ศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ยอมให้ผู้ใดได้แตะเนื้อต้องตัว การที่หนิงฝานสัมผัสกายนางในยามนี้ จึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง

ไม่ยอม… แต่ถึงแม้นางจะฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมด นางยังไม่คู่มือหนิงฝาน ทั้งยังหลุดจากอ้อมอกของเขาไม่ได้

ไม่นานหนิงฝานก็ปล่อยนาง เขานั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลพลางจิบชา

“เจ้าไปเถอะ ก่อนที่ข้าเปลี่ยนใจ...”

หนิงฝานเปิดโอกาสให้นาง แต่ซื่อหวูเสียรู้สึกว่า แม้หนิงฝานดูละการป้องกัน แต่หากนางจู่โจม เขาก็จะสังหารนางได้ง่ายๆ

นางสังหารหนิงฝานไม่ได้ ทั้งคิดร้ายต่อเมืองหนิงไม่ได้… เพราะนางยังคงเป็นซือซือ ที่ได้ความทรงจำของซื่อหวูเสียมา และนางจะไม่มีวันทำร้ายจื่อเฮ่อเด็ดขาด

นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะยอมมอบโอสถก่อดวงจิตให้นางง่ายขนาดนี้

สิ่งที่นางคาดไม่ถึงอีกอย่างคือ หนิงฝานจะแข็งแกร่งกว่านางมาก หากเขาจะลบความทรงจำของนางอีกครั้ง ย่อมทำได้ไม่ยาก

นางก้าวเดินออกจากห้อง และหนิงฝานก็ไม่ห้ามนาง

“เหตุใดเขาไม่ห้ามข้า… เหตุใดเขาไม่สังหารข้า...” เสียงเท้าของนางเหยียบย่างไกลออกไป แต่ไม่มีผู้ใดติดตามนาง

หลังจากนางจากไป หนานกงเผยตัวจากเงามืด เดินเข้ามาภายในห้องแล้วกล่าวถามหนิงฝานที่กำลังจิบชา

“นายน้อย ดีแล้วหรือที่ปล่อยนางไป? นางเป็นถึงประมุขนิกายเทียนหลีโม่ นับเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเมืองหนิงและเมืองฉีเหม่ยเรา...”

“ศัตรูคู่อาฆาต? ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก… นางแค่เกลียดข้าที่ทำลายนิกายของนาง ทำลายแผนที่นางวางเอาไว้ เมื่อยามนั้นข้าไม่รู้ว่านางคือร่างจำแลง ไม่รู้แผนการของนาง ถึงตอนนี้ก็ไม่อยากรู้ด้วย… แต่ข้าก็พอเดาได้ว่า นางคือผู้ที่มีชื่อเสียงในแดนสวรรค์… แม้นางจะดูกล้าหาญ แต่ไม่กล้าอะไรนักหรอก ยิ่งด้วยนิสัยนาง นางยิ่งหนีไปไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี เพราะนางกลัวว่าข้าจะกลับคำ และจับนางกลับมาอีกครั้ง...” หนิงฝานจิบชา

“นายน้อยไม่ได้กล่าวความในใจ...” หนานกงขมวดคิ้ว

“ฮ่าฮ่า… ข้าปิดบังเจ้าไม่ได้จริงๆ! ข้าสังหารซื่อหวูเสียได้ แต่ข้าไม่อาจสังหารซือซือ… หากข้าลบความทรงจำของนางอีกครั้ง ซือซือจะหายไป นางไม่ได้เป็นอันตรายกับเราขนาดนั้น หากเทียบกันแล้ว ศัตรูของข้าน่ากลัวกว่านางมาก… หนานกง ข้าจะออกเดินทางสักระยะ อีก 10 วันให้หลังข้าจะกลับมา...”

หนิงฝานวางถ้วยชาก่อนที่เงาร่างจะหายไปในราตร

ซื่อหวูเสียมีเรื่องที่ต้องทำ นางจึงเลือกที่จะออกจากเมืองหนิง

นางมีเรื่องที่ไม่ว่ายังไงต้องทำให้ได้

ภายในห้องซื่อหวูเสีย… หนานกงถอนหายใจ

“นายน้อยยังเลือดเย็นไม่พอ… หรือที่นายท่านรับนายน้อยเป็นศิษย์ ก็ด้วยเพราะเหตุนี้?”

ภายในเมืองฉีเหม่ย ผู้เยาว์คนหนึ่งเดินฝ่าหิมะ

ชุดคลุมเป็นสีดำ อาภรณ์ด้านในสีขาว รูปร่างผอมบาง ใบหน้าซีดขาว แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความอาจหาญ

เมื่อผู้เยาว์คนนั้นเดินมาถึงประตูเมือง ทหารนับ 10 ก็กรูกันออกมา

พวกมันสัมผัสถึงกลิ่นอายของผู้เยาว์คนนี้ไม่ได้ เมื่อผู้เยาว์เดินมาจนถึงประตู ตาของพวกมันจึงมองเห็น

คนผู้นี้เป็นผู้ใด? ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ?

ตั้งแต่ 3 กองทัพปีศาจจากเมืองฉีเหม่ยไป กองทัพของ 4 ตระกูลก็เข้ารับช่วงต่อ พวกมันอ่อนแอกว่า ทั้งประสบการณ์น้อยกว่า ที่สำคัญ พวกมันยังไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำมาก่อน

แต่ที่หนักไปกว่านั้น คือพวกมันไม่รู้จักนายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ย

“เจ้าเป็นใคร!” ทหารคนหนึ่งกล่าวถาม

“หนิงฝาน… นายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ย...” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย ผายมือเป็นเชิงให้เหล่าทหารที่ชักอาวุธออกมาหลีกทางให้

เมื่อพวกมันได้ยินชื่อหนิงฝาน พวกมันตกตะลึงและยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง

“ปะ...ปีศาจทมิฬหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่… ไม่! นายน้อยกลับมาแล้ว! นายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ยช่างแข็งแกร่งนัก!”

“อา… ข้ากลับแทบตาย นึกว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะเลยชักกระบี่ออกมา” พวกมันเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานวิญญาณ แต่กลับทำราวกับเป็นเจ้าเมือง

แม้พวกมันจะกล่าวซุบซิบกัน แต่หนิงฝานได้ยินทั้งหมด

แต่ในขณะนั้นเอง หนิงฝานกลับชงักฝีเท้า แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ที่เจ้ากล่าวเมื่อครู่ แสดงว่ามีคนมาก่อเรื่องที่เมืองฉีเหม่ยใช่หรือไม่?”

“เรียนนายน้อย… มีผู้มาก่อเรื่องจริงๆ ได้ยินมาว่ามันผู้นั้นมีที่มาไม่ธรรมดา และเคยเป็นศัตรูกับนายท่านมาก่อน...”

เมื่อได้ยินเหล่าทหารกล่าว เจตนาสังหารของหนิงฝานก็ปะทุ

แต่ในเจตนาสังหาร ยังมีความเป็นห่วงอยู่ด้วย

หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพปกคลุมพื้นที่พันลี้ เพ่งไปที่ตำหนักซื่อฟาน พบกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญนับ 10

พวกมันกำลังขุดสุสานของตู่กู… พวกมันช่างกล้านัก!

“ช่างกล้านัก!”

หนิงฝานแค่นเสียงที่แฝงแรงกดดันอันยากจะกล่าว ทำให้พวกที่กำลังขุดสุสานในตำหนักซื่อฟานหน้าถอดสีและหวาดกลัว

“ผะ...ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม?!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด