GE139 ชู่ซวนเชียนสื่ออับอาย [ฟรี]
สงครามที่เกิดขึ้น ณ เมืองหนิง ได้ตกตะลึงไปทุกนิกายในแคว้นเยว่
นิกายจี๋หลิงถูกทำลาย ปีศาจศพอสูรที่เคยผงาดเมื่อ 2 พันปีที่แล้ว ได้ปรากฏตัวในแคว้นเยว่อีกครั้ง
ในการต่อสู้ ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 3 คนปรากฏตัว... เกิดปรากฏการณ์มังกรเพลิงยักษ์ที่มองเห็นไปทั่วทั้งแคว้นเยว่
พื้นที่การต่อสู้ที่รุนแรงกินวงกว้างกว่าหลายร้อยลี้ ทุกหนแห่งถูกเปลวเพลิงแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าสำรวจตกตะลึง
นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญมากมายได้มุ่งหน้ามาเยือนเมืองหนิง เพื่อหวังได้พบผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั้ง 2 คน… หนึ่งคือจิงสั่ว อีกหนึ่งคือปีศาจทมิฬหนิง และผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับผู้คน คือหนานกง
“หากท่านมีข้อสงสัยใดให้ถามข้า ข้าจะตอบด้วยความสัตย์จริง...” หนานกงนั่งอยู่บนกำแพงเมืองจิบชา
ไม่ไกลนัก ประมุขนิกายระดับ 2 ของแคว้นจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ พวกมันนำกระเป๋าออกมา ยื่นส่งให้หนานกงแล้วยิ้มพลางกล่าว “ฮ่าฮ่า… แม่ทัพหนาน ท่านเป็นถึงมือขวางของท่านปีศาจทมิฬหนิง ท่านย่อมรู้ความลับมากมาย… นี่...ถือเป็นของกำนัลแด่ท่าน”
“ฮ่าฮ่า… เหตุใดต้องสุภาพเช่นนั้น ข้ารับของท่านไม่ได้หรอก” หนานกงจงใจปฏิเสธ แม้ประมุขนิกายเหล่านั้นจะกัดฟันมอบสมบัติให้ก็ตาม
แต่สุดท้ายหนานกงก็ต้องรับ เมื่อแผ่สัมผัสเทพตรวจสอบ ในกระเป๋าในคนเหล่านั้นมอบให้ มีหยกสวรรค์อยู่อย่างน้อย 1 หมื่น
“ข้าตั้งใจท่านแล้วก็ไม่อาจถอนคืน… ข้ามีคำถามอยู่เล็กน้อยอยากถามท่าน โปรดให้คำตอบพวกข้าด้วย”
“ข้าสงสัยรู้ว่า ผู้ที่สังหารปีศาจศพอสูรคือปีศาจทมิฬหนิงใช่หรือไม่? ข่าวลือว่า ปีศาจทมิฬหนิงคือปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่… เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ นายน้อยของข้าคือหนิงฝาน ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ทั้งยังไม่ใช่ทั้งผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ข้าหนานกงยืนยัน!” หนานกงกล่าวอย่างจริงจัง
หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวแก่นทองคำ แต่เรื่องที่หนิงฝานคือปีศาจทมิฬหนิงนั้น หนานกงบอกผู้ใดไม่ได้
“เห้อ… ในเมื่อแม่ทัพหนานกล่าวเช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจถามต่อได้แล้ว...” ประมุขนิกายที่มาผิดหวัง แต่ก็นับถือหนานกงและเมืองหนิง
“ฮ่าฮ่า..” หนานกงยิ้ม
ยุ่ยฉีที่นั่งอยู่ใกล้ๆมองหนานกงด้วยสายตาที่นับถือ
สมแล้วที่เป็นหนานกง มันสามารถจัดการสิ่งต่างๆไปเป็นอย่างดี หยกสวรรค์ที่ได้มา ก็จะนำไปบำรุงเมืองหนิง และเหตุที่เมืองหนิงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นฝีมือของหนานกง
“ยามนี้สงครามได้สิ้นสุดแล้ว เช่นนั้น ข้าหนานกงจะบอกเล่าเรื่องราวให้พวกท่านฟัง”
เมื่อหนานกงจะเล่าเรื่อง เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่มาก็ตั้งใจฟัง เพราะกลัวจะพลาดสิ่งสำคัญไป
เมื่อหนานกงกล่าวถึงเรื่องราวที่น่าหวาดกลัวของปีศาจศพอสูร สีหน้าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เมื่อบอกเล่าถึงเรื่องของปีศาจทมิฬหนิงผู้สังหารเทียนยี่ ทุกคนก็ดวงตาเบิกกว้าง ทั้งหมดคาดไม่ถึงว่าปีศาจทมิฬหนิงจะแข็งแกร่งขนาดนั้น
“แม่ทัพหนาน ท่านพอจะช่วยให้ข้าพบปีศาจทมิฬหนิงได้หรือไม่...”
“นับเป็นเรื่องยาก… หลังจากจบสงคราม ท่านปีศาจทมิฬหนิงก็เก็บตัวฝนฝน บางที… อีก 10 ปีข้างหน้าอยากจะยังไม่ออกมาก็เป็นได้ เว้นแต่เพียงเมืองหนิงประสบกับสถานะการณ์เลวร้ายที่ไม่อาจรับมือ ท่านจึงจะปรากฏตัว”
“พวกข้าเข้าใจแล้ว… ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก...”
…
หนานกงรับหน้าที่ต้อนรับผู้เชี่ยวชาญที่มาเยือนเมืองหนิง ซื่อถูรับหน้าที่จัดการกับศพของคนที่ตายในสงคราม ยุ่ยฉีรับหน้าที่ดูแลเส้นชีพจรพิภพ
ยามนี้ หนิงฝานกำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในห้องลับ ถัดออกไปไม่ไกลมีชู่ซวนเชียนสื่อที่นอนหมดสติได้ 3 วันแล้ว
หนิงฝานใช้โอสถสะกดพิษของนางไว้ชั่วคราว แม้พิษของนางจะไม่รุนแรงมากนัก แต่ขั้นตอนการถอนกลับยากลำบาก เขาจึงเลือกที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองก่อน
หนิงฝานบาดเจ็บหนักจากต่อสู้ เขาไม่รู้ว่าตนเองใช้แก่นโลหิตไปกับวังวนมังกรเพลิงที่ 6 มากเท่าไหร่… ตั้งแต่หนิงฝานแบ่งจิตวิญญาณเป็น 2 ส่วน สร้างร่างจำแลงของตนขึ้นมา วิญญาณของเขานับว่าได้รับความเสียหายอยู่แล้ว ยิ่งได้รับบาดเจ็บและเสียแก่นโลหิตจำนวนมาก พลังของเขาจึงลดลงไปมาก
แต่อาการบาดเจ็บนี้รักษาไม่ยากนัก เพียงแค่ต้องเก็บตัวฝึกฝนอย่างน้อย 10 ปี แก่นโลหิตที่เสียไปจึงจะกลับมา แต่หากไม่ทำอย่างนั้น หนิงฝานจะมีอายุที่สั้นลง จนไม่อาจอยู่ได้ถึง 200 ปี
หนิงฝานนั่งขัดสมาธิบนเบาะนั่ง เบื้องหน้าเต็มไปด้วยสมบัติหลังจากจบสงคราม
หนิงฝานหลับตา ขบคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดและสำเร็จ
สือหยินมีวิชาระดับสูงมากมาย อย่างเช่นวิชากรงเล็บวายุในระดับดวงจิตแรกเริ่ม แต่วิชานี้เหมาะสำหรับปราณธาตุวายุ ไม่เหมาะกับหนิงฝาน แต่ถึงอย่างนั้น มันยังมีวิชาที่ทำให้หนิงฝานสนใจเป็นอย่างมาก
‘วิชามุกหยิน’... เป็นวิชาที่ฝึกฝนและสร้างมุกหยินขึ้นมาในกาย ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือประมุขนิกายจี๋หลิง พวกมันล้วนฝึกฝนวิชานี้… วิชามุกหยิน นอกจากฝึกฝนเพื่อสร้างมุกหยินแล้ว ยังมีวิธีที่ทำให้มุกหยินผสานกับแก่นทองคำได้ด้วย
หนิงฝานคาดเดา หากตนสามารถบรรลุวิชาในระดับเดียวกับสือหยินได้ โดยที่แก่นทองคำผสานกับมุกหยินได้สำเร็จ เขาก็จะมีโอกาสบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ง่ายกว่าคนทั่วไป อย่างน้อยๆก็มีโอกาสมากกว่าคนทั่วไป 1 ใน 10 ส่วน
วิชานี้เป็นประโยชน์กับหนิงฝาน แต่ก่อนที่เขาจะบรรลุแก่นทองคำ เขาจะยังไม่ฝึกฝนมัน
นอกจากนี้ สือหยินยังสีสมบัติบางชนิด มันคือโถสีม่วงที่ต้องตาหนิงฝาน
ชามม่วงคือสมบัติวิญญาณระดับสูง และดูเหมือนจะแฝงไปด้วยเจตจำนงค์แห่งเทพ ที่ช่วยเสริมการจู่โจมให้รุนแรงขึ้น
นอกจากทั้งสองสิ่งนั้นแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดของสือหยินที่ทำให้หนิงฝานสนใจได้อีก
เมื่อหันกลับมามองซากร่างของปีศาจเฒ่า หนิงฝานก็นำสมบัติและโอสถที่วางเรียงรายออก เพื่อศึกษาวิชาของปีศาจเฒ่า นามว่า ตำราศพอสูร
มันเป็นวิชาที่เหมาะกับผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณศพอสูร วิชามีด้วยกัน 3 ขอบเขต เมื่อผ่านไปพ้น 3 ขอบเขตนั้นไป ศพจะบรรลุเซียน และหลังจากนั้น อาจได้บรรลุถึงเทพปีศาจ
หนิงฝานมีเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณ เป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนตำราศพอสูร แต่มันก็ทำให้เขาเกิดความคิดดีๆ... ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์นั้น ไม่ได้กล่าวถึงเทพปีศาจมาก่อน ตัวตนของมันเป็นเช่นใดย่อมไม่ทราบ ดังนั้น ตำราศพอสูรจึงมีประโยชน์กับเขามาก
วิชาแปลงศพ… เป็นทักษะที่ใช้ปราณศพจากเส้นลมปราณศพอสูร เปลี่ยนให้ผู้เชี่ยวชาญกลายเป็นศพที่มีชีวิต
เนตรศพอสูร… ดวงตาดวงที่ 3… วิชานี้ก็เหมาะกับผู้ครอบครองเส้นลมปราณศพอสูร เมื่อบรรลุ จะมีดวงตาที่ 3 ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก เมื่อดวงตายกระดับไปถึงขั้นสูง จะสามารถใช้วิชาลวงตาที่ทรงพลังได้ ทั้งยังใช้ ‘สัมผัสปีศาจ’ ได้เช่นกัน หนิงฝานสนใจมันมาก
ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญจะฝึกฝนร่างกายแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ยังแพ้สัมผัสปีศาจ… สิ่งที่เทียนยี่ใช้ยังไม่เรียกว่าสัมผัสปีศาจที่แท้จริง เพราะหากเป็นสัมผัสปีศาจที่แท้จริง แม้เป็นหนิงฝานก็รับมือไม่ได้ แต่เพียงเซียนแห่งแดนสวรรค์ทั้ง 4 เท่านั้นที่รับมือได้
สัมผัสปีศาจทำให้หนิงฝานอยากครอบครอง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีเส้นลมปราณศพอสูร
เนตรศพอสูร เป็นเพียงดวงตาที่ทำให้หน้าที่หยิบยืมสัมผัสปีศาจ เพราะแม้เป็นผู้ฝึกฝนสัมผัสปีศาจ แต่ยังไม่อาจสั่งการได้ตามใจนึก
“หากข้าลองวิธีอื่น… ดึงสัมผัสปีศาจออกมาด้วยวิธีอื่น เพื่อให้ใช้สัมผัสปีศาจได้โดยไม่จำเป็นต้องครอบครองเส้นลมปราณศพอสูร”
หนิงฝานขบคิด หากไร้ซึ่งเนตรศพอสูร เขายังพอหาวิธีดึงสัมผัสปีศาจออกมาได้ แต่สิ่งที่เขากังวล คือจะรับมือกับมันอย่างไร
บางทีโม่หนิงอาจต้านรับได้ แต่หากไม่ได้ทุกอย่างก็จบ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ปีศาจเฒ่ายังมีวิชาที่ทรงพลังอยู่หลายวิชา หนึ่งในนั้นคือวิชากระดูกยักษ์ เป็นวิชาที่จะเปลี่ยนให้ผู้ฝึกเป็นยักษณ์นับพันจ้าง เป็นวิชาที่เป็นประโยชน์กับหนิงฝานมาก
บางที… ของล้ำค่าที่สุดที่เหลือจากการต่อสู้ อาจเป็นซากร่างของปีศาจเฒ่า
หนิงฝานเผาซากร่างของปีศาจเฒ่า แต่ยังมีส่วนที่เหลืออยู่และทนทานมาก หากหนิงฝานสร้างศพได้แข็งแกร่งพอ มันจะต้านได้กระทั่งการจู่โจมผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
ในระหว่างที่สิ่งต่างๆที่ได้หลังสงคราม หนิงฝานได้ยินเสียงของชู่ซวนเชียนสื่อ หนิงฝานก็วางทุกอย่างลง
ชู่ซวนเชียนสื่อในยามนี้อยู่ในชุดอาภรณ์เหลือง นางนอนหลับไม่ได้สติ
นางในยามนี้เหมือนสตรีทั่วไป มีใบหน้าที่น่ารักและงดงาม เฉกเช่นสตรีวัยแรกแย้ม เพียงแต่นางอายุได้ 600 ปีแล้ว
แม้ยามนี้นางจะหลับไหล แต่คิ้วยังคงขมวดแน่ด้วยความเจ็บปวด และร้องออกมาเบาๆ
ในระหว่างการต่อสู้ที่ผ่านมา ปีศาจเฒ่าได้ใช้พิษที่รุนแรงชนิดหนึ่ง หากเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั่วไป พวกมันจะตกตายทันที แต่ชู่ซวนเชียนสื่อแข็งแกร่ง จึงสะกดพิษเอาไว้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจยื้อได้อีก
เหตุที่นางต้องพิษ เพราะหนิงฝานใช้ให้นางไล่ตามปีศาจเฒ่าไป ดังนั้นผู้ที่ผิดคือหนิงฝาน... แม้นางต้องพิษแต่นางไม่กล่าว หากเป็นจื่อเฮ่อ นางคงบอกทันที
ชู่ซวนเชียนสื่อเป็นสตรีที่เข้มแข็ง… ไม่แปลกที่นางฝึกฝนมาได้ถึง 600 ปี และก้าวไปยังระดับที่เทียบเคียงประมุขนิกาย
และในยามที่เมืองหนิงเผชิญวิกฤต นางก็เป็นผู้เดียวที่ออกหน้าช่วย ทำให้หนิงฝานทราบซึ้งในตัวนาง
“ช่างห้าวหาญนัก...” หนิงฝานกล่าวเบาๆ พลางเปิดกระโปรงของนางขึ้น เผยให้เห็นเรียวขาที่งดงาม ที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน
แต่ขาที่เรียวขาวของนางนั้น กลับมีเส้นโลหิตสีม่วงปูดดโปนเป็นสาย ราวกับภายในกำลังมีหนอนคืบคลาน
หนิงฝานเปิดกระโปรงของนางจนถึงเข่า เพราะแม้นางจะต้องพิษ แต่หากนางรู้สึกตัวตื่น อาจกลายเป็นปัญหาได้
แต่เรียวของนางช่างงดงามนัก งดงามยิ่งกว่าสตรีใดในแคว้น
หนิงฝานคิดฟุ้งซ่าน เขาเร่งดึงสติกลับและด่าตนเองที่คิดไร้สาระ จากนั้นถอนรองเท้าของนาง เผยให้เห็นเท้าที่ขาวนวล
เท้าของนางก็งดงามสมบูรณ์แบบไม่ต่างจากเรียวขา
เพียงแต่… เท้าของนางไวต่อความรู้สึกมาก หนิงฝานเพียงสัมผัสเบาๆ แต่นางที่หมดสติอยู่กลับอุทาน
“อื้ม...”
หนิงฝานตกตะลึง หัวใจแห่งปีศาจเริ่มปั่นป่วน
“ข้าสัมผัสกายสตรีที่ล้ำค่าที่สุดในแคว้นเยว่ แจ่แม้นางจะสูงส่งเพียงใด นางย่อมหนีข้าไม่พ้น...”
เสียงหนึ่งปรากฏขึ้นในใจหนิงฝาน ความคิดในด้านลบเพิ่มพูน
“ไสหัวไป!”
หนิงฝานสยบหัวใจปีศาจของตน
ไม่ว่าอย่างไร การกระทำของหนิงฝานไม่ต่างไปจากการล่วงเกินนาง การที่คิดร้ายต่อผู้มีพระคุณ เป็นเรื่องที่หนิงฝานรับไม่ได้
“พิษหนอนไหม การถอนพิษนับเป็นเรื่องยาก หากจะทำแล้ว ก่อนอื่นต้องชักนำพิษเหล่านั้นมารวมกัน...”
หนิงฝานถอนหายใจ สองสัมผัสหัวเข่าทั้งสองข้างของนาง และถ่ายปราณเข้าไปยังบริเวณที่มีพิษอยู่
ความรู้สึกที่เย็นเคลื่อนไปตามขาของนาง
ลมหายใจนางเริ่มถี่กระชั้น เมื่อพิษทั้งหมดมารวมกันเป็นจุดเดียว นางกลับรู้สึกตัวตื่นแต่ไม่กล้าลืมตา เพราะนางรู้ว่าหนิงฝานกำลังสัมผัสขาของนางอยู่
“เจ้า… เจ้ากำลังอะไร! ช่างกล้านัก!” ในขณะที่นางกำลังจะลืมตาต่อว่า นางกลับพบว่าหนิงฝานกำลังช่วยนางถอนพิษ
ความโกรธในใจนางหายไป เมื่อมีคนถอนพิษให้ นางย่อมไม่ปฏิเสธ
การที่นางไม่อาจข่มใจลืมตานั้น ช่างทำให้นางอึดอัด
แต่ถึงอย่างนั้น นางทำได้เพียงอดทน และรับสัมผัสอุ่นจากมือหนิงฝาน
ด้วยความที่เท้าของนางไวต่อความรู้สึกมาก ทุกครั้งที่หนิงฝานสัมผัส นางจะรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของนางเริ่มแดงระเรื่อ ในใจกำลังอดทนอดกลั้น เพราะนางไม่อาจเปล่งเสียงแปลกๆออกไป นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ เหตุใดจะเปล่งเสียงเช่นนั้นได้
แต่ยิ่งทน ใบหน้าของนางก็ยิ่งแดงมากขึ้นเรื่อยๆ สติเริ่มเลือนลาง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง
“รีบ… ถอนพิษ...” นางภาวะนาให้หนิงฝานถอนพิษเสร็จเร็วๆ เพราะนางไม่อาจให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอน
นางไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้... นางต้องเป็นสตรีผู้หยิ่งทะนง...