ตอนที่แล้วGE137 สงคราม (5) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE139 ชู่ซวนเชียนสื่ออับอาย [ฟรี]

GE138 สงคราม (6) [ฟรี]


ภายในสุสานวิหคทมิฬ… หมิงเชว่กอดห่อโอสถที่ภายในบรรจุโอสถจำนวนมากเอาไว้ นางแหงนมองขึ้นไปบนท้องนภา เหม่อมองไปยังชั้นล่างของสุสาน

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นางทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันข้างกายโม่หนิง

สิ่งที่ทำให้นางไม่เข้าใจ เหตุใดโม่หนิงถึงได้แตกต่างจากไป๋ฝานนัก ไม่เคยยิ้มให้นางสักครั้ง แต่เมื่อนางขอให้ปรุงโอสถให้ โม่หนิงก็ปรุงโอสถให้ เมื่อนานไปนางจึงรู้ว่า โม่หนิงผู้เย็นชาไม่เคยยิ้ม กลับมีความอ่อนโยนอยู่ภายใน

“ท่านพี่โอสถไปแล้ว… ข้าจะกินโอสถที่ท่านปรุงให้...”

ความรู้สึกต่างๆเอ่อล้นขึ้นมาจากหัวใจดวงน้อยๆของนาง น้ำตาไหลรินโดยไม่อาจกลั้น ทำให้ตัวนางตกใจ

“ท่านปู่ เหตุใดดวงตาข้าถึงมีฉี่ออกมา...” นางกล่าวถามด้วยความตระหนก

“เด็กน้อย… นั่นไม่ได้เรียกว่าฉี่ แต่มันคือน้ำตา… เมื่อเจ้าคิดถึงผู้ใดมากๆ น้ำตาจะไหลออกมา เช่นหากเจ้าคิดถึงครอบครัว น้ำตาเจ้าจะไหล...” ชายชรามองนางพลางถอนหายใจ

“น้ำตา… น้ำตาคือสิ่งใด? ครอบครัวคือสิ่งใด?” เมื่อกล่าวถึงครอบครัว หัวใจดวงน้อยๆของนางกลับบีบรัดแน่น

“ครอบครัว...คือสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แม้เจ้าจะจากไกลยังห่วงหา… บ้านของเจ้าคือสุสานวิหคทมิฬแห่งนี้ ส่วนบ้านของข้า ช่างอยู่ไกล...แสนไกล มีชื่อว่า ‘โลกแห่งต้นไม้’... เจ้าหนิงฝานมีพรสวรรค์สูงส่ง แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ กลับสร้างร่างจำแลงของตนได้… ผู้ที่จะสร้างร่างจำแลงได้นั้น สมควรบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มก่อน หากเขาอยู่ในโลกต้นไม้ เขาจะกลายเป็นเด็กที่ถูกสวรรค์เลือกสรรค์...”

หมิงเชว่เกาหัวด้วยความสงสัย นางกินโอสถอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่เข้าใจถึงความเศร้าของชายชรา

แต่นางยังรู้สึกว่าชายชรากล่าวผิด เพราะบ้านของชายชรานั้น สมควรเป็นสุสานแห่งนี้

ตั้งแต่หนิงฝานได้ช่วยนางถอนพิษไร้ลักษณ์ นางฝันอยู่เสมอว่าตนเองมีนามว่าซือชาง สถานที่ที่เรียกว่าบ้านของนาง อยู่ไกลแสนไกลเช่นกัน

“ท่านปู่ ข้าอยากออกไปจากสุสาน...” เมื่อนางนึกถึงนามซือชาง นางกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก และไม่เข้าใจในความรู้สึกนี้

“พูดจากไร้สาระ สุสานแห่งนี้มีข่ายอาคมพิเศษ ที่ป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรออกไปจากที่นี่… แต่ถึงเจ้าจะออกไปได้ อย่าลืม… ว่าเจ้าคือสมุนไพรปีศาจ สมุนไพรผันแปรที่ 5! หากเจ้าจากสุสานแห่งนี้ไป ไร้ซึ่งข้าปกป้อง มนุษย์ที่อยู่ข้างนอกนั่นจะตามล่าเจ้า! พวกมันไม่กลัวเจ้าแม้แต่น้อย” สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“อืม...” นางขานรับเบาๆ แต่ในใจยังคงมีคำถาม

มนุษย์น่ากลัวจริงหรือ?

เหตุใดท่านพี่โอสถถึงได้กับข้านัก?

ความรู้สึกที่น่าจดจำมากมายผุดขึ้น ไม่น่ากลัวสักนิด...

นางเคยฝันว่า ที่โลกภายนอกนั้น มีผู้คนมากมายบูชานาง คุกเข่าให้นาง…

“ข้าอยากออกไปจากสุสาน...” นางกล่าวในใจ

ความคิดและความรู้สึกต่างๆเหล่านั้น เกิดขึ้นเมื่อโม่หนิงกลับออกจากสุสาน

อีกฝั่ง… หนิงฝานผสานร่างกับโม่หนิง แปรเปลี่ยนเป็นหนิงฝานคนเดิม

หนิงฝานในอาภรณ์ขาวดำ แววตาแฝงด้วยเจตนาสังหาร เส้นลมปราณเพลิงน้ำแข็งโคจร ราวกับเทพและปีศาจผสานรวม

ไป๋ฝานเปรียบดั่งเทพ โม่หนิงเปรียบดั่งปีศาจ สองขั้วผสาน แปรเปลี่ยนเป็นหยินหยางที่สมบูรณ์ และนั่น เป็นเต๋าแห่งหยินหยางที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

ไกลออกไปจากเมืองหนิงพันลี้ ทุกสิ่งบริเวณนั้นถูกทำลายพินาศ จิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อไล่ล่าปีศาจเฒ่า

ประกาศิตสังหารได้หมดฤทธิ์ แต่ปีศาจเฒ่ายังดิ้นรนให้ตนเองมีชีวิตรอด!

มันบาดเจ็บสาหัส โลหิตสีดำไหลอาบทุกหนแห่ง แม้ระดับร่างกายของมันจะถดถอยลง แต่ระดับจิตใจของมันกลับเพิ่มพูน!

หากเป็นจิงสั่วที่ต้องประกาศิตสังหาร มันจะตกตายอย่างไม่ต้องสงสัย ยามนี้ มันนึกไม่ออกจริงๆว่าหนิงฝานใช้ปราณกระบี่ระดับนี้ได้อย่างไร

การปรากฏของปราณกระบี่สังหารเซียนทำให้จิงสั่วขนหัวลุก แต่เหตุที่มันไม่ยอมหนี เพราะคิดจะฉวยโอกาสที่ปีศาจเฒ่าบาดเจ็บสาหัส สังหารมันให้สิ้นซาก

หากสังหารมันได้ ก็ไม่ต้องหนีไปจากแคว้นเยว่ ทั้งยังช่วยให้แคว้นเยว่รอดพ้นวิกฤติได้

มันเคยกล่าวว่าจะยกนิกายเพลิงเมฆาให้หนิงฝาน เพราะมันรู้ว่าหนิงฝานจะดูแลนิกายเป็นอย่างดี และมันเองก็ผูกพันกับนิกายเพลิงเมฆามาก

“แม่นางเชียนสื่อ เรามาร่วมมือกันสังหารมันเถอะ...” จิงสั่วกล่าวด้วยสัมผัสเทพ

“ไม่จำเป็น… เค้ามาแล้ว...” นางเงยหน้ามองท้องนภาพลางยิ้ม

เงาร่างของหนิงฝานปรากฏไกลออกไปร้อยลี้ จิงสั่วสัมผัสถึงตัวตนของหนิงฝานไม่ได้

แต่ชู่ซวนเชียนสื่อสัมผัสได้ สตรีมักจะมีสัมผัสเทพพิเศษกว่าบุรุษ

ปราณกระบี่สังหารเลือนหาย ผืนนภาว่างเปล่า ปีศาจเฒ่าทะยานไปบนนภา ไม่สนใจจิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อ

แม้มันจะบาดเจ็บสาหัส แต่มันสังหารทั้งสองได้ไม่ยาก เพราะมันยังมีไพ่ตาย!

ความเกลียดชังในใจเพิ่มพูน ปีศาจเฒ่าไม่สนว่าจะสังหารจิงสั่วหรือชู่ซวนเชียนสื่อ มันสนเพียงต้องสังหารคนผู้หนึ่ง ผู้ที่กำลังตรงเข้ามาหามัน

“หนิงฝาน! ที่แท้เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม! ไม่แปลกที่เทียนยี่จะถูกเจ้าสังหาร!” ปีศาจเฒ่าแผดเสียงด้วยโทสะ

การแต่งการของหนิงฝานไม่ได้ต่างไปจากเดิมนัก สีหน้ายังคงเดิม หยุดยืนกลางนภาไม่สนปีศาจเฒ่า ก้มมองจิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อพลางยิ้มให้

“ลำบากทั้งสองแล้ว… ต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง พวกท่านกลับไปพักเถอะ...”

แม้ไม่อยากเชื่อสายตา แต่กลิ่นอายของหนิงฝานทรงพลังยิ่งกว่าจิงสั่ว! เพราะกลิ่นอายของเขาคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่แท้จริง!

ที่น่าแปลกมีเพียง ปราณของเขากลับอยู่เพียงกึ่งแก่นทองคำเท่านั้น

จิงสั่วลังเลก่อนจะจากไป

มันยังจดจำคำทำนายของผู้เชี่ยวชาญผู้หนึ่งได้ คำทำนายกล่าวว่า หนิงฝานสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายกาย เมื่อยามนั้น มันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ยามนี้มันเชื่อกว่า 9 ใน 10 ส่วน

ชู่ซวนเชียนสื่อเงยหน้ามองหนิงฝานบนท้องนภา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่สดใส

“แคว้นเยว่ปลอดภัยแล้ว… สหายน้อย ข้าขอฝากฝังเจ้า...”

แม้ชู่ซวนเชียนสื่อมักจะแสดงกริยาที่ดูโอ่อ่าและหยิ่งทะนง นั่นเพราะศักดิ์ฐานะของนาง แต่ยามนี้ นางกลับยิ้มราวกับสตรีทั่วไป

เป็นรอยยิ้มที่งดงาม ที่แม้ 1 แสนหยกสวรรค์ก็ไม่อาจแลก

แล้วทั้งสองก็จากไป

เหลือเพียงหนิงฝานและปีศาจเฒ่าเพียงลำพัง

หนิงฝานจับจ้องปีศาจเฒ่า เขาลดทอนความแข็งแกร่งของมันได้สำเร็จ

โม่หนิงบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม สัมผัสเทพบรรลุถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่นั่นไม่ได้ทำให้ปราณของหนิงฝานยกระดับ มันเพียงทำให้เขาใช้วิชาสัมผัสเทพได้ 2 วิชาเท่านั้น

วิชาแรก ย่างก้าวพริบตา เงาร่างหนิงฝานจะแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำ เพียงแต่ การใช้วิชาจะไม่ได้เผาผลาญปราณ แต่เผาผลาญสัมผัสเทพแทน ถึงอย่างนั้น ความเร็วที่ได้กลับไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น… แต่หากไป๋ฝานบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เมื่อใช้ย่างก้าวพริบตา ความเร็วที่ได้จะรวดกว่าย่างก้าวพริบตาทั่วไปมาก

วิชาที่สอง พิรุณผันแปร คือการที่โม่หนิงสลายร่าง แปรเปลี่ยนตนเป็นกระบี่ที่เกิดจากสัมผัสกระบี่หลายพันเล่ม

แม้วิชาสัมผัสเทพจะมีเพียงหนึ่ง แต่นั่นกลับทรงพลังพอจะทำอันตรายผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ และสังหารเทียนยี่ได้ไม่ยาก

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เทียนยี่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แม้ปราณของมันจะเทียนเคียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ขอบเขตของมันยังไม่บรรลุ จึงถูกสังหารด้วยวิชาพิรุณผันแปรของหนิงฝาน

หลังจากบรรลุวิชาพิรุณผันแปรของโม่หนิง สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานก็ทรงพลังมากขึ้น

สองวิชาสัมผัสเทพ หนึ่งหลบหนี หนึ่งจู่โจม ทำให้หนิงฝานแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าทวี แต่น่าเสียดายเพียงแค่ปราณของหนิงฝานยังอ่อนด้อยเกินไป หากต้องต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน หนิงฝานจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ก่อนหน้านี้ที่หนิงฝานสังหารเทียนยี่ เขาใช้สัมผัสเทพไปจนเกือบหมด ปราณของเขามีจำกัด

จึงต้องสัมผัสกระเป๋า นำโอสถฝู่มิ่งหนึ่งขวด เทลงไปในปาก เคี้ยวและกลืนอย่างเร่งร้อน

เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณมีความสามารถพิเศษในการดูดซับโอสถ ดังนั้นในระหว่างต่อสู้ เขาสามารถฟื้นฟูปราณได้อย่างรวดเร็ว

ยามนี้ หนิงฝานมั่นใจ 9 ใน 10 ส่วนว่าจะสังหารปีศาจเฒ่าได้!

นี่เป็นความมั่นใจ ของผู้เชี่ยวชาซดวงจิตแรกเริ่มที่สามารถต่อต้านสวรรค์ได้

ชื่อเสียงและเกียรติยศของจักรพรรดิสวรรค์ แม้จะยิ่งใหญ่แต่ก็เป็นเพียงชื่อเสียง หนิงฝานในยามนี้ยังห่างไกลจากจุดนั้นมาก… ชื่อเสียงเกียรติยศเป็นเพียงสิ่งจอมปลอม สุดท้ายแล้ว ผู้ที่มีพลังน้อยกว่าย่อมถูกข่มเหง

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดของปีศาจศพอสูร… ข้าหนิงฝานเป็นผู้สืบทอดเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจ… เช่นนั้น ข้าช่วยให้เจ้าได้ตายอย่างสงบ” แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวจนถึงขีดสุด

หนิงฝานอ้าปาก พ่นมังกรทมิฬทั้ง 9 ตัวออกมา พวกมันแหวกว่าย ปกคลุมไปทั่วท้องนภา!

“เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจ? เส้นลมปราณปีศาจ… นั่นเพลิงปีศาจสิบสองชีพจรพิภพ!” สีหน้าปีศาจเฒ่าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะครอบครองเพลิงปีศาจทมิฬ

ในยุคที่มันยังแข็งแกร่ง มันต้านเพลิงปีศาจได้อย่างยากลำบาก ยิ่งด้วยยามนี้มันขาดแหล่งกักเก็บปราณไป ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะต้านเพลิงปีศาจได้อย่างไร?

“เจ้าครอบครองมัน… ข้าจะยอมรับการลงโทษ เลิกมุ่งร้ายกับเมืองหนิง และออกจากแคว้นเยว่ไป!” แววตาของปีศาจเฒ่าดูอ่อนลง มันสู้หนิงฝานไม่ได้ แม้มันเกลียดชังหนิงฝานมากขนาดไหน แต่ยามนี้มันต้องอดทน เพื่อรอโอกาสแก้แค้นอีกครั้ง

แต่หนิงฝานกลับกล่าวตอบมันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“วังวนมังกรเพลิง… วังวนที่ 1… 2... 3… 4!”

ใชชั่วลมหายใจนั้น มังกรเพลิงทั้ง 9 ตัวบินหมุนวน ก่อเกิดเป็นวังวนเพลิงขนาดยักษ์ โดยมีปีศาจเฒ่าเป็นศูนย์กลาง

วังวนเพลิงในยามนี้ดูผิดธรรมดาไปมาก ปีศาจเฒ่าพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่ยังไม่อาจทำลายวังวนออกไปได้

เพราะวังวนเพลิงได้สลายการจู่โจมไป

สวรรค์คือวัฏจักร วัฏจักรก็คือสวรรค์ที่โคจรหมุนวน ดังนั้น วังวนเพลิงของหนิงฝานจึงไม่อาจดูถูก

ปีศาจเฒ่าไม่อาจทำลายวังวนเพลิง มันจึงใช้ปราณที่หลงเหลืออยู่ในร่างของมัน ผสานกับกำลังกาย ต่อต้านขัดขืนเต็มที่

แม้วังวนมังกรเพลิงจะทรงพลัง แต่มันทำอันตรายได้เพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง สำหรับปีศาจเฒ่าแล้ว มันแค่นรู้สึกคันๆเท่านั้น

หากไม่เพราะศพไม่ถูกกับเพลิง มันคงไม่ทุ่มกำลังทำลายวังวนเพลิง

“ถึงยามนี้ข้าจะต้านเพลิงได้ แต่หากปราณเฮือกสุดท้ายของข้าหมด ร่างของข้าย่อมเสียหายร้ายแรงเพราะเพลิง… วันนี้ข้าต้องหนีไปให้ได้” ปีศาจเฒ่าสัมผัสกระเป๋า นำศพในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรและขอบเขตประสานวิญญาณออกมา แล้วบังคับให้พวกมันทั้งหมดตรงไปยังตำแหน่งหนึ่งในวังวน

เมื่อเพลิงแผดเผาศพจำนวนมหาศาล ปราณเพลิงบริเวณนั้นจึงเบาบางจนเกิดเป็นรูโหว่ ปีศาจเฒ่าจึงคิดฉวยโอกาสนั้นหลบหนี

แต่หนิงฝานที่เฝ้าดูจะไม่ปล่อยให้มันหนี เพราะสักวัน มันคงหาโอกาสมาแก้แค้น

“วังวนที่ 5!”

ใบหน้าหนิงฝานซีดขาว เขาฝืนใช้วังวนที่ 5… แม้สัมผัสเทพจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่ปราณยังไม่บรรลุ ดังนั้น ทั้งปราณและสัมผัสเทพจึงถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งไม่อาจสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของวังวนที่ 5 ได้ หนิงฝานจึงต้องนำโอสถฝู่มิ่งออกมา 2 ขวด แล้วกินพวกมันเข้าไปในคราวเดียว ทำให้วังวนเพลิงปีทมิฬสำแดงอานุภาพได้เต็มที่

อานุภาพของเพลิงในวังวน รุนแรงขึ้นหลายเท่าตัว และเพียงพอที่จะทำอันตรายต่อผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม!

ปีศาจเฒ่าไม่อาจหนีได้พ้น มันถูกวังวนดึงตัวกลับเข้ามา และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

“หนิงฝาน! อย่าได้บีบคั้นข้า!”

“ข้าไม่ได้บีบคั้น แต่ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“ได้! เช่นนั้นจะได้เห็นดีกัน! หมื่นศพแคว้นพินาศ!” ปราณสีดำทมิฬแผ่ออกมาจากร่างของปีศาจเฒ่า  สัมผัสกระเป๋าใบหนึ่ง นำศพบินในขอบเขตประสานวิญญาณออกมานับพัน แต่เมื่อมันต้องสัมผัสเพลิงที่รุนแรง พวกมันกลับถูกเผาแทบจะในทันที

แต่ปีศาจเฒ่าไม่หยุดมือ มันชักนำศพในขอบเขตเปิดเส้นชีพจร 6000 ศพในขอบเขตประสานวิญญาณ 3000 และศพในขอบเขตแก่นทองคำอีก 1000 ทะยานเข้าใส่วังวนเพลิงเพื่อลดทอดอานุภาพ!

สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยน ศพนับหมื่น! สมแล้วที่ได้ชื่อว่า หมื่นศพแคว้นพินาศ!

แต่หมื่นศพแล้วอย่างไร… หนิงฝานหลับตาและลืมตาดวงแววตาเฉียบคมราวกับกระบี่

ยามนี้ เจตนาสังหารของเขาคล้ายตอนที่อยู่ในป่าแห่งภูติพราย ครั้งที่สังหารภูติเป็นจำนวนมากด้วยตัวคนเดียว!

“สังหาร!”

ตัวอักษร 灭 ที่เปล่งกายปรากฏขึ้นพร้อมกับสัมผัสกระบี่ที่ทรงอานุภาพ

สัมผัสเทพแผ่ปกคลุมศพในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรและประสานวิญญาณ ทำให้พวกมันถูกปราณกระบี่ฟาดฟันทำลายทันที

แต่ศพในขอบเขตแก่นทองคำนั้น เหลือรอดถึง 73 ร่าง

พวกมันเป็นศพในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางและสูง แม้พวกมันไม่ตาย แต่ล้วนบาดเจ็บสาหัส

นับว่าวิชาของหนิงฝานสังหารศพนับหมื่นได้!

สีหน้าปีศาจเฒ่าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะมีสัมผัสกระบี่!

หากมันรู้ก่อน มันจะไม่ใช้หมื่นศพแคว้นพินาศกับหนิงฝาน มันจะใช้เพียงศพในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงเท่านั้น

เพราะสัมผัสกระบี่ คือฝันร้ายของศพและวิญญาณ!

“เจ้ามีสัมผัสกระบี่! เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณอะไรกัน เจ้ามันครอบครองเส้นลมปราณเทพชัดๆ เจ้าเป็นคนของโลกกระบี่! วันนี้ข้าจะตกตายไปพร้อมกับเจ้า!”

แววตาของปีศาจเฒ่าแปรเปลี่ยนเป็นคั่งแค้น ราวกับมันมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกับคนของโลกกระบี่ แต่นั่นไม่ใช่ฝีมือหนิงฝาน

ปีศาจเฒ่าควบคุมศพ 27 ร่างรอดพ้นออกจากวังวนเพลิง พวกมันแผดเสียงร้องคำราม ทะยานเข้าใส่หนิงฝาน ราวกับกำลังจะระเบิดร่างและตกตายไปพร้อมกัน

หนิงฝานใช้ย่างก้าวพริบตา ถอยห่างไปพันจ้าง

วังวนที่ 5 คือขีดจำกัดของหนิงฝานยามนี้ หากจะสังหารปีศาจเฒ่าให้สิ้น อานุภาพของมันยังไม่พอ

หนิงฝานขบกัดปลายลิ้น ผสานโลหิตกับเพลิงมังกรทมิฬ ทำให้เพลิงทรงอานุภาพขึ้นหลายเท่าตัว เพื่อยกระดับเป็นวังวนที่ 6!

หนิงฝานใช้ย่างก้าวพริบตาหลบหลีกศพที่เข้าประชิดอย่างต่อเนื่อง พลางพ่นโลหิตเพื่อเสริมอานุภาพของวังวนเพลิง แต่วังวนเพลิงยังไม่ทรงอานุภาพพอที่จะเป็นวังวนที่ 6!

“ยังไม่พอ!”

หนิงฝานใช้ย่างก้าวพริบตาเคลื่อนไหว ครั้งนี้ เขาใช้มือทุบอกตนจนโลหิตสายกระจายอย่างรุนแรง ราดเข้าใส่วังวนเพลิง

วังวนเพลิงลุกโหมอย่างบ้าคลั่ง ผันแปรเป็นวังวนเพลิงที่กว้างถึงพันจ้าง โดยที่ตำแหน่งใจกลางของวังวน ดูเหมือนปากของมังกรเพลิง

ยามนี้ ปราณในรัศมีรอบๆแสนลี้ ได้ถูกดึงดูดเข้ามายังสถานที่แห่งนี้

ผู้เชี่ยวชาญที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตกตะลึง พวกมันแหงนมองท้องนภาในทิศทางที่หนิงฝานไป เห็นเงาร่างมังกรทมิฬขนาดยักษ์ที่ดูน่าสะพรึงกลัว

และในเงานั้น ได้ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างมังกรจริงๆ ดวงตาของมังกรเพลิงปรากฏ ทำให้ผู้ที่พบเห็นหวาดกลัวราวกับฝันร้าย

วังวนมังกรเพลิงที่ 6 นี้ สามารถชักนำอำนาจที่แท้จริงของมังกรมา ซึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะใช้วิชาระดับนี้  แต่หนิงฝานกลับเป็นผู้ใช้มัน แม้ขอบเขตปราณของเขายังไม่ถึงขั้น แต่ก็พอให้จัดการปีศาจเฒ่า

“บ้า… เจ้ามันบ้าไปแล้ว! ข้ากับเจ้าไม่ได้เกลียดชังกันขนาดนั้น!” ปีศาจเฒ่าแผดเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อปีศาจเฒ่าจัดการได้ยาก หนิงฝานจึงต้องทุ่มทุกอย่างที่มี และไม่ยอมจนกว่ามันจะตาย

เปลวเพลิงที่รุนแรงแผดเผาร่างของปีศาจเฒ่า จนร่างกายอันทรงพลังที่มันภาคภูมิได้เริ่มละลายลง

เปลวเพลิงในวังวนที่ 6 ทรงพลังจนยากจะบรรยาย ต่อให้เป็นศพที่ไม่เน่าสลาย ก็ยังต้องเสียหายร้ายแรง

“ตาย!”

แม้จะต้องบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียโลหิตไปมาก แต่เพื่อสังหารปีศาจเฒ่าแล้ว เขายอมทุ่มทุกสิ่ง

วังวนเพลิงก่อตัวเป็นปากมังกรขนาดยักษ์ มันเปล่งเสียงคำรามดังสนั่น บอลเพลิงจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ศพในขอบเขตแก่นทองคำ โดยที่อานุภาพของพวกมันนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าวังวนที่ 5

ศพในขอบเขตแก่นทองคำถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในพริบตา แต่ปีศาจเฒ่ายังมีชีวิตรอด

แม้เพลิงจะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้มัน แต่ยังไม่พอจะเผาทำลายมันให้สิ้นซาก แต่เมื่อสายตาที่อัดแน่นไปด้วยเจตนาสังหารอันแรงกล้า จิตใจของมันพลันสั่นสะท้าน

“วารีผันแปร!”

หนิงฝานใช้นิ้วสัมผัสที่หน้าผาก กระบี่สีดำทมิฬปรากฏ ทะยานขึ้นสู่ท้องนภา

กระบี่เล่มนั้นพุ่งทะยานเข้าไปในวังวนเพลิง แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่นับหมื่นเล่ม ฟาดฟัน กรีดแทง ปีศาจเฒ่า เหมือนกับที่หนิงฝานสังหารเทียนยี่

ตาย… ตาย… ตาย… หนิงฝานกินโอสถอย่างบ้าคลั่ง เสริมปราณและสัมผัสเทพที่เสียไป เพิ่มพูนอานุภาพของการจู่โจม

เมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรู มันต้องประสบกับความตาย… หานหยวนจี๋กล่าวไว้!

แต่ไม่นาน กระบี่เหล่านั้นกลับสลาย วังวนเพลิงกระจายตัวและลดอานุภาพลงอย่างช้าๆ หนิงฝานไม่อาจทนได้อีก และกระอักโลหิตคำโต

เมื่อวังวนเพลิงสลาย ซากร่างที่ถูกเผาทำลายก็ปรากฏ

ร่างนั้นไม่ขยับเคลื่อนไหว จิตวิญญาณภายในถูกแผดเผาจนสิ้น

แต่ถึงอย่างนั้น ศพนั้นกลับยังไม่สูญสลาย หรือนั่นเป็นศพที่อยู่ใกล้ระดับศพปีศาจที่แท้จริง?

หากศพที่อยู่ในแหวนของหนิงฝานเป็นศพปีศาจจริงๆ… ร่างกายของนางคงแข็งแกร่งมาก

หนิงฝานปรับลมหายใจอยู่นาน เฝ้ามองซากร่างที่เหลือของปีศาจเฒ่า

เขาไม่ได้มีความสุขจากชัยชนะ แต่ต้องการเพียงความสงบเท่านั้น

“เทพกษัตริย์เนี่ย… ข้ากำลังเข้าใกล้เจ้าทีละก้าว… และวันหนึ่ง เจ้าจะได้เผชิญชะตากรรมเหมือนปีศาจเฒ่าตนนี้...” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

ที่หนิงฝานสงบและยังไม่มีความสุขนั้น เพราะเขายังมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้ หากเขาสังหารเทพกษัตริย์เนี่ยไม่ได้ เขาก็ไร้ซึ่งความสุขจากชัยชนะ

เมื่อปราณบริเวณที่เกิดการต่อสู้นิ่งสงบ ผู้เชี่ยวชาญทุกคนจากเมืองหนิงก็เกิดความสงสัย

ในรัศมีรอบบริเวณที่หนิงฝานอยู่พันลี้ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก การต่อสู้เช่นนี้ในแคว้นเยว่ พันปีจะมีครั้ง!

ดังนั้น ผู้คนจึงให้ความสนใจกับผลของการต่อสู้

ใครเป็นผู้ชนะ? ปีศาจทมิฬหนิง...หนิงฝาน หรือปีศาจศพอสูรที่ทำลายแคว้นมาแล้ว 7 แห่ง?

เมื่อผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเห็นชู่ซวนเชียนสื่อและจิงสั่วกลับมา แววตาทุกคู่ก็จับจ้อง

สีหน้าของชู่ซวนเชียนสื่อยังคงตระหนก และยังแฝงไปด้วยอารมหลากหลายยากจะกล่าว

ยิ่งสีหน้าของจิงสั่ว ยิ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญสงสัย ปู้ขวางเฝินที่อดไม่ไหวจึงเร่งเข้ามาถาม

“ประมุข… เหตุใดท่านกังวลเช่นนี้… หรือว่า ปีศาจทมิฬหนิงจะพ่ายให้กับปีศาจเฒ่านั่น?”

“พ่าย? ฮึ่ม… เจ้าดูเอาเองแล้วกัน”

จิงสั่วหันหน้ากลับ มองไปยังท้องนภาห่างไกล ตรงนั้นปรากฏเงาร่างของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวดำ กำลังเหยียบย่างนภาตรงมาช้าๆ

ปราณของผู้เยาว์คนนั้นแผ่วบางมาก ทำให้เหยียบย่างนภาได้ไม่มั่นคง ในมือถือซากร่างที่ถูกเผาจนเกรียมกลับมา ดูราวกับว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว

ภาพที่เห็นทำให้ผู้เชี่ยวชาญแผ่นคลายอย่างที่สุด

ปีศาจเฒ่าถูกสังหารลงแล้ว!

เพียงแต่ เงาร่างที่ผู้เชี่ยวชาญเห็น เป็นเงาร่างของหนิงฝาน ไม่ใช่ปีศาจทมิฬหนิง แม้ทั้งสองจะคล้ายกันมากก็ตาม

ปู้ขวางเฝินมองจิงสั่วและกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา

“ประมุข ปีศาจทมิฬหนิงได้รับชัยชนะแล้ว เหตุใดพวกท่านถึงไม่มีความสุข ยังมีเรื่องใดให้ต้องกังวลอีก”

“ข้ามีความสุข...” แต่ใบหน้าจิงสั่วไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันไม่อาจต่อกรกับปีศาจเฒ่าได้แม้แต่น้อย แต่หนิงฝาน… กลับใช้วิชาที่ทรงพลังเทียบเท่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด เผาร่างของปีศาจเฒ่าจนสิ้นชีวิต

จิงสั่วรู้ว่าผู้ที่สังหารปีศาจเฒ่าคือหนิงฝาน… ในโลกใบนี้ ปีศาจทมิฬหนิงไม่ได้มีอยู่จริง

จิงสั่วถอนหายใจในโชคชะตาและความไม่ยุติธรรม... หนิงฝานอายุเพียง 18 ปี แต่กลับเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม

บางที อาจมีเพียงจิงสั่วที่รู้สึกเช่นนี้ เพราะผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆกำลังไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี

เมื่อหนิงฝานกลับถึงเมืองหนิง หนานกงและคนอื่นๆที่ไล่ตามเรือเหาะของนิกายจี๋หลิงก็กลับมาพอดี

สงครามได้สิ้นสุด คงถึงเวลาที่หนิงฝานต้องบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ

หนิงฝานร่อนลงเมืองหนิง เมื่อเท้าสัมผัสพื้น จื่อเฮ่อก็โผเข้ากอดจนหนิงฝานเกือบล้ม

แต่ผู้ที่หมดสติไปก่อนกลับเป็นชู่ซวนเชียนสื่อ...

“พี่ฝาน ไปดูนางเร็วเข้า นางหมดสติแล้ว!” จื่อเฮ่ออุทาน

“นี่...” หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจชู่ซวนเชียนสื่อ สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

นางต้องพิษ แม้พิษจะไม่รุนแรงมากนัก แต่พิษได้หยั่งลึกจนยากจะถอน

หนิงฝานเร่งถอดรองเท้าของนางออก แล้วสัมผัสที่เท้าของนาง

“นางต้องพิษจริงๆ… แต่กลับเงียบไว้ไม่ยอมบอก คิดอยากจะทำเหมือนว่าตนเองเก่งกาจหรือไง...”

หนิงฝานส่ายหน้า แต่แววตากลับมองนาด้วยความนับถือ

เพราะสตรีนั้นดื้อรั้นได้มากกว่าบุรุษ… และนางนับเป็นสตรีที่ดี...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด